“โรคแพ้น้ำอสุจิ”
โรคแพ้น้ำอสุจิ (Post-Orgasmic Illness Syndrome; POIS) เกิดจากการแพ้โปรตีนที่อยู่ในน้ำอสุจิ ส่งผลให้ร่างกายเกิดการต่อต้านเหมือนกับอาการแพ้อาหารทะเล โดยอาการแพ้จะสามารถแสดงได้ทุกบริเวณของร่างกายของคนที่มีอาการแพ้เมื่อมีการสัมผัสกับอสุจิ เช่น ผิวหนัง ช่องคลอด ปาก และ บริเวณอื่น ๆ
อาการแพ้น้ำอสุจิ
- มีอาการแสบคันบริเวณช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์ 2-3 นาที หลังมีการหลั่งอสุจิบริเวณดังกล่าว
- หลังมีเพศสัมพันธ์พบว่าตนเองมีผื่นแดงขึ้นทั่วร่างกาย บางรายหากแพ้มาก ๆ อาจส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ
- รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน หลังจากมีเพศสัมพันธ์
- มีอาการบวมแดงที่อวัยวะเพศหลังจากมีเพศสัมพันธ์ 10-20 นาที
- รู้สึกหายใจหอบ ติดขัด หายใจไม่ออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์
ผลกระทบจากอาการแพ้น้ำอสุจิ
โรคนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลเสียทางสุขภาพ อาจกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักได้เช่นกันเพราะเมื่อเกิดอาการแพ้แล้วจะทำให้อาจไม่อยากร่วมเพศกับคู่รักอีก และ อาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์ที่น้อยลงตามมา ในโรคแพ้น้ำอสุจินี้ยังสามารถพบได้ในเพศชายอีกด้วย
สาเหตุของการแพ้น้ำอสุจิ
- เกิดจากการแพ้โปรตีนที่อยู่ในน้ำอสุจิ
- ในกรณีเปลี่ยนคู่นอนก็มีผลต่ออาการแพ้เช่นกัน เพราะในน้ำอสุจิของแต่ละคนมีสารแอนติเจนที่ไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันของผู้ที่ได้รับแตกต่างกัน ดังนั้นบางครั้งการร่วมหลับนอนกับคนหนึ่งอาจเกิดอาการแพ้ ขณะที่การร่วมหลับนอนกับอีกคนหนึ่งอาจไม่เกิดอาการแพ้ก็ได้
- ในผู้ชายก็สามารถแพ้น้ำอสุจิตัวเองได้ ซึ่งอาการจะเกิดขึ้นเมื่อมีการหลั่งน้ำอสุจิผ่านบริเวณท่อปัสสาวะ โดยจะมีอาการปวดเมื่อย ไข้หวัด มีน้ำมูก ไข้ขึ้น เป็นต้น
วิธีป้องกันการแพ้น้ำอสุจิ
- ผู้ชายให้สวมถุงยางอนามัย (ป้องกันการแพ้ในผู้หญิง) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูด้วยว่าอาการแพ้เหล่านั้นเกิดจากการใช้ถุงยางอนามัยหรือไม่ ในบางคนอาจแพ้โปรตีนหรือสารหล่อลื่น วิธีนี้แก้ไขได้โดยการเปลี่ยนชนิดถุงยางอนามัย
- วิธีการหลั่งนอก
- สวมถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง
การตั้งครรภ์ในผู้ที่แพ้น้ำอสุจิ
สามารถรักษาได้ด้วยการทำให้มีการกระตุ้นเพื่อให้เกิดอาการแพ้น้อยลง แพทย์จะใช้วิธีการฉีดไขมันในอสุจิเข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อให้ร่างกายยอมรับ ช่วยลดอาการแพ้ให้น้อยลงได้ แต่ถ้าหากในผู้ที่มีอาการแพ้มาก ๆ อาจต้องทำการปฏิสนธิภายนอก แล้วมาฝังที่ไข่ของผู้หญิงแทนเพื่อการตั้งครรภ์ที่สำเร็จ ส่วนการตั้งครรภ์และความผิดปกติของเด็กในครรภ์จากอาการแพ้น้ำอสุจิ เบื้องต้นพบว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน
กลืนน้ำอสุจิก็แพ้ได้
บางคนอาจแพ้จากการกลืนน้ำอสุจิได้ อาการแพ้ของบางคนเกิดขึ้นที่ผิวหนังเมื่อสัมผัสกับน้ำอสุจิโดยตรง แต่สำหรับบางคน เยื่อเมือกในปากและลำคอก็มีปฏิกิริยากับน้ำอสุจิเช่นกัน
ปัจจุบันพบอาการแพ้น้ำอสุจิในสหรัฐอเมริกาประมาณ 20,000- 30,000 คน แต่ถึงอย่างนั้นอาการแพ้น้ำอสุจิก็สามารถพบได้ในทุกคน หากคนใดมีอาการแบบข้างต้นที่กล่าวมา หรือ ไม่แน่ใจว่าตนเองกำลังเสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้น้ำอสุจิ ควรปรึกษาคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการวินิจฉัยโรคและรักษา เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีและความปลอดภัย
อ้างอิงจาก: https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/article/โรคแพ้น้ำอสุจิ/
https://hellokhunmor.com/สุขภาพทางเพศ/แพ้น้ำอสุจิ-อาการ-สาเหตุ/
https://my-clevelandclinic-org.translate.goog/health/diseases/25024-semen-allergy?_x_tr_sl=en&_x_tr_tl=th&_x_tr_hl=th&_x_tr_pto=wa&_x_tr_hist=true