ความแค้นของผมเมื่อวัยแบเบาะ ปฐมบทแห่งความแค้นวัยเยาว์
ความแค้นของผมเมื่อวัยแบเบาะ ปฐมบทแห่งความแค้นวัยเยาว์
เมื่อโลกปัจจุบันถูกขับเคลื่อนและบูชาสติปัญญาของมนุษย์เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่า ความรุนแรง การใช้กำลัง ซึ่งนั่นอาจใช่กับสังคมผู้ใหญ่ แต่สำหรับสังคมเด็กยุค 90s อย่างผมเลยนั้น "ไม่ใช่เลยสักนิด" และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวครั้งนี้
ย้อนเวลากลับไปเมื่อครั้งผมยังเป็นเด็กอนุบาลตัวน้อย น่ารัก สดใส และดูดี (ผมว่าตอนนั้นผมน่ารักจริงนะ) ผมเองก็ไม่ต่างกับเด็กน้อยทั่วไป ที่จะงอแง ร้องไห้กอดพ่อแม่ ไม่อยากถูกคุณครูพรากเราออกไปจากอ้อมกอดของบิดา มารดา แด๊ดดี้ หม่ามี๊
สายตาน้อยๆจ้องบุพการีด้วยตาแดงก่ำ น้ำตาไหลพรากราวกับถูกกระชากหัวใจออกจากอก ยกซดความขมขื่นเยี่ยงดั่งดื่มน้ำบอระเพ็ด ซึ่งเมื่อถูกส่งถึงห้องเรียนแล้ว ผมก็จะได้รับเพลงล้อเลียนจากคุณครูและเพื่อนๆ ในยุคนั้น โดยร้องว่า
"กิ๊ว กิ๊ว หน้าไม่อาย โตเป็นควายแล้วยังร้องไห้อีก"
ผมได้ยินเพลงนี้ซ้ำๆ แทบจะทุกวัน โดยยุคนั้นคุณครูคงคิดว่าการล้อเลียนทำให้เกิดความอาย คงทำให้เด็กๆ หยุดร้องไห้กระมัง แต่สำหรับผม ก็ร้องตามธรรมชาติ และหยุดลงตามช่วงเวลาเมื่อผมปรับตัวกับมัน
เอาล่ะ กิจกรรมของเด็กอนุบาลจะมีอะไรบ้างล่ะ นอกเสียจาก กิจกรรมออกกำลังกายด้วยการเต้นเพลงน่ารักๆ นอนกลางวันสะใจ เล่นสนามเด็กเล่น เล่นของเล่น ฟังครูนิทาน จะติดก็ตรง ควบคุมระบบฉี่ไม่ได้จนฉี่รดที่นอนเท่านั้นแหละ ที่ผมรู้สึกอายทุกทีที่วันไหนเผลอหลับแล้วตื่นมากางเกงเปียกชุ่มโดยไม่รู้ตัว และต้องไปเปลี่ยนเป็นชุดผ้าคลุมซามุไร ไร้กางเกงในใส่หวิวๆไปทั้งวันจนกว่าจะได้กลับบ้าน
เมื่อผมเริ่มปรับตัวทุกอย่างได้แล้ว สิ่งที่ผมชอบสุดๆ ของการเป็นเด็กคืนเล่นสนามเด็กเล่น รวมกับเพื่อนๆอนุบาลในห้องด้วยกัน และแน่นอนว่าโลกของเด็กนั้น การควบคุมอารมณ์ การใช้สติปัญญา อาจอดทนได้ไม่เท่า การใช้กำลัง เด็กคนไหนที่ตัวใหญ่กว่า ก็มักจะข่มเด็กตัวเล็กตัวน้อย ซึ่งแน่นอนว่าผมในตอนนั้น ตัวเล็กและเตี้ยที่สุดในห้อง จึงมักจะโดนเจ้าเด็กตัวใหญ่ใจร้ายคนหนึ่ง โดยทุกคนจะเรียกเจ้าเด็กคนนี้ว่า
" เจ้าจัมโบ้ "
เจ้าจัมโบ้ เป็นเด็กตัวใหญ่มากๆ ตามชื่อของมันเลยทีเดียว และมันจะมีสมาชิกแก๊งอนุบาลของมัน โดยเด็กอนุบาลในชั้นเรียนของผม ก็จะเป็นลิ่วล้อเจ้าจัมโบ้ กันทุกคน เจ้าจัมโบ้จะเดินไปไหน อยากได้อะไรก็จะสั่งลิ่วล้อของมันให้เอาของเล่นมาให้มันตามที่มันต้องการ หากใครไม่ให้เจ้าจัมโบ้ ก็จะ ตบ ตี พัวะ พะ โชว์พลังอันแกร่งกล้าของมันเสมอ และสิ่งที่เจ้าจัมโบ้ มันชอบมากที่สุดนั้น คือการแกล้งผม นั่นเอง
"แม้ว่าผมจะเป็นเด็กตัวเล็ก แต่ผมก็มีคอนเซ็ปที่ว่า ก็มาดิค้าบ เสมอ" และทุกครั้งก็จะโดนเจ้าจัมโบ้ อัดทุกครั้ง และแย่งของเล่นทุกครั้งไป
เมื่อผมโดนเจ้าจัมโบ้แกล้งหลายๆ ครั้งเข้า ผมก็วิ่งไปฟ้องครู ก็มันจะบอกว่า ชอบชกต่อยกัน ต้องโดนตีทั้งคู่ เมื่อครูตีผม กับตีจัมโบ้เสร็จ เจ้าจัมโบ้ ก็มาตามอัดผมหลังฉากอีกเป็นประจำ จนผมเริ่มรู้สึกแค้นขึ้นมา
ใช่ครับ ผมเริ่มมีความแค้นขึ้นมาครั้งแรกในชีวิตของผมเท่าที่ผมจำความได้
ผมพยายามจะแก้แค้นมัน ผมไปท้ามันต่อย ท้ามันต่อยไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็แพ้มันทุกครั้ง
มาโรงเรียนวันใหม่ ก็โดนมันแกล้งอีก ผมก็สู้อีกแล้วก็แพ้มันอีก
คิด สิ คิด
ผมจะทำอย่างไรให้ชนะมันได้เล่า
ร่างกายผมตอนนั้นตัวเล็ก แรงมีอันน้อยนิด ไม่สามารถชนะมันได้ จนกระทั่งความคิดอันชั่วร้ายของผมก็ได้กำเนิดขึ้น
ผมรอจังหวะตอนนอนกลางวัน
รอให้เจ้าจัมโบ้มันหลับ
ให้มันหลับสนิทราวกับเป็นเทวดาตัวน้อยไปเฝ้าพระอินทร์
เมื่อผมแน่ใจว่ามันหลับแน่ๆแล้ว
ผมเดินไปหามันอย่างช้าๆ
ดูลูกน้องมันที่นอนข้างๆว่าหลับกันหมดไหม
เมื่อผมเห็นว่าพวกมันหลับสนิทแล้ว
ผมเป็นลูกผู้ชายพอที่จะไม่ทำร้ายใครด้วยกำลังยามเผลอ
ผมค่อยๆ ฉี่ใส่ที่นอนมัน
ใช่ครับ ผมฉี่ใส่ที่นอนมันตอนหลับนี่แหละ
ผมค่อยๆ นั่งคุกเข่า ฉี่ใส่ที่นอนมัน เพื่อไม้ให้น้ำกระฉอก ทำมันรุ้สึกตัว
ฉี่ลงไปด้วยความแค้นจะสนใจ
แล้วผมก็แกล้งไปนอน
เมื่อคุณครูเดินเข้ามาปลุกนักเรียนทุกคน คุณครูก็ต้องร้องว้ายขึ้นมาเสียงดัง
"ว้าย จัมโบ้ ฉี่รดที่นอนหรอลูก"
หลังจากเด็กทุกคนได้ยินเสียงครูพูดขึ้น เด็กทุกคนไปมองดูจัมโบ้ ที่งัวเงีย พร้อมกับกางเกงและที่นอนของมันที่เปื้อนฉี่ ก็ต่างหัวเราะกันลั่นห้องไม่เว้นแม้กระทั่งลิ่วล้อของมัน
เจ้าจัมโบ้ เพิ่งเคยฉี่รดที่นอนครั้งแรก เจ้าจัมโบ้ก็ร้องไห้ออกมาเสียดังด้วยความอาย
มันเป็นชัยชนะครั้งแรกของเด็กอนุบาลอย่างผม ที่ไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล และทำให้ผมรู้ว่า มันนี่มันช่างเป็นเด็กชั่วร้าย เจ้าเล่ห์เสียจริง ผมมีความสุขมาก เมื่อเห็นน้ำตาของเจ้าจัมโบ้ และเป็นความสะใจแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิตตอนนั้น
หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป เวลาเจ้าจัมโบ้แกล้งผม ผมก็จะล้อมันว่าไอ้ฉี่แตก และโดนมันอัดเหมือนเดิมเสมอ (เพียงแต่ว่าผมได้ตอกย้ำความอับอายของมัน)
แม้ว่าหลังจากนั้นไม่สัปดาห์ ผมก็เผลอนอนฉี่รดที่นอน และโดนเรียกไอ้ฉี่แตกไม่ต่างกัน ฮ่าๆๆๆๆ
ให้ทุกแก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวจริงๆ(แต่สะใจ)
และนั่นก็เป็นความแค้น และความชั่วช้าเจ้าเล่ห์ของผมครั้งแรกในชีวิต
ผมยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่อยากจะเล่า และจะขุดความทรงจำอันโหดร้ายมาร่ายเรียงให้ฟังกันต่อไป
สวัสดี
ภาพ: วาดเองกับมือนี่แหละครับฝีมืออนุบาลไปหน่อย 555+