ส.วิศวกรฯ ร่วมสรุปประเด็น สมมุติฐานสาเหตุการพังถล่มของโครงถักเหล็ก ถนนพระราม 2
การพังถล่มของโครงถักเหล็ก (Steel Launching Truss) บนถนนพระราม 2 เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 นับเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจและตั้งคำถามสำคัญต่อมาตรฐานความปลอดภัยในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ท่ามกลางความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน เราควรนำเหตุการณ์นี้มาเป็นบทเรียนสำคัญในการป้องกันเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันในอนาคต
โครงถักเหล็ก: หัวใจของการก่อสร้างทางยกระดับ
โครงถักเหล็ก (Steel Launching Truss) เป็นเครื่องมือสำคัญในการยกชิ้นส่วนสะพานหรือเซ็กเมนต์ (Segment) เพื่อจัดเรียงและเชื่อมต่อให้เป็นโครงสร้างเดียวกัน กระบวนการนี้ต้องอาศัยความแม่นยำและความแข็งแรงของวัสดุอย่างสูง เพราะทุกองค์ประกอบอยู่ในสภาวะที่ต้องรองรับน้ำหนักมหาศาล
ในการพังถล่มครั้งนี้ เบื้องต้นมีการตั้งข้อสังเกตว่า จุดที่เกิดวิบัติคือบริเวณใกล้เสา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีค่าแรงเฉือนสูงที่สุด นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้จากหลายปัจจัย เช่น ความล้มเหลวของวัสดุ การประกอบชิ้นส่วนที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือแรงกระแทกจากอุปกรณ์หนักที่หลุดออกจากตำแหน่ง
บทเรียนจากเหตุการณ์: สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม
ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ได้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการตรวจสอบและปฏิบัติตามมาตรฐานการก่อสร้างอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นอีก เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนถึงความสำคัญขององค์ประกอบต่อไปนี้:
คุณภาพวัสดุ
วัสดุที่ใช้ในโครงสร้างต้องผ่านการตรวจสอบและมีคุณภาพที่สอดคล้องกับการรับน้ำหนักที่กำหนด หากใช้วัสดุที่ด้อยคุณภาพ อาจทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงได้
การออกแบบและการคำนวณโครงสร้าง
การออกแบบที่แม่นยำและเหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญ โครงสร้างที่ต้องรองรับแรงเฉือนและน้ำหนักมากจำเป็นต้องผ่านการคำนวณและวิเคราะห์อย่างละเอียด
การปฏิบัติงานที่ถูกต้องตามมาตรฐาน
กระบวนการติดตั้งและประกอบโครงสร้างต้องเป็นไปตามวิธีการที่กำหนดไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจนำไปสู่ความเสียหาย
การกำกับดูแลและตรวจสอบ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีมาตรการกำกับดูแลที่เข้มงวด ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ การเลือกวัสดุ ไปจนถึงการปฏิบัติงานในสถานที่จริง
สร้างความเชื่อมั่นใหม่ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง
เหตุการณ์พังถล่มครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย หรือในอุตสาหกรรมก่อสร้างทั่วโลก แต่ทุกครั้งที่เกิดขึ้น มันได้สร้างความหวาดกลัวและลดทอนความเชื่อมั่นในโครงการขนาดใหญ่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องร่วมมือกันสร้างมาตรฐานใหม่ที่มุ่งเน้นความปลอดภัยเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ ควรส่งเสริมนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงในกระบวนการก่อสร้าง เช่น การใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับแรงและความเครียดในโครงสร้าง หรือการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) วิเคราะห์ความเสี่ยงล่วงหน้า
โศกนาฏกรรมบนถนนพระราม 2 เป็นเครื่องเตือนใจว่า การมุ่งเน้นเพียงผลลัพธ์สุดท้ายของการก่อสร้างโดยละเลยความปลอดภัยและคุณภาพระหว่างทาง อาจนำมาซึ่งความสูญเสียที่ไม่อาจประเมินค่าได้ การร่วมมือกันสร้างมาตรฐานที่ดีขึ้น และการเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต จะช่วยให้เราสร้างอนาคตที่มั่นคงและปลอดภัยยิ่งขึ้น
โลกของการก่อสร้างไม่ควรเป็นเพียงโครงสร้างที่ยิ่งใหญ่ แต่ต้องเป็นโครงสร้างที่มั่นคง ปลอดภัย และสร้างประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน





















