องศาชีวิตของคนต่างวัย....แม่งสุดว่ะ
เทวดาของแม่: ตอนนั้นต่างจากตอนนี้
เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต ตอนที่ได้รู้ว่า เค้ามาแล้วนะ
เรารู้สึกตื่นเต้นมากๆ กิจกรรมที่ต้องสรรหาหนังสือมาอ่าน ทำความเข้าใจกับตัวเองก็เริ่มขึ้น ซึ่งก็ไม่สนใจเลยว่า เลินเดือนอันน้อยนิด จะถึงสิ้นเดือนหรือไม่ การปรับตัวเองโดยการทิ้งในสิ่งที่เป็นผลกระทบกับตัวเด็กน้อย ก็ดำเนินการทันที เอาล่ะ
ค่าใช้จ่ายเริ่มมา ...แต่ก็ไม่สนจ้า จากที่เคยกินเผ็ด ก็ไม่กิน จากที่ต้องซดกาแฟรสขมเข้ม เราก็เปลี่ยนมาซดนมแทน ทำไมการมีลูกสักคน มันถึงลำบากอย่างนี้ บางทีก็คิดเพลิน พ่อแม่สมัยก่อนมีลูกเป็นสิบ พวกเขาเหล่านั้นดูแลตัวเองยังไง
เราเฝ้าสังเกตุการณ์จนถึงวาระที่รอคอยเรายังจำได้ดี ประสบการณ์ การคลอดโดยไม่ได้ผ่า มันเจ็บปวดมาก แม่ๆ ที่มีลูกคนแรก ย่อมทราบดี เจ็บท้อง 1 วัน 1 คืน แทบจะเปลี่ยนใจให้หมอผ่า มันจะได้ทุเลาปวดลงไปบ้าง
* การคลอดบุตรเองโดยธรรมชาติ ทางคุณหมอ คุณพยาบาลจะไม่ฉีดยาชา คนเป็นแม่ต้องใช้ลมเบ่ง หัวของเด็กจะค่อยๆ ไหลออกมาก่อนอันดับแรก
* การผ่าคลอด จะไม่เจ็บ เพราะโดนบล็อกหลัง หรือ ไม่ก็ ดมยาสลบ ก่อนผ่า
(อันนี้ พอรู้ แต่ไม่มีประสบการณ์ คุณแม่ท่านใดที่มีประสบการณ์ พิมพ์คุยกันได้จ้า)
เราเลืก วิธีแรก ซึ่งก็ อิ อิ
ช่วงเวลาของเทวดาตัวน้อยในอ้อมกอดที่อบอุ่น (เค้าจะรู้มั๊ยนะ ว่ารักมาก) น้ำนมในอก ที่กลั่นออกมาด้วยความรัก มันช่างมีความสุขเหนื่อย อดนอน แม่ไม่บ่นสักคำ เห็นหน้าแล้วสดชื่นทันที วันไหนที่ เทวดา เป็นไข้ ร้อง งอแง ไม่สบายตัว คนเป็นแม่อย่างเรา ใขแทบขาด อึไม่ออก บวดท้อง ถ้าแม่ทำแทนได้ แม่จะขันอาสาเป็นเองดีกว่า แต่อย่างว่า มันเป็นไปไม่ได้
บางคืน เทวดาตัวร้อน มนุษย์แม่ ต้องตื่นมาเอาผ้าชุบน้ำเช็ดเนื้อตัว เพื่อระบายความร้อนที่มีอยู่ในตัวให้ออกมา ปะทะกับอากาศ ข้างนอกกาย
* เทวดา ของแม่ หายใจไม่ออกเพราะมีเสลดค้างในโพรงจมูก มนุษย์แม่คนนี้ ไม่เคยมีความรังเกียจ เลยแม่แต่น้อย ใช้ปาก ประกบที่จมูกของเด็กน้อยแล้วดูดเอาเสลดออกมามนุษย์แม่ คนนี้ ก็ทำได้ ไม่เคยขยะแขยงเลยสักนิด**
จาก เจ็ดวัน เป็น1 เดือน จาก 7 เดือน
เป็น 7 ปี จาก 7ปี เป็น 14 - 15 -16 และ 17 ปี เวลาช่างเดินเร็วมากๆ
จากเทวดากลายเป็นมนุษย์ลูกที่ย่างเข้าสู่วัยรุ่น สิ่งใดที่ทำให้ลูกเคยเป็น "เทวดาของแม่" ในช่วงวัยเยาว์ที่แม่ดูแลและมอบความรักอย่างเต็มเปี่ยม ลูกในวัยเด็กเป็นศูนย์กลางของความสนใจและความหวังของครอบครัว แต่เมื่อเวลาผ่านไป ลูกโตขึ้น และต้องเผชิญหน้ากับความจริงของชีวิต เทวดาของแม่ในตอนนั้นอาจเปลี่ยนไปในสายตาของใครหลายๆคน
-
ความไร้เดียงสา: ลูกเป็นเด็กน่ารัก ไร้เดียงสา และต้องการการปกป้องจากแม่เสมอ
-
ความคาดหวัง: แม่มองลูกด้วยความหวังว่าเขาจะเติบโตขึ้นมาเป็นคนดี มีอนาคตที่สดใส
-
การดูแลใกล้ชิด: แม่เป็นผู้ชี้แนะทุกสิ่ง ตั้งแต่การกิน การนอน ไปจนถึงการตัดสินใจเล็ก ๆ น้อย ๆ
ตอนนี้
-
ความเป็นอิสระ: ลูกเติบโตและเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง ต้องการพื้นที่ในการตัดสินใจ
-
บทเรียนจากชีวิตจริง: แม่อาจเห็นว่าลูกต้องเจอความยากลำบากที่แม่ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้เสมอ
-
ความภาคภูมิใจ: แม้ลูกจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่แม่ภูมิใจในความพยายามและการเติบโตของเขา
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้หมายความว่าความรักของแม่ลดลง แต่สะท้อนถึงการเปลี่ยนบทบาทของแม่และลูกตามกาลเวลา จากผู้ปกป้องกลายเป็นผู้สนับสนุนและผู้ให้คำปรึกษาในระยะไกล
เรารู้สึกตื่นเต้นมากๆ สรรหาหนังสือมาอ่าน ทำความเข้าใจกับตัวเอง ปรับตัวเองโดยการทิ้งในสิ่งที่เป็นผลกระทบกับตัวเด็กน้อย เอาละ ค่าใช้จ่ายเริ่มมา ...แต่ก็ไม่สนจ้า จากที่เคยกินเผ็ด ก็ไม่กิน จากที่ต้องซดกาแฟรสขมเข้ม เราก็เปลี่ยนมาซดนมแทน ทำไมการมีลูกสักคน มันถึงลำบากอย่างนี้ บางทีก็คิดเพลิน พ่อแม่สมัยก่อนมีลูกเป็นสิบ พวกเขาเหล่านั้นดูแลตัวเองยังไง
เราเฝ้าสังเกตุการณ์จนถึงวาระที่รอคอยเรายังจำได้ดี ประสบการณ์ การคลอดโดยไม่ได้ผ่า มันเจ็บปวดมาก แม่ๆ ที่มีลูกคนแรก ย่อมทราบดี เจ็บท้อง 1 วัน 1 คืน แทบจะเปลี่ยนใจให้หมอผ่า มันจะได้ทุเลาปวดลงไปบ้าง
* การคลอดบุตรเองโดยธรรมชาติ ทางคุณหมอ คุณพยาบาลจะไม่ฉีดยาชา คนเป็นแม่ต้องใช้ลมเบ่ง หัวของเด็กจะค่อยๆ ไหลออกมาก่อนอันดับแรก
* การผ่าคลอด จะไม่เจ็บ เพราะโดนบล็อกหลัง หรือ ไม่ก็ ดมยาสลบ ก่อนผ่า
(อันนี้ พอรู้ แต่ไม่มีประสบการณ์ คุณแม่ท่านใดที่มีประสบการณ์ พิมพ์คุยกันได้จ้า)
เราเลืก วิธีแรก ซึ่งก็ อิ อิ
ช่วงเวลาของเทวดาตัวน้อยในอ้อมกอดที่อบอุ่น (เค้าจะรู้มั๊ยนะ ว่ารักมาก) น้ำนมในอก ที่กลั่นออกมาด้วยความรัก มันช่างมีความสุขเหนื่อย อดนอน แม่ไม่บ่นสักคำ เห็นหน้าแล้วสดชื่นทันที วันไหนที่ เทวดา เป็นไข้ ร้อง งอแง ไม่สบายตัว คนเป็นแม่อย่างเรา ใขแทบขาด อึไม่ออก บวดท้อง ถ้าแม่ทำแทนได้ แม่จะขันอาสาเป็นเองดีกว่า แต่อย่างว่า มันเป็นไปไม่ได้
บางคืน เทวดาตัวร้อน มนุษย์แม่ ต้องตื่นมาเอาผ้าชุบน้ำเช็ดเนื้อตัว เพื่อระบายความร้อนที่มีอยู่ในตัวให้ออกมา ปะทะกับอากาศ ข้างนอกกาย
* เทวดา ของแม่ หายใจไม่ออกเพราะมีเสลดค้างในโพรงจมูก มนุษย์แม่คนนี้ ไม่เคยมีความรังเกียจ เลยแม่แต่น้อย ใช้ปาก ประกบที่จมูกของเด็กน้อยแล้วดูดเอาเสลดออกมามนุษย์แม่ คนนี้ ก็ทำได้ ไม่เคยขยะแขยงเลยสักนิด**
จาก เจ็ดวัน เป็น1 เดือน จาก 7 เดือน
เป็น 7 ปี จาก 7ปี เป็น 14 - 15 -16 และ 17 ปี เวลาช่างเดินเร็วมากๆ
จากเทวดากลายเป็นมนุษย์ลูกที่ย่างเข้าสู่วัยรุ่น สิ่งใดที่ทำให้ลูกเคยเป็น "เทวดาของแม่" ในช่วงวัยเยาว์ที่แม่ดูแลและมอบความรักอย่างเต็มเปี่ยม ลูกในวัยเด็กเป็นศูนย์กลางของความสนใจและความหวังของครอบครัว แต่เมื่อเวลาผ่านไป ลูกโตขึ้น และต้องเผชิญหน้ากับความจริงของชีวิต เทวดาของแม่ในตอนนั้นอาจเปลี่ยนไปในสายตาของแม่ในตอนนี้
ตอนนั้น
-
ความไร้เดียงสา: ลูกเป็นเด็กน่ารัก ไร้เดียงสา และต้องการการปกป้องจากแม่เสมอ
-
ความคาดหวัง: แม่มองลูกด้วยความหวังว่าเขาจะเติบโตขึ้นมาเป็นคนดี มีอนาคตที่สดใส
-
การดูแลใกล้ชิด: แม่เป็นผู้ชี้แนะทุกสิ่ง ตั้งแต่การกิน การนอน ไปจนถึงการตัดสินใจเล็ก ๆ น้อย ๆ
ตอนนี้
-
ความเป็นอิสระ: ลูกเติบโตและเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง ต้องการพื้นที่ในการตัดสินใจ
-
บทเรียนจากชีวิตจริง: แม่อาจเห็นว่าลูกต้องเจอความยากลำบากที่แม่ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้เสมอ
-
ความภาคภูมิใจ: แม้ลูกจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่แม่ภูมิใจในความพยายามและการเติบโตของเขา
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้หมายความว่าความรักของแม่ลดลง แต่สะท้อนถึงการเปลี่ยนบทบาทของแม่และลูกตามกาลเวลา จากผู้ปกป้องกลายเป็นผู้สนับสนุนและผู้ให้คำปรึกษาในระยะไกล