รู้หรือไม่ ? รังสี UVA UVB ต้องใช้ SPF เท่าไหร่ ถึงเหมาะสมในการผลิตครีมกันแดด
รู้หรือไม่ ? รังสี UVA UVB ต้องใช้ SPF เท่าไหร่ ถึงเหมาะสมในการผลิตครีมกันแดด
ทำไมต้องเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสม
ครีมกันแดดเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีความสำคัญมากที่สุด เพราะสามารถช่วยปกป้องผิวจากรังสีอันตรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่สามารถทำร้ายผิวได้ลึกถึงระดับเซลล์ ทำให้เกิดความหมองคล้ำ จุดด่างดำ ฝ้า กระ และริ้วรอยก่อนวัย อีกทั้งหากได้รับรังสี UVB มากเกินไป อาจทำให้เกิดผิวไหม้แดด หรือเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนังได้
การเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมจะต้องพิจารณาถึงค่า SPF และ PA ซึ่งเป็นค่าที่ใช้วัดประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB โดยค่า SPF ยิ่งสูงก็สามารถป้องกันแสงแดดได้ยาวนานขึ้น ส่วนค่า PA เป็นตัววัดระดับการป้องกันรังสี UVA ที่เป็นสาเหตุของริ้วรอยก่อนวัย
รังสี UV มีกี่ประเภท?
รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มาจากแสงอาทิตย์ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ตามความยาวคลื่นและระดับพลังงานที่แตกต่างกัน ได้แก่ รังสี UVA, รังสี UVB และรังสี UVC โดยแต่ละประเภทมีผลกระทบที่แตกต่างกันต่อผิวหนังของมนุษย์ และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ
ประเภทของรังสีที่มีผลต่อผิว
รังสียูวีเอ (UVA)
- ความยาวคลื่น: 320 - 400 nm (นาโนเมตร)
- ความสามารถในการทะลุทะลวง: สูงที่สุด สามารถทะลุผ่านชั้นบรรยากาศ กระจก เสื้อผ้า และเข้าถึงผิวหนังชั้นลึก (ชั้นหนังแท้)
- ผลกระทบต่อผิวหนัง:
- ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง
- ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย ผิวเหี่ยวย่น
- เป็นสาเหตุหลักของการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และความหมองคล้ำ
- เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง
- แหล่งกำเนิด: แสงแดด เครื่องทำผิวแทน (Tanning beds)
2. รังสียูวีบี (UVB)
- ความยาวคลื่น: 280 - 320 nm
- ความสามารถในการทะลุทะลวง: น้อยกว่ารังสี UVA สามารถถูกกรองโดยชั้นบรรยากาศบางส่วน แต่ยังสามารถเข้าถึงผิวหนังชั้นนอกสุดได้ (ชั้นหนังกำพร้า)
- ผลกระทบต่อผิวหนัง:
- ทำให้ผิวไหม้แดด (Sunburn)
- กระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวคล้ำ
- อาจทำให้ DNA ในเซลล์ผิวหนังเสียหาย และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง
- มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นให้ร่างกายผลิตวิตามินดี (ในปริมาณที่เหมาะสม)
- แหล่งกำเนิด: แสงแดด
3. รังสียูวีซี (UVC)
- ความยาวคลื่น: 100 - 280 nm
- ความสามารถในการทะลุทะลวง: ต่ำที่สุด ถูกดูดซับเกือบทั้งหมดโดยชั้นบรรยากาศของโลก จึงไม่สามารถเข้าถึงพื้นผิวโลกได้
- ผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต:
- มีพลังงานสูงที่สุด สามารถทำลาย DNA ของเซลล์สิ่งมีชีวิตได้อย่างรุนแรง
- ใช้ในการฆ่าเชื้อโรคในอากาศ น้ำ และพื้นผิวต่าง ๆ
- อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังและเยื่อบุตาหากได้รับในปริมาณมาก
- แหล่งกำเนิด: แสงแดด หลอดฆ่าเชื้อ UVC ในอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุตสาหกรรม
รังสี UV เป็นองค์ประกอบสำคัญของแสงแดดที่ส่งผลต่อผิวหนังของเราในระดับที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะรังสี UVA และ UVB ที่สามารถก่อให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ได้ ดังนั้น การป้องกันแสงแดดอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการดูแลสุขภาพผิวและลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้องกับแสงแดด เช่น มะเร็งผิวหนัง การเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพและการหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลาที่มีรังสีสูงสุดเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลผิวให้แข็งแรงและมีสุขภาพดี
SPF และ PA ในครีมกันแดด
ค่า SPF หรือ Sun Protection Factor คือค่าความสามารถของครีมกันแดดในการป้องกันรังสี UVB โดยแต่ละระดับของค่า SPF จะสามารถปกป้องผิวได้ดังนี้:
- SPF 15: ป้องกันรังสี UVB ได้ 93.3%
- SPF 30: ป้องกันรังสี UVB ได้ 96.7%
- SPF 50: ป้องกันรังสี UVB ได้ 98%
ค่า PA หรือ Protection Grade of UVA เป็นค่าที่วัดความสามารถของครีมกันแดดในการป้องกันรังสี UVA:
- PA+ : ป้องกันรังสี UVA ได้น้อย
- PA++ : ป้องกันรังสี UVA ได้ปานกลาง
- PA+++ : ป้องกันรังสี UVA ได้สูง
- PA++++: ป้องกันรังสี UVA ได้สูงสุด
เทคนิคการเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิว
- สำหรับผิวมัน: เลือกครีมกันแดดที่มีเนื้อเจลหรือโลชั่นที่ซึมเร็ว ไม่ทำให้ผิวมันเยิ้ม
- สำหรับผิวแห้ง: ใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
- สำหรับผิวแพ้ง่าย: ควรเลือกครีมกันแดดที่ไม่มีน้ำหอม หรือสารกันเสียที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้
อยากเริ่มผลิตครีมกันแดด ต้องทำยังไง ?
การผลิตครีมกันแดดให้ประสบความสำเร็จและเป็นที่ต้องการของตลาดนั้น ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ หากคุณกำลังต้องการสร้างแบรนด์ครีมกันแดดของตัวเอง นี่คือขั้นตอนสำคัญที่คุณต้องทำ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://pdl.co.th/spf/
1. เลือกสูตรครีมกันแดดที่ต้องการ
ขั้นตอนแรกในการผลิตครีมกันแดดคือการเลือกสูตรที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อครีม โลชั่น หรือเจล รวมถึงค่าการป้องกันรังสี UVA และ UVB คุณสมบัติเด่น และส่วนผสมที่ต้องการ การเลือกสูตรที่ดีต้องคำนึงถึง:
- ประเภทของครีมกันแดด (กันน้ำ กันเหงื่อ ควบคุมความมัน หรือสำหรับผิวแพ้ง่าย)
- ค่า SPF และ PA ที่เหมาะสมกับตลาดเป้าหมาย
- ส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวเพิ่มเติม เช่น วิตามิน อโลเวร่า หรือสารต้านอนุมูลอิสระ
ที่ Pure Derima Laboratories เรามีสูตรครีมกันแดดที่ผ่านการพัฒนาและวิจัยให้เข้ากับสภาพผิวของคนไทย และสภาพอากาศร้อนชื้น ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของคุณสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมั่นใจ
2. รับใบเสนอราคาและตัวอย่างสูตร
หลังจากเลือกสูตรที่ต้องการแล้ว โรงงานจะทำการผลิต ตัวอย่างครีมกันแดด เพื่อให้ลูกค้าทดลองใช้และประเมินผล หากพอใจกับคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ ลูกค้าจะได้รับ ใบเสนอราคา และดำเนินการ ชำระเงินมัดจำ 50% เพื่อเริ่มต้นกระบวนการผลิต
นอกจากนี้ โรงงานจะดำเนินการ จดแจ้ง อย. ในนามแบรนด์ของลูกค้า เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ของคุณได้รับการรับรองตามมาตรฐานและสามารถวางจำหน่ายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย กระบวนการจดแจ้ง อย. อาจใช้เวลาประมาณ 7-14 วันทำการ ขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์และการตรวจสอบเอกสาร
3. เลือกบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการ
นอกจากตัวผลิตภัณฑ์แล้ว บรรจุภัณฑ์ ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค การเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมควรพิจารณาทั้งความสะดวกในการใช้งาน ความสวยงาม และการปกป้องผลิตภัณฑ์ภายใน โดยมีตัวเลือกดังนี้:
- แบบหลอด: เหมาะสำหรับครีมกันแดดเนื้อครีมหรือเจล ใช้งานง่าย พกพาสะดวก
- แบบขวดปั๊ม: เหมาะสำหรับเนื้อโลชั่นหรือเซรั่ม ควบคุมปริมาณการใช้ได้ดี
- แบบตลับหรือกระปุก: เหมาะสำหรับครีมกันแดดเนื้อข้น หรือครีมที่มีส่วนผสมของรองพื้น
หลังจากเลือกบรรจุภัณฑ์แล้ว จะต้องผ่านการ ทดสอบความเข้ากันได้ (Compatibility Test) เพื่อให้มั่นใจว่าบรรจุภัณฑ์ที่เลือกสามารถรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้อย่างดี จากนั้นเข้าสู่กระบวนการออกแบบโลโก้ ฉลากสินค้า และกล่องบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะกับแบรนด์ของคุณ
4. วิเคราะห์ค่า SPF และ PA
การวิเคราะห์ค่า SPF และ PA เป็นขั้นตอนสำคัญในการผลิตครีมกันแดด เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์สามารถปกป้องผิวจากรังสี UV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผลการทดสอบจะแสดงค่า SPF ตั้งแต่ SPF 6 ถึง SPF 50+ และค่า PA ตั้งแต่ PA+ ถึง PA++++ ตามความสามารถของผลิตภัณฑ์จริง
เมื่อการทดสอบเสร็จสิ้น ลูกค้าจะได้รับ เอกสารยืนยันผลค่า SPF และ PA ซึ่งสามารถใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงในการทำการตลาด และช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์ได้อีกด้วย
5. ชำระมัดจำส่วนที่เหลือ และส่งมอบสินค้า
หลังจากดำเนินการทุกขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว โรงงานจะเริ่มกระบวนการผลิตครีมกันแดด โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ เมื่อการผลิตเสร็จสิ้น ลูกค้าจะต้องชำระเงินมัดจำในส่วนที่เหลืออีก 50% ก่อนที่สินค้าจะถูกส่งมอบ
ลูกค้าสามารถตรวจสอบสินค้าก่อนการจัดส่ง เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้รับตรงตามมาตรฐานและความต้องการของแบรนด์ หลังจากนั้น ทางโรงงานจะดำเนินการ จัดส่งสินค้า ไปยังที่อยู่ของลูกค้า เพื่อให้สามารถนำไปวางจำหน่ายได้ทันที
การผลิตครีมกันแดดให้มีคุณภาพสูง ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกสูตรที่เหมาะสม ไปจนถึงการทดสอบค่า SPF และ PA เพื่อรับรองประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ หากคุณต้องการสร้างแบรนด์ครีมกันแดดของตัวเอง Pure Derima Laboratories พร้อมให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนา การผลิต การออกแบบบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการให้คำปรึกษาทางการตลาด เพื่อให้คุณสามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์ได้อย่างมั่นใจและประสบความสำเร็จในตลาดเครื่องสำอาง
คุณสมบัติของครีมกันแดดที่ดี
ครีมกันแดดที่มีคุณภาพดีไม่ได้มีเพียงแค่ความสามารถในการป้องกันรังสี UVA และ UVB เท่านั้น แต่ยังต้องมีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่ช่วยปกป้องและบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้
- ปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB
ครีมกันแดดที่ดีควรมีค่า SPF และ PA ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันอันตรายจากแสงแดด เช่น ริ้วรอยก่อนวัย จุดด่างดำ ฝ้า กระ และมะเร็งผิวหนัง
- เนื้อสัมผัสบางเบา ซึมซาบง่าย ไม่อุดตัน
ควรเลือกสูตรที่ซึมเข้าสู่ผิวได้รวดเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่แต่งหน้าเป็นประจำ
- ติดทนนาน กันน้ำ กันเหงื่อ
ในสภาพอากาศร้อนและชื้น เช่น ประเทศไทย ครีมกันแดดควรมีคุณสมบัติกันน้ำและกันเหงื่อ เพื่อให้สามารถปกป้องผิวได้ตลอดวัน แม้ทำกิจกรรมกลางแจ้ง
- อ่อนโยนต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวแพ้ง่าย โดยควรปราศจากสารก่อการระคายเคือง เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ และพาราเบน
- เสริมสารบำรุงผิว
ครีมกันแดดที่ดีมักมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอี หรือไฮยาลูรอนิคแอซิด เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและลดความเสียหายจากแสงแดด
การเลือกครีมกันแดดที่ดีควรพิจารณาจากประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UV ควบคู่กับความอ่อนโยนต่อผิว รวมถึงคุณสมบัติที่ช่วยให้ติดทนนานและไม่อุดตันรูขุมขน เพื่อให้สามารถใช้ได้อย่างมั่นใจและปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างเต็มที่
7 สูตรครีมกันแดดยอดนิยมที่ Pure Derima Laboratories
- Sunscreen Cream SPF 50 PA+++ – ครีมกันแดดเนื้อบางเบา เหมาะกับทุกสภาพผิว
- Silky Smooth Foundation Sunscreen SPF 50 PA+++ – ผสมรองพื้น ช่วยปรับสีผิว
- Milky Sunscreen Lotion SPF 50 PA+++ – โลชั่นกันแดดที่อ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย
- Matte Fluid SPF 30 PA+++ – ครีมกันแดดคุมมัน สำหรับผิวมัน
- Anti-pollution Sunscreen SPF 50 PA+++ – ป้องกันรังสี UVA และมลภาวะ
- Sunscreen Cream Soft Beige SPF 50 PA+++ – ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
- Premium Silky Smooth Sunscreen SPF 50 PA+++ – ป้องกันรังสี UVA, UVB และแสงสีฟ้า
ทำไมต้องเลือกผลิตครีมกันแดดกับ Pure Derima Laboratories ?
หากคุณกำลังมองหาโรงงานผลิตครีมกันแดดที่ได้มาตรฐาน และสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการในการสร้างแบรนด์ Pure Derima Laboratories คือทางเลือกที่ใช่ ด้วยประสบการณ์อันยาวนานในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความเชี่ยวชาญในการพัฒนาสูตรครีมกันแดดระดับสากล เราพร้อมช่วยให้แบรนด์ของคุณเติบโตไปอีกขั้น และสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมั่นคง
เราเข้าใจดีว่า ครีมกันแดด ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันแสงแดด แต่ยังเป็นส่วนสำคัญของการดูแลผิวที่ต้องมีความปลอดภัย ได้รับการพัฒนาให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และมีจุดเด่นที่สามารถทำให้แบรนด์ของคุณแตกต่างจากคู่แข่ง ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ของเรา คุณสามารถเลือกปรับแต่งสูตรเฉพาะที่เหมาะกับแบรนด์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็น สูตรกันน้ำ กันเหงื่อ สูตรสำหรับผิวแพ้ง่าย สูตรที่มีสารบำรุงผิวเพิ่มเติม หรือสูตรที่ปรับเนื้อสัมผัสให้เหมาะสมกับทุกสภาพอากาศ
Pure Derima Laboratories ยังให้บริการแบบ ONE STOP SERVICE ครบวงจร ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาสูตร การผลิตสินค้า การจดแจ้ง อย. การออกแบบบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการให้คำปรึกษาด้านการตลาด เพื่อให้คุณสามารถเปิดตัวแบรนด์ครีมกันแดดของตัวเองได้อย่างราบรื่นและมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงสุด ด้วยมาตรฐานการผลิตระดับสากล เช่น GMP ASEAN, ISO 9001, ISO 22716 และ HALAL เรามั่นใจว่าสินค้าทุกชิ้นที่ออกจากโรงงานของเราจะมีคุณภาพสูง ปลอดภัย และสามารถจำหน่ายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
หากคุณต้องการสร้างแบรนด์ครีมกันแดดที่มีคุณภาพ และได้รับการสนับสนุนจากโรงงานที่มีความเชี่ยวชาญ Pure Derima Laboratories พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ที่คุณสามารถไว้วางใจได้เสมอ
การผลิตครีมกันแดดที่มีคุณภาพ ต้องให้ความสำคัญกับค่า SPF และ PA เพื่อให้สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกสูตรครีมกันแดดที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการเลือกบรรจุภัณฑ์ที่พกพาง่าย จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของคุณได้รับความนิยมมากขึ้น หากคุณกำลังมองหาโรงงานผลิตครีมกันแดดที่ได้รับมาตรฐาน Pure Derima Laboratories เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ พร้อมให้คำปรึกษาทุกขั้นตอน
อ้างอิงจาก: https://pdl.co.th/spf/
https://pdl.co.th/reasons-for-creating-a-sunscreen-brand/















