เรื่องราวที่น่าสนใจของพระโพธิสัตว์ผู้เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์”
ลองจินตนาการภาพพระโพธิสัตว์ผู้เปี่ยมด้วยเมตตา พระองค์ทรงแผ่พลังแห่งความกรุณาไปทั่วสรรพสิ่ง พระองค์คือพระอวโลกิเตศวร ผู้ทรงอำนาจช่วยเหลือสัตว์โลกที่ตกอยู่ในทุกข์ และเป็นที่เคารพนับถืออย่างสูงในแผ่นดินจีน ในนามอันไพเราะว่า “กวนอิม” หรือ “กวนซีอิน” นามที่แปลว่า “พระผู้เงี่ยโสตสดับความทุกข์ของสรรพสัตว์” หรือ “พระผู้มองดูซึ่งเสียง (แดนเสียง)” ภาพนั้นงดงาม สง่างาม และเปี่ยมด้วยความสงบเยือกเย็น ทว่าเบื้องหลังความงดงามนั้น กลับซ่อนเร้นปริศนาอันน่าพิศวงเอาไว้
พระอวโลกิเตศวรในคติเดิม ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ผู้สง่างาม แต่เหตุใดจึงปรากฏในรูปลักษณ์ของเจ้าแม่กวนอิม ผู้งดงาม ผู้ทรงเมตตาอันล้นเหลือ และเป็นที่เคารพนับถือของชาวจีนมาช้านานได้?
นี่คือคำถามที่รอคำตอบ และไม่ใช่เพียงแต่ในคติจีนเท่านั้นที่พระอวโลกิเตศวรปรากฏในรูปลักษณ์ที่หลากหลาย ในคติของประเทศอื่นๆ พระองค์ก็ปรากฏในรูปแบบที่แตกต่างกันไป เช่น บางครั้งเป็นพระภิกษุ บางครั้งเป็นผู้ทรงอำนาจ หรือแม้กระทั่งในรูปลักษณ์ของเทพเจ้าท้องถิ่น สะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่น และการปรับตัวของคติความเชื่อ เพื่อให้เข้ากับบริบททางวัฒนธรรม และสังคมในแต่ละพื้นที่
นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาและวัฒนธรรม เสฐียรโกเศศ ได้เสนอทฤษฎีที่น่าสนใจ ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในคติจีนนี้อาจเกิดจากความเข้าใจผิด หรือการแปลความหมายที่แตกต่าง ลองนึกภาพการแปลชื่อพระโพธิสัตว์จากภาษาสันสกฤตเป็นภาษาจีน การแยกคำว่า "อีศวร" ออกจาก "อวโลกิเตศวร" เหลือเพียง "ศวร" (หรือ "สวร") ซึ่งมีความหมายใกล้เคียงกับ "เสียง" และการเลือกใช้คำว่า "อิม" ซึ่งก็มีความหมายว่า "เสียง" เช่นกัน ความคล้ายคลึงนี้ ช่างเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเรื่องราวของ "ดาราเทวี" พระชายาของพระอวโลกิเตศวร ผู้ทรงฤทธิ์เดช และความเมตตาไม่แพ้พระสวามี รูปเคารพของพระนางปรากฏในแถบอินเดียเหนือ นักปราชญ์จีนบางกลุ่มจึงอธิบายว่า "โตโล" (ดารา) กับ "กวนอิม" (อวโลกิเตศวร) เป็นองค์เดียวกัน ความเชื่อนี้ยิ่งเพิ่มความซับซ้อน และความน่าสนใจให้กับเรื่องราว ราวกับภาพวาดที่ประกอบด้วยสีสัน และลวดลายอันประณีต
สุดท้าย ความเชื่อต่างๆ เหล่านี้ ได้ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นที่มาของ "เจ้าแม่กวนอิม" พระอวโลกิเตศวรในรูปกายสตรี ผู้ทรงความเมตตา ความอ่อนโยน และพลังอำนาจ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงความหมาย และการตีความคติความเชื่อ ที่สะท้อนถึงการปรับตัวของศาสนา และวัฒนธรรม อย่างน่าอัศจรรย์!





















