
โดย Boss Panuwat
เกาะบัลเจนัช (Baljenac) เป็นเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในทะเลอดรีอาติกทางตอนใต้ของประเทศโครเอเชีย เกาะนี้มีพื้นที่เพียงแค่ 0.14 ตารางกิโลเมตร และมีชายฝั่งยาวประมาณ 1,431 เมตร ซึ่งทำให้เกาะนี้ดูเหมือนจะมีขนาดเล็กจนแทบไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีอะไรน่าสนใจมากมาย แต่ที่จริงแล้วมันกลับเป็นเกาะที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ ที่สำคัญคือเกาะนี้มีผนังก้อนหินที่สร้างขึ้นจากสมัยโบราณ ซึ่งมีความยาวถึง 23 กิโลเมตร
สิ่งที่ทำให้เกาะบัลเจนัชน่าสนใจมากยิ่งขึ้นก็คือ เมื่อมองจากมุมสูงจากอากาศจะเห็นผนังก้อนหินเหล่านี้เป็นลวดลายที่คล้ายกับลายนิ้วมือของมนุษย์ ซึ่งทำให้เกาะนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น "เกาะลายนิ้วมือ" ของโครเอเชีย และล่าสุดประเทศโครเอเชียได้ยื่นคำร้องให้เกาะแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก
เกาะที่ถูกปกคลุมไปด้วยผนังก้อนหิน
เกาะบัลเจนัชอาจดูเหมือนเป็นเกาะที่ไม่โดดเด่นในแง่ของขนาด แต่สิ่งที่ทำให้เกาะนี้เป็นที่รู้จักทั่วโลกคือระบบผนังก้อนหินโบราณที่ครอบคลุมเกือบทั้งเกาะ โดยผนังก้อนหินเหล่านี้สร้างขึ้นเพื่อใช้แยกพื้นที่การเกษตร ได้แก่ ไร่องุ่นและสวนมะกอกจากกัน รวมถึงการป้องกันพืชผลจากลมที่พัดแรงในทะเลอดรีอาติก
การสร้างผนังก้อนหินนี้ไม่ใช้วัสดุผสมอย่างปูนหรือซีเมนต์ แต่เป็นการจัดวางหินแบบไม่ใช้ปูน หรือการใช้วิธีการ "dry stone walling" ที่พึ่งพาการจัดวางหินในลักษณะที่เหมาะสมเพื่อให้ผนังมีความมั่นคง โดยไม่ต้องใช้วัสดุเชื่อมต่างๆ ซึ่งเป็นวิธีการก่อสร้างที่ใช้กันมานานหลายร้อยปีแล้ว
ผนังก้อนหินโบราณจากการทำเกษตรของชาวเกาะ
การสร้างผนังก้อนหินนี้เริ่มต้นมาจากการที่ชาวเกาะจากเกาะใกล้เคียงอย่าง "เกาะคาปรีเย" (Kaprije) ซึ่งมีประชากรเพียงประมาณ 150 คน และเป็นเกาะที่ไม่มีรถยนต์ ได้ใช้ประโยชน์จากการทำเกษตรกรรมในพื้นที่นี้มานานหลายร้อยปี โดยเฉพาะการปลูกไร่องุ่นและมะกอก ซึ่งเกาะบัลเจนัชเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญในการทำเกษตรกรรมเป็นพิเศษ
เกาะบัลเจนัชมีจำนวนผนังก้อนหินมากที่สุดในแถบนี้ โดยผนังก้อนหินเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อแยกพื้นที่การเกษตรและปกป้องพืชผลจากลมทะเลที่แรง ซึ่งทำให้พื้นที่นี้สามารถใช้ทำเกษตรได้อย่างยั่งยืนแม้ในสภาพภูมิอากาศที่ยากลำบาก
การเสนอชื่อเกาะบัลเจนัชเป็นมรดกโลก
ปัจจุบันเกาะบัลเจนัชได้รับการเสนอชื่อให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก โดยการเสนอชื่อครั้งนี้เน้นไปที่ความสำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของเกาะ รวมถึงความเป็นเอกลักษณ์ของผนังก้อนหินที่มีลักษณะคล้ายลายนิ้วมือมนุษย์จากมุมสูง ซึ่งถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สามารถบ่งบอกถึงการใช้ชีวิตของชุมชนในยุคโบราณและความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ
การได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจะช่วยยกระดับชื่อเสียงของเกาะบัลเจนัชและทำให้เกิดการอนุรักษ์อย่างยั่งยืนเพื่อคงความสำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของเกาะนี้ไว้ให้กับคนรุ่นหลัง
สรุป
เกาะบัลเจนัชเป็นเกาะเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ถึงแม้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็มีความสำคัญในฐานะเป็นแหล่งเกษตรกรรมที่มีระบบผนังก้อนหินโบราณที่ไม่เหมือนใคร และมีความสวยงามที่น่าทึ่งจากมุมสูง การได้รับการเสนอให้เป็นมรดกโลกจะช่วยให้เกาะบัลเจนัชได้รับการอนุรักษ์และเผยแพร่ความสำคัญของมันให้กับโลกทั้งใบ

















