รีวิวหนังดัง BEETLEJUICE BEETLEJUICE บีเทิลจู๊ดส์ บีเทิลจู๊ดส์
ปี 1988 ผีขี้จุ๊ยออกอาละวาดและสร้างความน่าฉงนเกี่ยวกับโลกหลังความตายสุดเพี้ยน ครั้งนี้ ปี 2024 ผีขี้จุ๊ยจะกลับมาอีกครั้ง เพียงเอ่ยเรียกชื่อเขา 3 ครั้ง (BEETLEJUICE BEETLEJUICE BEETLEJUICE) แล้วเขาจะปรากฏตัวโดยพลัน เชื่อเถอะว่าถ้าไม่จำเป็นจริงๆจะไม่อยากยุ่งกับเขาอีกเลย
Michael Keaton กลับมารับบทเป็น BEETLEJUICE เช่นเคย ในบทบาทที่ห่างหายไปนานเกือบ 40 ปี พร้อมกับผู้กำกับคนเดิมอย่าง Tim Burton งานถนัดของเขาในด้าน Dark Fantasy แบบตลกร้าย
เรื่องย่อ
Lydia Deetz พิธีกรรายการผี มีลูกสาวอย่าง Astrid Deetz ที่ต่อต้านแม่ของเธอทั้งเรื่องที่มองว่าแม่หากินกับความเชื่องมงาย และการที่แม่ไปคบกับ Rory แฟนหนุ่มคนใหม่ ความระหองระแหงนี้ทำให้ผู้เป็นแม่อย่าง Lydia อึดอัดใจเป็นอย่างมาก
วันหนึ่ง Astrid ถูกแฟนหนุ่มที่เป็นผี..หลอกเธอให้เข้าไปสู่โลกหลังความตาย เพื่อแลกวิญญาณกันจะได้กลับสู่โลกคนเป็นอย่างถาวร ทำให้คนเป็นแม่อย่าง Lydia ไม่มีทางเลือก ต้องขอร้อง Beetlejuice ช่วยเหลือโดยยอมแต่งงานด้วยเป็นข้อแลกเปลี่ยน
กระนั้น Delores ผู้นำลัทธิดูดวิญญาณ เมียเก่าของ Beetlejuice ก็ต้องการ Beetlejuice กลับมาอยู่กินกันเหมือนอย่างเคย และ Wolf Jackson ก็เป็นตำรวจเพี้ยนทำหน้าที่กำจัดคนเป็นออกจากโลกคนตาย และพาคนตายในโลกคนเป็นกลับสู่โลกคนตายด้วย
นักแสดงนำ
- Michael Keaton รับบทเป็น Beetlejuice
- Winona Ryder รับบทเป็น Lydia Deetz
- Justin Theroux รับบทเป็น Rory
- Jenna Ortega รับบทเป็น Astrid Deetz
- Catherine O'Hara รับบทเป็น Delia Deetz
- Monica Bellucci รับบทเป็น Delores
- Arthur Conti รับบทเป็น Jeremy
- Burn Gorman รับบทเป็น Father Damien
- Danny DeVito รับบทเป็น Janitor
ความชื่นชอบและประทับใจของครีเอเตอร์
1.ความตลกร้ายแบบสาย Dark คือจุดขายของเรื่องนี้ บางฉากเล่นทำเอาขยะแขยงไปเลยก็มี ถือเป็นหนัง Dark Comedy ที่น่าสนใจ ซึ่งถือเป็นแนวถนัดของผู้กำกับอย่าง Tim Burton
2.หนังเข้าเรื่องช้า ดำเนินเรื่องเสียเวลาไปกับอารัมภบทมากเกินไป กว่าจะเข้าเรื่องหนังก็ปาเข้าไป 1 ชั่วโมงแล้ว จากความยาวทั้งหมดของหนังอยู่ที่ 104 นาที ทำให้บทบาทของ Beetlejuice ที่นำแสดงโดย Michael Keaton น้อยลงอย่างน่าเสียดาย
3.อีกการแสดงที่ครีเอเตอร์ชอบเป็นการส่วนตัวคงเป็น Willem Dafoe นำบท Wolf Jackson ผู้บังคับบัญชาตำรวจในดินแดนโลกหลังความตายสุดเพี้ยน มาดเข้มแต่แฝงความเบาสมองได้อย่างกลมกลืน ใครดูแบบพากย์ไทยจะได้ยินการพากย์ของน้าติ่ง สุภาพในตัวละครนี้ด้วยนะ
4.หนังใส่กลิ่นอายของยุค 80 ในดินแดนโลกหลังความตายเอาไว้ ให้สอดคล้องกับบทบาทที่เคยทำเอาไว้ในภาคแรก (ปี 1988) ซึ่งก็มีเหตุผลพอจะเข้าใจได้ ใครคิดถึงยุค 80 หนังเรื่องนี้ก็ตอบโจทย์อยู่นะ
5.เมื่อหนังเข้าถึงแก่นเรื่องสำคัญแล้ว ทุกอย่างรุมมาที่ตัวละครเอกพร้อมกันในคราวเดียว เป็นความสับสนวุ่นวาย แต่สนุกใช้ได้เลยทีเดียว ว่ากันตามตรง ถ้ามีการกระจายบท ให้สถานการณ์มีอะไรให้ลุ้นอยู่เป็นระยะๆตลอดเรื่อง หนังจะสนุกได้มากกว่านี้อีก