
เขียนโดย: Boss Panuwat
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เรามักจะได้ยินคำพูดเกี่ยวกับ "สงครามกับผู้ขับขี่" ที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์บางฉบับ ที่กล่าวถึงการที่ตำรวจ รัฐบาล หรือแม้กระทั่งองค์กรท้องถิ่นต่าง ๆ มักจะมุ่งมั่นในการหาวิธีสร้างรายได้จากผู้ขับขี่รถยนต์ ด้วยการตั้งค่าปรับจอดรถ การตั้งระบบการจำกัดความเร็ว หรือการติดตั้งกล้องจับความเร็วที่ถูกเกลียดชังอย่างมากจากบรรดาผู้ขับขี่
แต่จริง ๆ แล้วการพูดถึง "สงครามกับผู้ขับขี่" นี้สามารถย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 119 ปีที่แล้ว เมื่อใบสั่งใบแรกของโลกถูกออกให้กับผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่ระมัดระวัง
เหตุการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของใบสั่งใบแรก
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1896 หรือเมื่อ 119 ปีก่อน มีเหตุการณ์ที่ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการออกใบสั่งความเร็วในประวัติศาสตร์ของโลก เกิดขึ้นในเมือง Paddock Wood, Kent ของอังกฤษ ซึ่งในเวลานั้นความเร็วสูงสุดที่กฎหมายอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ได้คือ 2 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือประมาณ 3.2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าเป็นความเร็วที่ช้ามาก โดยการขับขี่แบบนี้ผู้ขับขี่ต้องให้คนเดินถือธงแดงไปข้างหน้ารถเพื่อเตือนให้ผู้คนที่อยู่บนถนนรู้ตัว
แต่มันก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อชายหนุ่มชื่อว่า Walter Arnold ขับรถยนต์ของเขาไปด้วยความเร็วที่เกินกำหนดถึง 8 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือประมาณ 12.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเร็วกว่ากฎหมายในเวลานั้นถึง 4 เท่า! ขณะที่เขาขับผ่านเมืองในสภาพที่ไม่มีใครถือธงแดงไปข้างหน้าเพื่อเตือนผู้คน
การไล่ล่าครั้งแรกในประวัติศาสตร์
การขับขี่ที่ไม่ระมัดระวังนี้ได้ถูกจับตามองโดยตำรวจที่กำลังปั่นจักรยานอยู่ในย่านนั้น ตำรวจจึงเริ่มไล่ตาม Arnold ทันที ซึ่งการไล่ล่านี้ใช้เวลาไกลถึง 5 ไมล์ (หรือประมาณ 8 กิโลเมตร) ซึ่งถือว่าเป็นระยะทางที่ไกลมากในยุคนั้น เพราะจักรยานในเวลานั้นก็ไม่ได้เร็วอย่างที่เราคิดในปัจจุบัน
ในที่สุด Arnold ก็ถูกจับกุมและนำตัวไปที่ศาลท้องถิ่น ที่ซึ่งเขาถูกตัดสินให้จ่ายค่าปรับเป็นจำนวนหนึ่งชิลลิง (ประมาณ 12.5 เปอร์เซ็นต์ของค่าแรงงานประจำวันในยุคนั้น)
ความสำคัญของกรณีนี้ในประวัติศาสตร์
การออกใบสั่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเหตุการณ์ที่น่าสนใจในประวัติศาสตร์ของกฎหมายการขับขี่เท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดโอกาสให้คนทั่วไปเริ่มรับรู้ถึงการขับขี่รถยนต์ในยุคใหม่ด้วย โดย Walter Arnold ไม่ใช่แค่ผู้ขับขี่ที่ทำผิดกฎหมาย แต่เขายังเป็นหนึ่งในผู้ขายรถยนต์รายแรก ๆ ของประเทศอังกฤษ
Arnold มีธุรกิจขายรถยนต์ที่นำเข้ามาจากเยอรมนี และในระหว่างปี 1896-1899 เขาได้ผลิตรถยนต์ของตัวเอง ซึ่งถูกตั้งชื่อว่า "Arnold Motor Carriage" โดยใช้พื้นฐานจากรถยนต์ Benz ของเยอรมนี
การเปลี่ยนแปลงในกฎหมายการขับขี่
หลังจากนั้นไม่กี่เดือน กฎหมายก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เมื่อมีการออกกฎหมายใหม่ที่เรียกว่า "Locomotives Act" ซึ่งได้ทำการยกเลิกข้อกำหนดให้ต้องมีคนเดินถือธงแดง และยังเพิ่มขีดจำกัดความเร็วสูงสุดเป็น 14 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 22.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งถือว่าเป็นความเร็วที่เร็วขึ้นมากในยุคนั้น
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองกฎหมายใหม่และการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ การแข่งขันระหว่างเมืองลอนดอนและบรIGHTON ถูกจัดขึ้น ซึ่งเรียกการแข่งขันนี้ว่า "Emancipation Run" ซึ่ง Arnold ก็ได้เข้าร่วมการแข่งขันนี้ด้วย โดยเขาขับรถยนต์ที่ผลิตเอง ซึ่งเป็นรถที่มีพื้นฐานจาก Benz
การจัดกิจกรรมและการเชื่อมโยงกับปัจจุบัน
การแข่งขันนี้ไม่ได้สิ้นสุดเพียงแค่ในปีนั้น เพราะในปี 1927 หนังสือพิมพ์ Daily Sketch ได้จัดการแข่งขันขึ้นใหม่ ซึ่งการวิ่งนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงและยังคงจัดอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ การแข่งขันนี้ถูกเรียกว่า "London to Brighton Veteran Car Run" ซึ่งเป็นการแข่งขันรถยนต์เก่าที่มีอายุไม่เกินปี 1905
ความสำคัญของการจัดงานนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังเป็นการระลึกถึงการเดินทางจากยุคแรก ๆ ของการใช้รถยนต์จนถึงปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิวัฒนาการของกฎหมายและเทคโนโลยีในการขับขี่รถยนต์อย่างชัดเจน












