หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

กินแครอทฟักทองแล้วผิวเหลืองจริงหรือ?

เนื้อหาโดย Kemus27645

ในบางครั้งอาจมีคำถามหรือความสงสัยที่เกิดขึ้นจากการทานอาหารที่มีสีส้มสดใส เช่น แครอทหรือฟักทอง แล้วสังเกตเห็นว่าผิวของเรามีสีเหลืองขึ้น ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าเป็นอาการผิดปกติหรือการขาดสารอาหารบางชนิด แต่ในความเป็นจริงแล้วการที่กินแครอทฟักทองแล้วผิวเหลืองนั้นเกิดจากสาเหตุที่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน และในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจถึงเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงสีผิวนี้ รวมถึงวิธีการป้องกันและการดูแลตัวเองในกรณีที่เกิดอาการดังกล่าว

 

1. เบต้าแคโรทีน คืออะไร?

 

หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผิวเหลืองหลังการกินแครอทหรือฟักทองมากๆ คือการสะสมของ เบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ที่ให้สีส้มและสีเหลืองแก่ผักและผลไม้หลายชนิด เบต้าแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นที่ร่างกายสามารถเปลี่ยนไปเป็น วิตามินเอ ซึ่งเป็นวิตามินที่สำคัญในการบำรุงสายตา ระบบภูมิคุ้มกัน และผิวพรรณ

 

เบต้าแคโรทีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์มากมาย แต่เมื่อร่างกายได้รับเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูงเกินไป สารนี้จะไม่ถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอทั้งหมด และจะสะสมในร่างกาย โดยเฉพาะในชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดอาการผิวเหลืองหรือส้มขึ้น ซึ่งสามารถพบได้บ่อยในบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือบริเวณที่มีการสะสมของสารนี้มาก

 

2. ภาวะ Carotenemia

 

การที่ผิวมีสีเหลืองจากการสะสมของเบต้าแคโรทีนในร่างกายเรียกว่า Carotenemia ซึ่งเป็นภาวะที่ไม่เป็นอันตรายและมักจะหายไปเมื่อเราหยุดทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีนในปริมาณมาก ภาวะนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรคอื่นๆ เช่น ดีซ่าน (Jaundice) ซึ่งทำให้ผิวเหลืองจากการมีสารบิลิรูบินในเลือดสูง และก็ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานของตับที่ผิดปกติ

 

Carotenemia มักเกิดขึ้นเมื่อคนเราทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีนในปริมาณมาก เช่น แครอท, ฟักทอง, มันเทศ, หรือผักใบเขียวต่างๆ การสะสมเบต้าแคโรทีนในผิวหนังจะทำให้สีผิวของเราเปลี่ยนไปเป็นสีเหลือง แต่จะไม่ทำให้เกิดอันตรายใดๆ แก่ร่างกาย และสามารถหายไปได้เมื่อหยุดทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีนสูง

 

3. ทำไมต้องระวังการทานเบต้าแคโรทีนในปริมาณมาก?

 

แม้ว่าเบต้าแคโรทีนจะมีประโยชน์มากมายในการบำรุงสายตาและสุขภาพโดยรวม แต่การทานเบต้าแคโรทีนในปริมาณมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงบางประการ โดยเฉพาะการสะสมของสารนี้ในผิวหนังทำให้เกิดสีผิวที่ไม่เป็นที่พอใจ นอกจากนี้ หากทานมากเกินไปอย่างต่อเนื่องอาจทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการสะสมของสารในร่างกาย ซึ่งหากร่างกายไม่ได้ใช้สารเบต้าแคโรทีนทั้งหมด สารนี้จะสะสมในบริเวณต่างๆ และทำให้เกิดอาการ Carotenemia ได้

 

อย่างไรก็ตาม ปริมาณที่จำเป็นของเบต้าแคโรทีนต่อวันนั้นไม่สูงเกินไป และสามารถได้รับจากการทานผักและผลไม้ในสัดส่วนที่เหมาะสม เช่น แครอทและฟักทองในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไป ก็จะสามารถช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากวิตามินเอโดยไม่เกิดอาการที่ไม่พึงประสงค์

 

4. วิธีป้องกันการเกิดผิวเหลืองจากการกินแครอทและฟักทอง

 

หากคุณพบว่าผิวของคุณเริ่มมีสีเหลืองจากการทานแครอทหรือฟักทองมากเกินไป ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะอาการนี้จะหายไปเองเมื่อคุณลดการทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูง โดยมีวิธีการป้องกันดังนี้:

 

ลดปริมาณการทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีนสูง: หากคุณรู้สึกว่าเริ่มมีอาการผิวเหลืองจากการทานแครอทหรือฟักทอง ให้ลดการบริโภคผักหรือผลไม้เหล่านี้ในปริมาณมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาสั้นๆ

 

รับประทานอาหารที่มีความหลากหลาย: การทานอาหารที่หลากหลายจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนและสมดุล โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอาหารใดๆ มากเกินไป

 

ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายขับสารที่สะสมออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

หากผิวยังคงเหลืองหรือลักษณะผิดปกติ: หากผิวของคุณยังคงเหลืองหรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น ตาเหลืองหรือท้องอืด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง

 

การที่กินแครอทหรือฟักทองแล้วผิวเหลืองเป็นเรื่องที่เกิดจากการสะสมของเบต้าแคโรทีนในร่างกาย ซึ่งเป็นภาวะที่ไม่เป็นอันตรายหรือเป็นโรคแต่อย่างใด แต่ในกรณีที่เกิดอาการนี้คุณสามารถลดการทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีนสูง เช่น แครอท ฟักทอง หรือมันเทศ และให้ร่างกายได้รับน้ำและสารอาหารที่หลากหลายเพื่อให้การสะสมของสารนี้ลดลงไป และเมื่อหยุดทานอาหารเหล่านี้ในปริมาณมาก ผิวของคุณจะกลับมาสีปกติได้ตามเวลา.

เนื้อหาโดย: Kemus27645
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Kemus27645's profile


โพสท์โดย: Kemus27645
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
สถิติหวย ย้อนหลัง 10 ปี เลขท้าย 2 ตัว งวด 30 ธันวาคมสูตรคำนวณงวด 2/1/69"สาละ" ดอกไม้ในตำนานเกี่ยวกับพุทธประวัติของพระมหาศาสดาของศาสนาพุทธ (สาละในหลวงพระบาง)อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เขมรไม่มีคิดหยุด แต่คิดว่าจะรบไทยให้ชนะด้วย F-35 ได้อย่างไรในอนาคตจักรวาลร่วมฉลองส่งท้ายปี! NASA อวดโฉม "ต้นคริสต์มาสยักษ์" แห่งห้วงอวกาศลึก 2,500 ปีแสงเจาะลึกลำดับเหตุการณ์โศกนาฏกรรมซาวน่าญี่ปุ่น เมื่อพื้นที่ส่วนตัวกลายเป็นกับดักมรณะทำไมคนค้าขายสินค้าที่ผิดศีลธรรมจึงร่ำรวย?เลขเด็ด "หวยไทยรัฐ" งวดวันที่ 2 มกราคม 69..รีบส่องด่วน ก่อนเกลี้ยงแผง!!ลุกขึ้นไได้...ก็ชนะศุลกากรจับมือ 5 แพลตฟอร์มยักษ์ ดีเดย์ 1 ม.ค. 69 เก็บภาษีสินค้านำเข้าออนไลน์ตั้งแต่บาทแรกได้ใจคนไทยเต็มๆ สีหศักดิ์เผยประชุม รมว.กต.อาเซียน "ไทยไม่ตกลงหยุดยิง"
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
โฆษก "ฮุนเซน" โม้หนัก!! เคยผ่านการรบมาแล้วนับ 100 ครั้ง!!ลุกขึ้นไได้...ก็ชนะ"สาละ" ดอกไม้ในตำนานเกี่ยวกับพุทธประวัติของพระมหาศาสดาของศาสนาพุทธ (สาละในหลวงพระบาง)ทำไมคนค้าขายสินค้าที่ผิดศีลธรรมจึงร่ำรวย?
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ทั่วไป
ทำไมคนค้าขายสินค้าที่ผิดศีลธรรมจึงร่ำรวย?"อาหารบ้าน ๆ ที่คนต่างชาติหลงรัก แต่คนไทยมองว่าเป็นอาหาร “ธรรมดา”" มันเป็นเพราะอะไรกันนะคู่สามีภรรยาถูกลอตเตอรี่รางวัลสูงถึง 470 ล้านบาท แต่โกหกลูกว่าได้รับรางวัลเพียง 470,000 บาทการฟังเพลง ช่วยลดสมองเสื่อม อัลไซเมอร์ ได้ ดนตรีมีประโยชน์ต่อสมองและปัญญา
ตั้งกระทู้ใหม่