หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

แฟนดีดี I told Lakshmi Mata about him EP.5

โพสท์โดย กัลยลิขิต

* ขออภัยนักอ่านทุกท่านที่หายไปนาน เปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่จำรหัสเข้าไม่ได้ กลับมาต่อแล้วนะคะ ไปฟินกันโลยยยย

วันนี้เป็นวันสงกรานต์
หนุ่มสาวชาวบ้าน เบิกบานจิตใจจริงเอย
ตอนเช้าทำบุญ ทำบุญตักบาตร
ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขันกันเอย
เข้าวัดแต่งตัว แต่งตัวสวยสะ
ไปสรงน้ำพระ ณ วันสงกรานต์กันเอย...

เสียงเพลงรำวงวันสงกรานต์ปิดดังลั่นตลาดต้อนรับเทศกาลวันสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงตั้งแต่ต้นสัปดาห์ทำโต๊ดต้องยกมืออุดหูรีบเดินผ่านเครื่องขยายเสียงด้านหน้าตลาดเข้าไปในด้านใน โดยปล่อยให้ยักษ์จัดการจอดรถแล้วเดินตามเข้ามา เลยโดนยักษ์บ่นกระปอดกระแปดไปตามเรื่อง
ตลาดสดกลางเมืองที่ตั้งอยู่ใจกลางชานเมืองกรุงที่อยู่ไม่ไกลจากร้านของลุงใหญ่กับป้าลักษมี ทั้งโต๊ดและยักษ์จึงถูกลุงกับป้าใช้ให้มาซื้อของที่นี่ด้วยกันบ่อย ๆ ตั้งแต่เด็ก ยิ่งช่วงมัธยมที่ทั้งคู่ต่างแยกไปมีสังคมของตัวเอง การได้มาซื้อของให้ลุงกับป้าที่ตลาดแห่งนี้จึงกลายมาเป็นกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์ให้คนทั้งสองที่แยกกันไปมีโลกของตัวเองได้กลับมาปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ถึงจะไม่สนิทกันเหมือนพี่น้องจริง ๆ แต่อย่างน้อยก็ไม่ห่างเหินจนขาดสะบั้นลง เวลาทั้งคู่มาที่ตลาดกลางเมืองแห่งนี้ทั้งโต๊ดและยักษ์จึงมักจะเดินไปด้วยกัน โดยมีโต๊ดคอยตัดสินใจเลือกซื้อ ส่วนยักษ์ก็จะคอยถือของให้ เป็นภาพที่ลุงป้าน้าอาในตลาดเห็นกันจนชินตา และดเวยตวามอัธยาสัยดีของเด็กทั้งสอง คนสนตลาดจึงคอยเป็นหูเป็นตาดูแลเด็กทั้งสองให้
"ว่ายังไงจ๊ะสองพี่น้อง มาตลาดกันแต่เช้าเลย วันนี้จะทำอะไรกินดี"
"หนูว่าจะทำจับฉ่ายจ้ะป้าดา ว่าจะทำไว้ใส่บาตรให้ลุงพรุ่งนี้น่ะจ้ะ"
"เออตายจริง! พรุ่งนี้วันครบรอบพี่ใหญ่แกแล้วนี่เนาะ งั้นรอแป๊บนึงนะเดี๋ยวป้าจัดให้"
"ขอบคุณจ้ะป้าดา"
ระหว่างที่สองคนกำลังยืนรอป้าดาแม่ค้าผักเจ้าประจำจัดผักสำหรับทำต้มจับฉ่ายให้ยักษ์ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่จนโต๊ดสะดุ้ง ดขาเลยพอมองตามสายตาของยักษ์ก็เห็นแม่ค้าสาวอดีตคนเคยรักของพี่ชายในชุดเสื้อสายเดี่ยวรัดติ้วจนเห็นเนินฟาร์มโคนมกับกางเกงยีนขาสั้นเสมอหูโบกหน้าหนาปากชมพูเดินมั่นหน้ามั่นโหนกตรงเข้ามาหาเขาทั้งสองคน
"ยักษ์!" หมิวโบกมือทักทายรีบวิ่งเข้าเกาะแขนอดีตแฟนที่เธอกำลังตามง้อ "มาหาหมิวแต่เช้าคิดถึงหมิวมากเหรอ"
โต๊ดหลุดขำออกมาเบา ๆ ด้วยนึกตลกในความพูดเองเออเองของคนตรงหน้า
"อ้าวน้องโต๊ด มากะพี่ยักษ์ด้วยเหรอ"
"สาบานให้บ้านบึ้มมะ แล้วใครน้องมึงฮะอีหมิว กูเกิดก่อนมึงตั้งสองเดือนเถอะ"
"ก็แหม! พี่กับพี่ยักษ์เป็นอะไรกันน้องโต๊ดก็น่าจะรู้"
"ใช้คำว่าเคยดีกว่าปะ แล้วต่อให้มึงดองกัน มึงก็ยังเป็นน้องเดือนกูอยู่ดีค่ะสาว แก่แต่หน้าก็พอเนาะ"
"ยักษ์! ดูน้องยักษ์ว่าหมิวซิ"
"ทำไม มึงฟ้องมันแล้วคิดว่าช่วยอะไรได้เหรอฮะ ยังไงมึง จะตีกูให้เมียหรือไงไอ้ยักษ์"
"หึ! ไม่อะ แล้วแม่งก็ไม่ใช่เมียกู เมียคนอื่น"
"ยักษ์!"
"โอ้ย! เหม็นหอยบูดโว้ย" เสียงป้าดาโผ่งออกมาลอย ๆ เรียกเสียงหัวเราะพ่อค้าแม่ขายแผงติดกันที่เห็นเหตุการมาตั้งแต่ต้น "นอมเอ๊ย! หอยขมเอ็งค้างคืนเปล่าวะ กลิ่นนี่โฉ่เชียว"
"ไม่จ้ะป้า หนูไม่วนหอยขายจ้ะป้า"
"ป้าดา"
"อะไรอีหมิว ถ้ายังไม่รีบกลับไปเปิดร้านนะ กูจะฟ้องตาแหลมยายอ๋อยว่ามึงมาอ้อล้อผู้ชายไม่ยอมเปิดร้าน"
"ยักษ์!"
เห็นท่าทีเฉยเมยของอีกฝ่ายแถมยังโดนแกะมือออกจากแขนหญิงสาวถึงกับสะบัดสะบิ้งด้วยความน้อยใจก่อนจะเดินกระแทกเท้ากลับไปที่ร้านของตัวเอง
โต๊ดที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ยักษ์จึงยกมือลูบแขนยักษ์พลางมองหญิงสาวที่เพิ่งเดินจากไปแล้วส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา
"แหม่! คนอะไร ยักษ์ไม่ต้องไปยุ่งกับมันอีกนะลูก ผู้หญิงแบบนี้ได้ไปเป็นเมียชีวิตดิ่งลงเหวแน่"
"ครับ ป้าดา"
"มึงโอเคนะ"
ยักษ์พยักหน้าตอบเบา ๆ
"อะนี่ 30 บาทลูก"
"ฮะ!" โต๊ดอุทานเสียงหลงเมื่อเห็นราคาสวนทางกับจำนวนผักในถุง "เดี๋ยวนะป้าดา เต็มถุงขนาดนี้ มา 30 บาทอะไร"
"ป้าจะฝากไปทำบุญด้วย ฝากไปทำบุญให้ลุงใหญ่แกด้วยนะลูก"
โต๊ดพยักหน้ารับยกยิ้มเจื่อนพร้อมกับยื่นเงินไปจ่ายค่าผัก
"อะนี่ด้วย ดอกหอม ป้าฝากผัดใส่บาตรให้พี่ใหญ่แกด้วยนะ ตอนแกอยู่แกชอบให้พี่หมีผัดให้กินบ่อย ๆ"
"ได้จ้ะป้า ขอบคุณนะจ๊ะ"
พอได้วัตถุดิบและเครื่องปรุงต่าง ๆ ครบตามที่ต้องการ ทั้งคู่ก็พากันเดินเล่นซื้อขนมของกินไปฝากคนที่ร้านและโต๊ดก็ไม่ลืมซื้อพวงมาลัยดอกไม้เอากลับไปตุนไว้สำหรับไหว้พระที่ร้านเหมือนทุกที
กลับมาถึงร้านโต๊ดก็รีบเอาของเข้าไปเก็บแล้วออกมาเปลี่ยนน้ำเปลี่ยนดอกไม้ที่หิ้งพระซึ่งเป็นกิจวัตรที่โต๊ดทำอยู่ทุกวัน
"โต๊ดถาดขนมกูเอาวางไว้บนโต๊ะน่ะ"
"เอามานี่เลย ๆ จะได้ไหว้เลย ขี้เกียจขึ้น ๆ ลง ๆ"
โต๊ดรีบเอี้ยวตัวไปหยิบถาดขนมจากยักษ์แล้วนำขึ้นไปวางไว้บนหิ้ง แล้วก็เริ่มสวดมนตร์บูชาพระและพระแม่ลักษมีทันที ทำให้ยักษ์ต้องเลยตามเลยยืนไหว้พระไปกับโต๊ดด้วย

"อาทิลักษมิ นะมัสเตสตุ ปะระพรัหมัสวะรูปิณิ
ยะโศเทหิ ธะนันเทหิ สรรวะกามานศฺจะเทหิเม... อ๊าย!"

"อะไร... เฮ้ย! โต๊ด!"

พลั่ก!

"โอ๊ย!"
ขณะที่กำลังสาธยายมนตราบูชาพระแม่ลักษมีโต๊ดก็ได้ยินเสียงจิ้งจกร้องมาจากที่ใกล้ ๆ เขาจึงพยายามมองหาด้วยความหวาดผวา ด้วยกลัวจิ้งจกมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ปากก็ยังสาธยายมนตร์ไม่หยุด แต่พอหันไปเจอต้นเสียงว่ามันเกาะอยู่ด้านหลังเทวะรูปพระแม่ลักษมี โต๊ดก็ตะลึงงันแขนขาแข็ง เขามองดวงตาดำปูดโปนที่กำลังจ้องเขม็งมา และในที่สุดมันก็รีบไต่กำแพงลงมาบนหิ้งท่าทางเหมือนจะพุ่งเข้ามาหา โต๊ดจึงสติแตกกรี๊ดลั่นร้านพลางกระโดดหนีด้วยตวามลืมตัวว่าตัวเองยืนอยู่บนเก้าอี้ทำให้โต๊ดเสียหลักล้ม เดชะบุญที่ยักษ์ยังยืนอยู่ใกล้ ๆ เลยรีบคว้าโต๊ดเอาไว้ได้ทัน แต่เพราะไม่ทันตั้งตัวจึงพากันลมลงไปนอนกองกับพื้นทั้งคู่
โต๊ดที่นอนจมอกอยู่บนตัวของยักษ์พอได้สติก็พยายามจะยันตัวลุกขึ้นแต่เพราะยังถูกวงแขนหนาของยักษ์ที่นอนจุกหน้าแหยเกโอบกอดเอาไว้แน่นเลยทำให้โต๊ดถลาหน้าทิ่มลงไปบนอกของยักษ์อีกรอบ หนำซ้ำริมฝีปากของโต๊ดยังกดลงไปบนแผงอกของยักษ์อย่างจัง
"ยักษ์ปล่อยมือก่อน"
พอเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ยอมปล่อยโต๊ดเลยเงยหน้าขึ้นไปมองเพื่อดูอาการ แต่เพียงเงยหน้าขึ้นไปสายตาของโต๊ดก็สบเข้ากับสายตาของยักษ์ที่มองลงมาเพื่อดูอาการเข้าพอดี
สายตาของคนทั้งคู่จองมองกันแทบตาไม่กระพริบจนเกิดอาการร้อนวูบวาบ หัวใจสั่นไม่เป็นจังหวะ
ตลอดระยะเวลายี่สิบกว่าปีที่อยู่ด้วยกันมามากกว่าครึ่งชีวิต ทั้งคู่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้ต่อกันมาก่อน ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึก อยากจะละสายตาจากกันก็ทำไม่ได้ แล้วจู่ ๆ ก็เกิดความรู้โหยหาต่อกันผุดขึ้นมา ราวกับคนที่ไม่ได้พบเจอกันมานานแล้วได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ก็อยู่ด้วยกันมาตลอด
อุ้งมือหนาค่อย ๆ ยกขึ้นมาแนบที่ข้างแก้มขาวนวลป่อง นิ้วหัวแม่มือไม่รักดีไล่เกลี่ยไปที่ริมฝีปากบางของโต๊ด
"ม...มึงทำอะไร"
"จูบได้ปะ"
คำถามที่สวนกลับมาทันควันทำให้โต๊ดถึงกับชะงักค้างหายใจหอบถี่เย็นหลังวาบ
พอเห็นอีกที่ฝ่ายนิ่งค้างตกใจแล้วทำท่าจะลุกหนียักษ์จึงรีบดึงตัวของโต๊ดให้กลับขึ้นมาอยู่บนตัวเขา โต๊ดเลยเซถลาล้มลงมาประกบปากด้วยอย่างจัง แม้ว่าในหัวจะสั่งให้ตัวเองลุกออกไปจากตรงนี้ แต่ร่างกายกลับไม่ยอมขยับและยังปล่อยให้ริมฝีปากหนาขบเม้มริมฝีปากตัวเองอย่างย่ามใจจนกระทั้งยอมเปิดปากให้อีกฝ่ายสอดเกลียวลิ้นเข้ามาอย่างง่ายดาย แถมยังให้ความร่วมด้วยดี จากการขบเม้มริมฝีปากธรรมดา ๆ เลยเลยเถิดกลายเป็นการจูบที่ดูดดื่ม
ถึงแม้ว่าตัวเองจะโหยหาการจูบที่ดูดดื่มเร่าร้อนตรงหน้านี้สักเพียงใด แต่ในมโนสำนึกมันก็บอกว่าคนตรงหน้าคือพี่ คือพี่ชายที่โตมาด้วยกัน โต๊ดจึงรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายยันตัวออกจากยักษ์แล้วถอยลู่ไปนั่งพิงเคาน์เตอร์ร้าน มองยักษ์ที่นั่งชันตัวขึ้นมองด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดพลางหายใจหอบเหนื่อยจากการขาดอากาศเป็นเวลานาน
"ม...มึงทำกับกูทำไม ก...กูน้องมึงนะ"
"กูลูกคนเดียว"
"ย...ยักษ์"
"มึงไม่ต้องรู้สึกผิดนะ กูเริ่มเอง กูขอโทษ จะทำจับฉ่ายใช่ปะ เดี๋ยวกูไปทำให้" ยักษ์รีบลุกพรวดหยิบถาดที่หล่นอยู่บนพื้นแล้วตรงเข้าหลังร้านไป
โต๊ดที่นั่งพิงเคาน์เตอร์มองตามหลังยักษ์จนเดินหายไปหลังร้านจึงยันตัวลุกขึ้นยืนหอบหายใจด้วยความตกใจและสับสนจนทำอะไรไม่ถูก พลันนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ถวายอารตีพระแม่โต๊ดจึงเดินไปหยิบถาดอารตีมาจุดไฟแล้วถวายอารตีด้วยมือที่ยังสั่นเทาเพราะความตกใจ จู่ ๆ หยดน้ำใส ๆ ก็หยดลงจากตาด้วยความรู้สึกหลาย ๆ อย่างที่ตีกันอยู่ภายในใจ
ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าเมื่อครู่นี้โต๊ดเองเกิดความรู้สึกหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก ถ้าตัดเรื่องที่โตมาด้วยกันจนรู้สึกรักเป็นพี่น้องกันจริง ๆ ยักษ์ก็คือผู้ชายคนนึงที่น่าสนใจ เพราะถึงจะเกกมะเหรกเกเรไปบ้าง แต่ก็เป็นคนที่จริงจังกับชีวิต รักครอบครัว รักเพื่อนพ้อง เวลารักใครก็รักจริง ด้วนพื้นฐานที่พ่อนอกใจทิ้งแม่ของเขาไปตั้งแต่ยักษ์ยังเล็ก เลยทำให้ยักษ์ฝังใจเรื่องความรัก พอรักใครก็จะทุ่มเทความจริงใจให้ฝ่ายเพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นเหมือนกับพ่อ โต๊ดยังจำได้ดีวันที่หมิวทิ้งยักษ์ไป ยักษ์มันรักหมิวมากจนเสียสูญขนาดไหน ถ้าไม่มีเรื่องนี้ เรื่องที่พวกเขาโตมาด้วยกัน เรื่องที่เขาคิดว่ายักษ์เป็นพี่ชายที่คอยช่วยเหลือดูแลเขามาตลอด ป่านนี้เขาก็คงมีใจให้ยักษ์ไปบ้างแล้ว
'ลูกแต่พระอธิลักษมี ขอไฟอารตีนี้จงเผาไหมความมืดดำและส่องแสงสว่างในใจให้ลูกด้วยเทิด'

เสียงจักรเย็บผ้าทำงานดังครืดคราดตั้งแต่เช้ามาจวบจวนจะบ่ายสามทำเอาสองสาวอดเป็นห่วงไม่ได้ ทั้งป๊อปและน้ำตาลจึงชักชวนกันเดินเข้าไปหาเจ้านายที่นั่งเย็บผ้าไม่มีทีท่าว่าจะหยุดมือ
"โต๊ดพักก่อนเถอะ"
"..."
"พี่โต๊ดพักกินข้าวก่อนเถอะพี่เดี๋ยวหนูต่อให้เอง นี่มันบ่ายสามแล้วนะ เดี๋ยวพี่ต้องไปรับป้านะ"
สองสาวมองหน้ากันแล้วถอนหายใจหนักอก
"มีอะไรกันเหรอ"
"อ้าวยักษ์ มาพอดี"
"ดูนู่นสิพี่ยักษ์ พี่โต๊ดไม่ยอมลุกจากจักรเย็บผ้าตั้งแต่เช้าแล้วอะ"
ยักษ์มองไปยังโต๊ดที่ยังคงนั่งถีบจักรเย็บเสื้อผ้าลูกค้าอยู่ที่มุมทำงานที่เดิมมาตั้งแต่เช้าด้วยความเป็นห่วง และมันก็คงเป็นเพราะเรื่องเมื่อเช้าอย่างแน่นอนที่ทำให้โต๊ดเป็นแบบนี้ บางทีโต๊ดอาจจะกำลังหลบหน้เขาอยู่ก็ได้
"ไม่เป็นไร พี่จัดการเอง"
"ฝากด้วยพี่ยักษ์"
ยักษ์เดินตรงไปยังโซฟาที่อยู่ตรงมุมทำงานแล้วทิ้งตัวลงนั่งพลางกระดกขวดน้ำอัดลมในมือ และก็เป็นอย่างที่เขาคาด พอโต๊ดเห็นเขาเดินมานั่งอยู่ใกล้ ๆ เจ้าตัวก็ละงานในมือลุกพรวดออกไป สร้างความฉงนใจให้กับสองสาวด้วยไม่รู้สาเหตุว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
"ตาล ต่อด้วย จะไปกินข้าว"
หญิงสาวพยักหน้ารับคำสั่งงง ๆ มองตามจนเจ้านายเดินหายไปหลังร้านจึงถลาเข้าไปนั่งข้าง ๆ เจ้านายอีกคน
"ยังไงเนี่ยพี่ยักษ์ เกิดไรขึ้น"
"เมนต์มันไม่มา"
เปี๊ยะ!
"พี่ยักษ์เอาดี ๆ" น้ำตาลตีขายักษ์พลางเค้นถาม "มีเรื่องอะไรกัน หรือทะเลาะกัน"
"เปล่า! โต๊ดมันหวั่น ๆ เรื่องความรักของมันนั่นแหละ"
"แน่นใจนะพี่ยักษ์"
"เออ!" ยักษ์ผลักมือน้ำตาลที่ชี้นิ้วเค้นถามพลางยันเด็กสาวให้ลุกไปทำงาน "ไป ๆ ๆ รีบไปทำงานเลย มานั่งนินทาเดี๋ยวพี่มึงก็ออกมาแดกหัวให้หรอก"
"โธ่! ก็คนเป็นห่วง ถามแค่นี้ก็ไม่ได้"
"สาบานปะ"
"พี่ยักษ์! ทำงานก็ได้วะ รู้ทันตลอดเลย"
ยักษ์ส่ายหน้าด้วยความระอาก่อนจะหันไปหาพี่ใหญ่ของร้าน "พี่ป๊อปผมฝากดูมันด้วย ผมไปรับป้าก่อน"
"ได้"
"มันนี่หมายถึงหนูหรือพี่โต๊ด"
"ไอ้ตาล!"
"แค่นี้ก็ทำเป็นดุ นายจ้างใจยักษ์ชัด ๆ"
ยักษ์ลุกเดินไปยีหัวเด็กสาวที่บ่นกระปอดกระแปดด้วยความหมั่นไส้ก่อนเดินออกจากร้านไป
นายช่างใหญ่เดินกลับมาสะสางงานในร้านครู่หนึ่งพอใกล้ถึงเวลาที่ป้าจะมาถึงยักษ์ก็เดินออกไปสั่งงานกับลูกน้องในร้านก่อนจะปรี่มาที่รถยนตร์แบรนด์ดังคันสีขาวที่ยักษ์ทุ่มทั้งหยาดเหงื่อแรงกายกว่าจะได้มาเพื่อเอาไว้ขับรับส่งลุงกับป้าเวลามีธุระสำคัญ
เดินมาถึงรถยักษ์ก็ชะงักเท้าด้วยไท่คิดว่าจะเจอโต๊ดมายืนรออยู่ที่รถ
"อ...อ้าว! จะไปด้วยเหรอ"
"อืม! เปิดตู ร้อน"
ยักษ์กระตุกยิ้มส่ายหน้าเบา ๆ ด้วยหมั่นไส้ท่าทางมั่นห้ามั่นสิบกลัวเสียฟอร์มของคนตรงหน้าก่อนจะรีบเปิดประตูรถให้ แต่ยังไม่ทันแกล้งเชิญโต๊ดก็รีบพุ่งพรวดขึ้นไปนั่งข้างคนขับคาดเข็มขัดเรียบร้อย
ถึงจะหมั่นไส้ท่าทางสักเพียงใดยักษ์ก็อดที่จะยกยิ้มไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีโต๊ดก็ยังคงเป็นโต๊ดที่เจ้าแง่แสนงอนมากลีลา ทว่ามันก็สมเป็นเจ้าตัวดี
"มึงทำแบบนั้นทำไมวะ"
ขณะที่รถบนท้องถนนหยุดชะงักคำถามลอย ๆ จากคนที่นั่งข้างคนขับก็ดังขึ้นมา ยักษ์รีบหันขวับไปมองก็เห็นว่าโต๊ดนั่งเอาหัวพิงกระจกทอดตามองไปนอกรถ
"มึง..."
"กูถามว่ามึงทำทำไม"
ยักษ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วโผ่งออกไปว่า "ไม่รู้เว้ย อยู่ดี ๆ กูก็รู้สึกอยากจูบ ไม่รู้ดิ ปากมึงมันน่าจูบมั้ง"
"ถ้าแค่นั้นน้องมึงจะตื่นมาชนท้องกูทำไมล่ะ มึงแน่ใจนะว่ามึงคิดแค่นั้น"
"แล้วถ้ากูคิดล่ะ"
"เลิกคิด" โต๊ดสวนไปทันควัน "กูกับมึงเป็นพี่น้องกัน ถึงมันจะคนละสายเลือดก็เถอะ แต่มึงกับกูก็โตมาในฐานะพี่น้อง ใครรู้เขาจะนินทามาถึงลุงกับป้า กูยอมไม่ได้"
"มึงแน่ใจนะว่าเพราะแค่นั้น ไม่ใช่เพราะกูเป็นแค่ช่างจน ๆ ไม่ได้เป็นคุณชายแบบที่มึงชอบ"
"อ...เออ แล้วต่อให้มึงจนหรือรวยกว่านี้อีกกี่ร้อยกี่พันเท่า มึงก็คือพี่ชายกู กูไม่ได้เลือกคบคนที่ฐานะ"
พูดจบโต๊ดก็หันหน้าหนีทอดตามองออกไปนอกรถ ยักษ์ได้แต่มองอีกฝ่ายที่หันหนีแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกเลยตลอดทางจนถึงสถานีขนส่ง

ท่ามกลางผู้โดยสารแน่นขนัดสถานีขนส่งในช่วงเย็นของสัปดาห์เทศกาลวันสงกรานต์ ทำให้โต้ต้องพยายามชะเง้อมองชะแง้หาผู้เป็นป้า แม้ว่าจะนัดกันไว้แล้วว่าจะรออยู่ตรงไหน ทว่าจำนวนผู้โดยสารก็มากประมาณจนต้องมองหาอยู่ดี
"ป้าแก้ว!"
พอเห็นผู้เป็นป้านั่งอยู่ที่ม้านั่งห่างออกไปไม่ไกลโต๊ดก็ดีใจจนเผลอร้องเรียกเสียงหลงรีบกระโดดเหยง ๆ เข้าไปหาผู้เป็นป้า พอถึงตัวโต๊ดก็รีบพุ่งเข้าไปกอดป้าแก้ว ผู้เป็นป้าแท้ ๆ ของตน
"อื้ม!!! คิดถึงจังเลย"
"ป้าก็คิดถึงแกเหมือนกัน"
"ป้าแก้วหวัดดีครับ"
"หวัดดียักษ์ เอ๊ะ! ไปทำไรมาทำไมมันดูโทรมจังเลยวะฮะ" ผู้เป็นป้าเดินเข้าไปเอื้อมลูบหน้าลูบตาหลานชายคนโตด้วยความเป็นห่วง
"ช่วงนี้ลูกค้าเยอะน่ะป้า ใกล้สงกรานต์แล้ว คนเขาเช็ครถกัน"
"อ๋อ! แล้วไป นึกว่าสาวที่ไหนหักอกมาอีก"
ยักษ์ยกยิ้มแห้งก่อนจะเปลี่ยนเรื่องชวนเป็นผู้เป็นป้าสะไภ้กลับบ้าน
เดินมาถึงรถยนตร์คันสีขาวแบรนด์ดังของหลานชายคนโตลักษมีหรือป้าแก้วของหลาน ๆ ก็ยกยิ้มเหมือนทุก ๆ ครั้ง ด้วยนึกถึงภาพในวันแรกที่หลานชายคนโตตัดสินใจถอนรถเก๋งป้ายแดงที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เพื่อมาขับรับส่งคนในครอบครัว ในวันนั้นสามีของเธอดีใจเป็นยกใหญ่ ถึงขั้นชวนคุยชื่นชมความมานะอุสาหะจนโต้รุ่ง ใครมาแซวก็ชวนเขาคุยอวดสรรพคุณหลานชายไปเสียหมดจนคนรู้กันทั้งตลาด ด้วยยักษ์เป็นหลานชายคนเดียวและเป็นลูกชายของน้องสาว สามีของตน ลักษมีจึงรักหลานคนนี้เหมือนลูกแท้ ๆ
ถึงแม้ที่ผ่านมาจะไม่ได้คาดหวังอะไรจากหลาน ๆ แต่พอเห็นทั้งสองคนเติบใหญ่ได้ดีดูแลตัวเองได้ ผู้เป็นลุงกับป้าที่เลี้ยงดูมาตั้งอ้อนแต่ออกก็อดที่จะดีใจอย่างออกนอกหน้าไม่ได้
"โต๊ดพาป้าขึ้นไปนั่งบนรถก่อนไป"
"อืม! ป้าเราขึ้นไปรอไอ้ยักษ์ก่อนดีกว่าเนาะ ป้า!"
ยักษ์หันไปมองทางโต๊ดที่เหมือนจะพยายามเรียกสติป้า ก็เห็นว่าป้ายืนนิ่งค้างเอาแต่มองรถของเขา ยักษ์ที่รู้ว่าป้าเป็นอะไรจึงเดินเข้าไปสมทบกับโต๊ดอีกคน
"ป้า คิดถึงลุงอยู่เหรอ"
"อืม เห็นรถแกแล้วคิดถึงลุงแกนะ ตอนที่แกถอยรถมาใหม่ ๆ ลุงแกชวนป้าคุยข้ามวันข้ามคือเลย นี่จะยกอู่ให้แกด้วย พูดแล้วก็คิดถึงตาใหญ่แกเนาะ"
โต๊ดรีบโอบกอดผู้เป็นป้า
ส่วนยักษ์ก็กระตุกยิ้มก่อนจะหันไปเก็บของใส่ท้ายรถพลางพูดขึ้นมาว่า "คิดถึงก็รีบกลับบ้านสิจ๊ะแม่สาวเหลือน้อย มัวแต่ยืนคิดถึงแฟนตากแดดตากลมเดี๋ยวก็ลมจับเอาหรอก"
"ไอ้ยักษ์!" ลักษมียกเท้าเตะหลานชายคนโตไปเบา ๆ "ห่ามไม่เปลี่ยนจริง ๆ มึงหนิ ไปโต๊ด ไม่อยากคุยกับมันแล้ว..."
ยักษ์ยกยิ้มหัวเราะคิกคักไล่หลังผู้เป็นป้าสะใภ้ที่บ่นว่าขณะเดินไปขึ้นรถ
พอเก็บของเสร็จเรียบร้อยยักษ์ก็รีบตรงมาประจำที่นั่งคนขับ ยักษ์ปรับกระจกรัดเข็มขัดพลางมองผู้โดยสารที่นั่งข้างคนขับที่กำลังพูดคุยกับป้าท่าทางสนุกสนาน แม้ว่าขากลับโต๊ดจะเจื่อยแจ่วกว่าขามา ทว่ากลับไม่มีทีท่าที่จะหันมาคุยกับเขาแม้เพียงคำ ยักษ์จึงทำได้เพียงแค่เก็บถ้อยคำมากมายเอาไว้ในใจแล้วขับรถต่อไป
บรรยากาศภายในบ้านที่เคยมีกันเพียงสองคนพี่น้องกลับมาครึกครืนอีกครั้งเมื่อผู้เป็นภรรยาของเจ้าของบ้านเดินทางกลับมาถึง กลับมาถึงบ้านนั่งเก้าอี้ยังไม่ทันร้อนโต๊ดก็จูงมือผู้เป็นป้าหายเข้าครัวไป ส่วนยักษ์พอเห็นสองป้าหลานพากันเข้าครัวเขาก็ปลีกตัวออกมาล้างรถที่หน้าบ้าน ต่อด้วยการเก็บกวาดใบไม้ใบหญ้าในสวนหน้าบ้าน พอธุระหน้าบ้านเสร็จเรียบร้อยยักษ์ก็เดินกลับเข้ามาหมายจะรีบตนงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามากินข้าว แต่พอเดินกลับเข้าถึงโถงบ้านเขาก็เห็นผู้เป็นป้ามายืนดักรอแขนเท้าพนักเก้าอี้จ้องมองตาเขม็งจนยักษ์ทำตัวไม่ถูกเดินเก้ ๆ กัง ๆ เข้าไปหาป้า
"นี่แกปล่อยให้ปลวกขึ้นห้องเหรอ"
ยักษ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยนึกว่าป้าจะมาดุเขาเรื่องอื่น
"ไม่ต้องมาถอนหายใจเลย ทำอีท่าไหนเนี่ยปลวกถึงขึ้นห้องได้เนี่ยฮะ"
"ธ...โธ่ป้า! ก็งานมันเยอะ กลับมาก็ทิ้งตัวนอนเลยเลยไม่ได้เอาผ้าไปซัก ป้าอย่าดุผมเลยนะ"
ยักษ์แสร้งทำเป็นออดอ้อนเพื่อปิดบังจุดประสงค์ที่เขาหาเรื่องย้ายไปนอนที่ห้องของโต๊ด
"อืม! เข้าใจ ยกประโยชน์ให้จำเลย แต่ก็รีบหาไม้มาเปลี่ยนเข้าล่ะ แล้วไปนอนกับไอ้โต๊ดก็อย่าพากันทำห้องรกจนปลวกขึ้นอีกล่ะ"
"คร้าบ! รับทราบครับผม จะไม่ทำให้ปลวกขึ้นแล้วคร้าบบบ"
"ให้มันจริงเถอะ" ลักษมีแกล้งดึงหูหลานชายด้วยความหมั่นไส้ "ไป รีบอาบน้ำอาบท่าลงมากินข้าว โต๊ดมันทำปลาช่อนขึ้นฉ่ายไว้น่ะ"
ยักษ์ดีใจจนเผลอกระตุกยิ้มที่ได้ยินว่าโต๊ดทำปลาช่อนผัดขึ้นฉ่ายให้ตามที่เขาขอเอาไว้เมื่อวานจนผู้เป็นป้าถึงกับนิ่วหน้าสงสัย ยักษ์เลยฉวยโอกาสหอมแก้มผู้เป็นป้าฟอดใหญ่ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นบ้านไปก่อนจะโดนซักไซ้หาความ
บรรยากาศครึกครื้ินบนโต๊ะอาหารที่ไม่ได้เกิดขึ้นมาหลายเดือนตั้งแต่หลังปีใหม่ที่ป้าลักษมีของพวกเดินทางเขากลับไปปฏิบัติธรรมที่ต่างจังหวัด พอมีป้ากลับมาอยู่ด้วยทั้งยักษ์และโต๊ดจึงคอยดูแลกันเป็นการใหญ่ แต่ไม่นานนักเสียงพูดคุยสนุกสนานของสามป้าหลานก็ถูกขัดจังหวะจากเสียงโทรศัพท์มือถือของโต๊ด ส่วนเจ้าตัวพอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและเห็นว่าใครเป็นคนโทรมาก็ถึงกับละล้าละลัง
"ส...สวัสดีครับคุณก้อง มีอะไรหรือเปล่าครับ"
[สวัสดีครับคุณโต๊ด ผมจะโทรมาบอกว่าวันที่เรานัดไปรองชุดกันผมมีธุระ ผมเลยอยากจะเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้ได้ไหมครับ]
"อ๋อ ด...ได้ ได้ครับ เอ่อ แต่คุณก้องเข้ามาช้าหน่อยนะครับพอดีว่าพรุ่งนี้ผมจะทำบุญให้ลุงกันน่ะครับ"
[อ้าว! แบบนี้ผมก็ยิ่งต้องรีบไปสิครับ]
"เอ่อ...คุณก้องจะมาทำอะไรครับ"
[ก็ไปทำบุญกับคุณโต๊ดไงครับ ให้ผมทำบุญด้วยคนนะครับ]
เสียงออดอ้อนจากปลายสายทำให้โต๊ดหายใจไม่สะดวกยิ่งพอเงยหน้าขึ้นมาเห็นผู้เป็นป้าจ้องมองด้วยความสงสัยก็ยิ่งอึกอักรู้สึกกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก
"ด...ได้ครับ คุณก้องจะมาก็ได้ครับ"
[ดีใจจัง ถ้างั้นพรุ่งนี้เช้าเจอกันนะครับ]
"ค...ครับ แล้วเจอกันครับ"
พอวางสายจากคุณก้องโต๊ดก็หันมาเจอสายตาคาดคั้นจากผู้เป็นป้า แม้จะยังไม่ได้ออกปากซักถามแต่สายตาของป้าก็ทำให้โต๊ดละล่ำละลัก
"ค...คุณก้อง เจ้านายอีทองปานมัน อีลี่มันให้เขามาตัดชุดที่ร้านเรา"
"แล้ว"
"ก็รู้จักกันระดับนึง คุณก้องเขาเพิ่งจะกลับมาจากต่างประเทศ เขาอยากมีเพื่อน"
"เจอกันมานานยัง"
"ส...สองอาทิตย์"
"ตอนนี้เพื่อนหรือแฟน"
"ป้า! ลูกค้า จะไปสนิทกันแบบนั้นได้ไง"
"แน่ใจว่าแค่นั้น"
"อ...อืม แค่นั้นเลย"
"ไอ้ยักษ์พูดซิ"
"ล...ลูกค้า ๆ ลูกค้ามัน" ยักษ์ตกใจแทบสำลักข้าวที่เพิ่งตักใส่ปาก
"เฮ้อ! ฉันก็ไม่ได้อยากยุ่งเรื่องของพวกแกนักหรอก พวกแกก็โต ๆ กันแล้ว ประสบการณ์ก็มีแล้ว แต่ฉันก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี ก็ดูให้มันดี ๆ แล้วกัน ที่สำคัญเลยนะ สติ ใช้สติให้มากกว่าหัวใจนะคะ อย่าทุ่มเทอะไรให้ใครจนหมดใจ มันจะหมดเนื้อหมดตัว เข้าใจไหม"
"จ้า!"
"คร้าบ!"
ทั้งสองคนตกปากรับคำผู้เป็นป้าก่อนจะลอบมองตากัน แต่โต๊ดกลับเป็นฝ่ายที่หลบตาก่อนเพราะรู้สึกไม่สนิทใจเวลามองหน้าตั้งแต่ที่โดนยักษ์จูบไปเมื่อเช้า เลยแก้เก้อด้วยการก้มหน้าก้มตากินข้าวเงียบ ๆ ตลอดทั้งมื้อเย็น

หลังจากมื้อเย็นโต๊ดก็เก็บถ้วยเก็บชามไปล้างแล้วความสะอาดภายในบ้าน จัดเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าพร้อมกับเตรียมที่นอนให้ป้า ก่อนจะขึ้นไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน แต่จังหวะที่เดินเข้าไปในห้องเขาก็ต้องผงะตกใจถอยหลังเมื่อเห็นยักษ์ถอดเสื้อผ้านุ่งแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวนั่งดูโทรศัพท์มือถืออยู่บนที่นอน
ทั้ง ๆ ที่มันควรจะต้องรู้สึกชินชาแล้วแท้ ๆ เพราะเห็นภาพแบบนี้มาครึ่งปีได้ แต่วันนี้โต๊ดกลับรู้สึกตกใจ หน่วง ๆ ในอก หายใจไม่เต็มที่ ซ้ำหัวใจยังเต้นแรง จู่ ๆ ความรู้สึกขัดเขินก็ตีขึ้นมาจนต้องก้มหน้างุดหลบสายตาเวลาเดินผ่านไอ้ยักษ์มัน
พอตากผ้าเช็ดตัวสวมชุดนอนเรียบร้อยโต๊ดก็ค่อย ๆ เดินมาทิ้งตัวลงบนที่นอนเพื่อไม่ให้ตัวเองรบกวนคนข้าง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เอื้อมหยิบผ้าขึ้นมาห่ม
"กูขอโทษ"
โต๊ดสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินคำขอโทษดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบโดยไม่ทันตั้งตัว
"กู...กูเห็นปากมึงแล้วมันอดใจไม่ไหวจริง ๆ ก...กูไปนอนที่ห้องดีกว่า"
"เฮ้ย! เดี๋ยวดิ" โต๊ดรีบเอ่ยห้ามเมื่อเห็นยักษ์ลุกพรวดจากที่นอน "มึงจะนอนยังไง พื้นเป็นรูขนาดนั้น แถมเหม็นน้ำมันด้วย"
ยักษ์ถอนหายใจก่อนจะหันกลับมาพูดความจริงว่า "กูหลอกมึง"
"ฮะ!"
"ที่ปลวกแดกห้องอะกูหลอกมึง กูตั้งใจไปขุดปลวกมาปล่อยในห้อง กูจะได้มีข้ออ้างมานอนกับมึง"
"ม...มึง มึงทำทำไมวะ"
"กูกลัวมึงฆ่าตัวตาย เ...้ยเอ้ย!" ยักษ์สบถอย่างไม่สบอารมณ์กับความคิดงี่เง้าฟุ่งซ่านของตัวเอง เขาทิ้งตัวลงนั่งที่ปลายที่นอนของโต๊ดโดยหันหลังให้กับโต๊ดที่ยกผ้าห่มคลุมตัวด้วยท่าทางตกใจ "ก็ตอนนั้นมึงดูอาการหนัก จะไม่ให้กูระแวงได้ไงวะ"
"มึงก็เลยหาเรื่องมานอนเฝ้ากูอะนะ"
"เออ ถ้ากูขอมานอนดี ๆ มึงก็คงไม่ให้ กูก็เลยต้องทำแบบเนี้ย แล้วแม่ง...กูเสือกอยากอยู่กับมึง ไม่อยากทิ้งมึงไว้คนเดียวกูถึงยังไม่กลับไปนอนที่ห้องสักที แต่ตอนนี้มึงมีไอ้คุณก้องห่าไรนั่นแล้วกูคงไม่ต้องเฝ้ามึงแล้วมั้ง"
โต๊ดนิ่งอึ้งพูดต่อไม่ถูก คำพูดมากมายตีกันในหัวจนไม่รู่จะพูดเรื่องไหนก่อน เลยทำได้แค่มองดูยักษ์ลุกเดินออกไปจากห้อง มันบอกไม่ถูกจริง ๆ ว่าความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นในใจตอนนี้มันคืออะไรและเขาควรทำอย่างไรต่อจากนี้ดี ใจนึงก็อยากห้าม แต่ก็ไม่กล้า เพราะรู้ว่าถ้าเอ่ยห้ามขอร้องให้นอนด้วยกันต่อ อีกฝ่ายจะคิดไปในทางไหน เลยต้องปล่อยให้ยักษ์เดินออกไปแบบนั้น

บรรยายกาศในห้องนอนที่มืดมิดภายใต้เสียงฟ้าฝนและลมกระโชกแรงของพายุฤดูร้อนห่าใหญ่ทำให้โต๊ดสะดุดตื่นอยู่หลายครั้ง และยิ่งพอหันไปมองที่นอนข้าง ๆ ที่ว่างเปล่าหลังจากที่มียักษ์มาเป็นเพื่อนร่วมห้องอยู่หลายเดือน แทนที่จะรู้สึกดีใจเพราะทนอึดอัดมาร่วมครึ่งปี ทว่าเขากลับรู้สึกโหวงในอกอย่างบอกไม่ถูก จนต้องข่มตาในนอนแล้วผลอยหลับไปพร้อมกับความรู้สึกเยือกเย็นของบรรยายกาศที่อ้างว้างของห้องนอน

เนื้อหาโดย: กัลยลิขิต
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
กัลยลิขิต's profile


โพสท์โดย: กัลยลิขิต
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
สูตรขาหมูทอดกรอบ หนังกรอบเนื้อนุ่มมือถือระเบิดใส่หูสาวอินเดียจนเสียชีวิต เพราะคุยโทรศัพท์ขณะชาร์จทำไมฝรั่งถึงติดใจเมืองไทยจนโบกมือลาไม่ไหว ฟังความลับจากคุณคริส
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
49 นี่เล็กมั้ยครับ l8+ดื่มนม ชนิดไหนดี
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
นิยายสั้น :สายลมแห่งรักเมื่อเขาคนนั้นเดินทางกลับมาหลังจากหายไปหลายปีนิทานเรื่อง พระอาทิตย์กับรุ้งกินน้ำตำนานอาถรรพ์โค้ง 100 ศพ คร่าชีวิตดาราสาวเรื่องเล่าตอนเด็กกกก
ตั้งกระทู้ใหม่