เขียนโดย: Boss Panuwat
เผยแพร่เมื่อ: 4 ธันวาคม 2024
ในปี ค.ศ. 1277 เส้นทางลับที่ยาวเกือบครึ่งไมล์ซึ่งรู้จักกันในชื่อ **Passetto di Borgo** ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมโยงนครวาติกันเข้ากับปราสาทซันต์แองเจโล (Castel Sant'Angelo) ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำไทเบอร์ เส้นทางนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นทางหลบหนีในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะสำหรับสมเด็จพระสันตะปาปา
เส้นทางนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ของคริสตจักรคาทอลิก และยังเป็นส่วนสำคัญของเหตุการณ์ในปี ค.ศ. 1527 ซึ่งช่วยชีวิตสมเด็จพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 7 ในช่วงที่กรุงโรมถูกปล้นสะดมโดยกองทัพของจักรพรรดิคาร์ลที่ 5 (Charles V) แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
เหตุการณ์สะเทือนประวัติศาสตร์: การปล้นสะดมกรุงโรม
ในปี ค.ศ. 1527 กองทัพของจักรพรรดิคาร์ลที่ 5 ได้บุกเข้าปล้นสะดมกรุงโรม และสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับเมืองแห่งนี้ ไม่เพียงแค่ทรัพย์สินที่ถูกปล้นไป แต่ยังรวมถึงการสูญเสียชีวิตของนักบวช พระสงฆ์ และแม่ชีหลายคน เหตุการณ์นี้ถูกเรียกว่า "การปล้นกรุงโรม" (The Sack of Rome) และเป็นช่วงเวลาที่คาทอลิกต้องเผชิญวิกฤติอย่างแท้จริง
ท่ามกลางความโกลาหลนี้ กองกำลัง Swiss Guard ซึ่งเป็นทหารรักษาการณ์ของสมเด็จพระสันตะปาปา ได้ต่อสู้อย่างกล้าหาญเพื่อปกป้องชีวิตของสมเด็จพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 7 ในที่สุด Swiss Guard สามารถถ่วงเวลากองทัพศัตรูไว้ได้เพียงพอ ให้สมเด็จพระสันตะปาปาหลบหนีผ่าน Passetto di Borgo ไปยังปราสาทซันต์แองเจโลได้อย่างปลอดภัย
Passetto di Borgo: เส้นทางลับแห่งความหวัง
Passetto di Borgo ไม่ได้เป็นเพียงทางเดินธรรมดา แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเอาตัวรอด และการตัดสินใจอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาวิกฤติ เส้นทางนี้ได้รับการออกแบบให้มีความปลอดภัยสูงสุด และถูกปิดบังจากสายตาผู้บุกรุก
โครงสร้างของ Passetto di Borgo เป็นเส้นทางยกระดับที่ถูกครอบคลุม มีลักษณะเหมือนกำแพงสูงที่ดูไม่สะดุดตา เส้นทางนี้เริ่มต้นจากพระราชวังวาติกัน และสิ้นสุดที่ปราสาทซันต์แองเจโล ซึ่งเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงโรม
การเสียสละของ Swiss Guard
ในการช่วยสมเด็จพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 7 หลบหนี Swiss Guard ได้สูญเสียทหารไปถึง 147 นายในวันนั้น การเสียสละอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา ไม่เพียงแค่แสดงถึงความจงรักภักดีต่อพระสันตะปาปา แต่ยังเป็นบทเรียนของความกล้าหาญและความเสียสละเพื่อผู้อื่น
วันนี้ Passetto di Borgo ยังคงมีอยู่ และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ที่ผู้คนสามารถมาเยี่ยมชมเพื่อเรียนรู้เรื่องราวในอดีต และรำลึกถึงความกล้าหาญของคนในยุคสมัยนั้น