โปรแกรมฉีด Profhilo กับ โปรแกรมฉีด Radiesse ต่างกันอย่างไร?
โปรแกรมฉีด Profhilo กับ โปรแกรมฉีด Radiesse ต่างกันอย่างไร?
โปรแกรมฉีด Profhilo และโปรแกรมฉีด Radiesse ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและฟื้นฟูโครงสร้างผิว โดยทั้งสองมีคุณสมบัติคล้ายกันแต่แตกต่างกันในส่วนประกอบและหลักการทำงาน บทความนี้จะช่วยให้คุณเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมและตอบโจทย์ปัญหาผิวได้ดีที่สุด
โปรแกรมฉีด Profhilo คืออะไร?
โปรแกรมฉีด Profhilo คือ สารฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากสวิตเซอร์แลนด์ที่ใช้เทคโนโลยี NAHYCO® เชื่อม Hyaluronic Acid (HA) ขนาดใหญ่และเล็กเข้าด้วยกัน โดยไม่ใช้การเชื่อมพันธะแบบฟิลเลอร์ทั่วไป ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น และแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โปรแกรมฉีด Radiesse คืออะไร?
โปรแกรมฉีด Radiesse คือ สารกระตุ้นคอลลาเจนจากเยอรมนีที่มีส่วนประกอบของ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งพบได้ในกระดูกและฟันมนุษย์ มีความปลอดภัยสูง ช่วยเติมเต็มผิวทันทีและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น และสุขภาพดีในระยะยาว
โปรแกรมฉีด Profhilo กับโปรแกรมฉีด Radiesse ต่างกันอย่างไร?
ส่วนประกอบ:
- โปรแกรมฉีด Profhilo: Hyaluronic acid (HA) แบบ Non-Crosslinked, บริสุทธิ์ 100%, ไม่มีสารเติมแต่ง
- โปรแกรมฉีด Radiesse: Calcium Hydroxylapatite (CaHA), สารจากกระดูกและฟันมนุษย์, มีความปลอดภัยสูง
หลักการทำงาน:
- โปรแกรมฉีด Profhilo: กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน พร้อมฟื้นฟูโครงสร้างผิวทุกระดับ
- โปรแกรมฉีด Radiesse: สร้างเส้นใยตาข่ายใต้ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
วิธีการฉีด:
- โปรแกรมฉีด Profhilo: ใช้เทคนิค Bio Aesthetic Points (BAP) ที่ 5 จุดต่อข้างบนใบหน้า
- โปรแกรมฉีด Radiesse: ฉีดเพื่อเติมเต็มหรือกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นลึก เช่น ร่องแก้ม
จุดเด่น:
- โปรแกรมฉีด Profhilo: กระตุ้นคอลลาเจน 4 ชนิด และฟื้นฟูโครงสร้างผิวทั้งชั้นผิว
- โปรแกรมฉีด Radiesse: กระตุ้นคอลลาเจนชนิดที่ 1, 3, อีลาสติน, Angiogenesis, และ Proteoglycan
ระยะเวลาเห็นผล:
- โปรแกรมฉีด Profhilo: เริ่มเห็นผลภายใน 1 เดือน, ชัดเจนที่ 2 เดือน, คงอยู่ 6-9 เดือน
- โปรแกรมฉีด Radiesse: เห็นผลทันทีในเรื่องการเติมเต็ม, กระตุ้นคอลลาเจนเห็นผล 1-3 เดือน, คงอยู่ 24 เดือน
โปรแกรมฉีด Profhilo เหมาะกับใคร?
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้างและหลุมสิว
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ หรือริ้วรอยตื้น ๆ
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหน้าหมองคล้ำ ขาดความสดใส
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผิวแบบ Glass Skin
- เหมาะสำหรับผู้ที่เคยฉีด Sculptra หรือ Radiesse
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูสุขภาพดี อิ่มฟู เปล่งปลั่ง
โปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะกับใคร?
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอย ร่องลึก เช่น ร่องแก้ม
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวสูญเสียปริมาตร
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากรอบหน้าไม่คมชัด
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มคอลลาเจนและอีลาสตินให้ผิว
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวชั้นลึก ต้องการให้ผิวแข็งแรง
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพจากอายุ
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน
โปรแกรมฉีด Profhilo มีข้อดีอย่างไร?
- ฟื้นฟูโครงสร้างผิวทั้งชั้นตื้นและลึก (Bio-Remodeling)
- กระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสติน 4 ชนิด ทำให้ผิวกระชับ อิ่มฟู เรียบเนียน
- เพิ่มความชุ่มชื้นและอิ่มน้ำให้ผิวด้วย HA
- ปลอดภัย เพราะไม่มีสาร Cross-linked และลดความเสี่ยงแพ้หรืออักเสบ
- ฉีดง่าย เจ็บน้อย ใช้เทคนิค BAP ลดความเจ็บปวด
- ไม่แข็ง ไม่เป็นก้อน และไม่อุดตันในเส้นเลือด
- ไม่มีการพักฟื้นหลังฉีด สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติทันที
โปรแกรมฉีด Profhilo มีข้อจำกัดอย่างไร?
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยขั้นรุนแรงหรือร่องลึก
- ไม่เหมาะสำหรับการเพิ่มปริมาตรหรือปรับรูปหน้า
- ใช้เวลาค่อนข้างนานในการเห็นผลลัพธ์
- ต้องฉีดซ้ำ 2 ครั้งในช่วงแรก ห่างกัน 1 เดือน และฉีดทุก 6 เดือน
โปรแกรมฉีด Radiesse มีข้อดีอย่างไร?
- สามารถฉีดเพิ่มปริมาตรและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนระยะยาว
- ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนชนิดที่ 1 และ 3 รวมถึงอีลาสติน ทำให้ผิวหนาแน่นและยืดหยุ่น
- ช่วยเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกต่าง ๆ ทำให้ใบหน้าอ่อนเยาว์
- ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 24 เดือน
- ได้รับความนิยมสูงทั่วโลกและมียอดใช้งานกว่า 15 ล้านไซริงค์
- มีความปลอดภัยสูงและได้รับการวิจัยมากกว่า 250 ฉบับ
- ผ่านการรับรองจาก อย. ทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ US FDA, EU FDA, และ TH FDA
โปรแกรมฉีด Radiesse มีข้อจำกัดอย่างไร?
- อาจทำให้เกิดอาการบวมแดงหรือช้ำมากกว่าโปรแกรมฉีด Profhilo ในบริเวณที่ฉีด แต่จะดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์
- ไม่เหมาะสำหรับบริเวณที่มีผิวบอบบาง และมีการเคลื่อนไหวบ่อย เช่น ริมฝีปาก ใต้ตา หรือหน้าผาก
- ใช้เวลานานในการเห็นผลลัพธ์ในการกระตุ้นคอลลาเจนเหมือนกับโปรแกรมฉีด Profhilo
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.romrawin.com/profhilo-vs-radiesse/
โปรแกรมฉีด Profhilo กับ โปรแกรมฉีด Radiesse ฉีดร่วมกันได้ไหม?
โปรแกรมฉีด Profhilo และโปรแกรมฉีด Radiesse สามารถฉีดร่วมกันได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ เนื่องจากมีคุณสมบัติแตกต่างกัน โดยโปรแกรมฉีด Profhilo เหมาะสำหรับฟื้นฟูผิวชั้นตื้นและกระตุ้นคอลลาเจน ส่วนโปรแกรมฉีด Radiesse เน้นเติมเต็มและปรับรูปหน้าในชั้นลึก พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว การใช้ร่วมกันจะช่วยเสริมผลลัพธ์ได้ดีขึ้นเมื่อวางแผนอย่างเหมาะสม
โปรแกรมฉีด Profhilo กับโปรแกรมฉีด Radiesse ต่างจากโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ทั่วไปอย่างไร?
- โปรแกรมฉีด Profhilo: ใช้ Hyaluronic Acid แบบ Non-Crosslinked เน้นฟื้นฟูผิว กระตุ้นคอลลาเจน ไม่เพิ่มปริมาตรผิว ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ คงผล 6-9 เดือน
- โปรแกรมฉีด Radiesse: ใช้ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) เน้นเพิ่มปริมาตรและกระตุ้นคอลลาเจนในผิวชั้นลึก ผลลัพธ์คงอยู่ 24 เดือน
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ทั่วไป: ใช้ Hyaluronic Acid แบบ Cross-linked เติมเต็มโครงสร้างและรูปหน้า แก้ปัญหาผิวเฉพาะจุด ไม่กระตุ้นคอลลาเจน คงผล 6-18 เดือน
โปรแกรมฉีด Profhilo กับ โปรแกรมฉีด Radiesse ฉีดกี่วันเห็นผล?
- โปรแกรมฉีด Profhilo: เห็นผลหลังฉีด 1 เดือนขึ้นไป, แนะนำฉีด 2 ครั้งห่าง 1 เดือน, และฉีดทุก 6-12 เดือนเพื่อคงผลลัพธ์
- โปรแกรมฉีด Radiesse: เห็นผลเติมเต็มทันที, ผลกระตุ้นคอลลาเจนเห็นผล 1-3 เดือน
โปรแกรมฉีด Profhilo กับ โปรแกรมฉีด Radiesse เจ็บไหม?
- โปรแกรมฉีด Profhilo: เจ็บเล็กน้อย, ใช้เทคนิค BAP ฉีดเพียง 5 จุดต่อข้าง, สามารถขอทายาชาเพื่อลดความเจ็บ
- โปรแกรมฉีด Radiesse: เจ็บมากกว่าเล็กน้อย, เนื่องจากฉีดผิวชั้นลึก, สามารถขอทายาชาเพื่อลดความเจ็บ
โปรแกรมฉีด Profhilo กับ โปรแกรมฉีด Radiesse อันตรายไหม?
- โปรแกรมฉีด Profhilo: ปลอดภัยสูง, มี Hyaluronic Acid บริสุทธิ์, ไม่มีสารเคมีเจือปน, ได้รับการรับรองจากหลายประเทศรวมถึง อย. ไทย
- โปรแกรมฉีด Radiesse: ปลอดภัยสูง, มี Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ที่พบในร่างกาย, ลดความเสี่ยงแพ้, ได้รับการรับรองจากหลายประเทศรวมถึง อย. ไทย
โปรแกรมฉีด Profhilo กับ โปรแกรมฉีด Radiesse มีผลข้างเคียงอย่างไร?
- โปรแกรมฉีด Profhilo: อาจเกิดอาการบวมแดงเล็กน้อยที่บริเวณที่ฉีด, จะหายภายใน 1-2 วัน
- โปรแกรมฉีด Radiesse: อาจเกิดอาการบวม, แดง, ช้ำ, หรือปวดตึงที่บริเวณที่ฉีด, จะหายภายใน 1 สัปดาห์
โปรแกรมฉีด Profhilo และโปรแกรมฉีด Radiesse ต่างกันในหลาย ๆ ด้าน โปรแกรมฉีด Profhilo เน้นกระตุ้นคอลลาเจนและฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ โดยไม่เปลี่ยนแปลงรูปหน้า เหมาะสำหรับผิวที่ต้องการความชุ่มชื้นและสุขภาพดี ส่วนโปรแกรมฉีด Radiesse เน้นเพิ่มปริมาตรและกระตุ้นคอลลาเจนในผิวชั้นลึก เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยหรือผิวหย่อนคล้อย การเลือกฉีดขึ้นอยู่กับปัญหาผิว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและวางแผนการรักษา
อ้างอิงจาก: https://www.romrawin.com/profhilo-vs-radiesse/
https://www.romrawin.com/profhilo/
















