รีวิวหนังดัง MEG 2 :THE TRENCH อภิมหาโคตรหลามร่องนรก
Megalodon ฉลามยักษ์สายพันธุ์ที่สาบสูญไปกลับมาอาละวาดอีกครั้ง ครั้งนี้มันพร้อมกับสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์อื่นๆที่มาจากร่องใต้ทะเลลึกที่พ่วงมาด้วยราวกับแพ็กเกจแห่งความระห่ำและท้าทายกว่าทุกครั้งที่เคยรับมือมา
Jonas Taylor รับบทโดย Jason Statham กลับมาอีกครั้ง แม้นักล่าหน้าเก่า แต่ฉลามหน้าใหม่จะพร้อมบุกขย้ำแบบไม่ทันให้ตั้งตัว ผลงานการกำกับโดย Ben Wheatley
เรื่องย่อ
โจนาสได้รับมอบหมายให้ทำงานกับหน่วยมารีนวัน องค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลและออกสำรวจพื้นที่ทะเลลึกที่ยังไม่เคยถูกค้นพบ ก่อตั้งโดยจิวหมิง ชายชาวจีนน้องชายของซูหยินจากภาคก่อน... คนคุ้นเคยที่โจนาสเคยร่วมงานด้วย
ร่องทะเลลึก (The Trench) คือพื้นที่ต้องเข้าไปสำรวจ แต่แล้วก็เกิดเรื่องสุดวิสัย ยานดำน้ำขนาดเล็กเกิดชำรุด ทีมกู้ภัยก็ไม่สามารถเข้าไปช่วยได้ โจนาสและลูกทีมจะต้องคอยแก้ปัญหาตรงหน้าที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฉลามหรือแม้แต่คนบางคนที่ไว้วางใจไม่ได้ เพื่อเอาชีวิตรอดกลับขึ้นมามีลมหายใจบนฝั่งอีกครั้งให้ได้
นักแสดงนำ
- Jason Statham รับบทเป็น Jonas Taylor
- Jing Wu รับบทเป็น Jiuming
- Shuya Sophia Cai รับบทเป็น Meiying
- Cliff Curtis รับบทเป็น Mac
- Page Kennedy รับบทเป็น DJ
- Melis santhi Mahut รับบทเป็น Rigas
- Sergio Peris-Mencheta รับบทเป็น Montes
- Skyler Samuels รับบทเป็น Jess
ความยาว 116 นาที
ความชื่นชอบและประทับใจของครีเอเตอร์
1.หนังเข้าแก่นเรื่องหลักได้เร็ว ทำให้ต้องคอยลุ้นติดตามอยู่ตลอด มีฉากแอ็กชันผจญภัยให้รู้สึกถึงได้ โดยรวมถือว่าทำออกมาได้ดี เมื่อเทียบกับหนังปะทะฉลามเรื่องอื่นๆ
2.หนังสะท้อนประเด็นการแก้ปัญหาทีละเปลาะ เอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า เราจะได้เห็นสิ่งที่ต้องระวังมากมาย ทั้งเรื่องของฉลามยักษ์ แรงดันน้ำใต้ทะเลลึก การหักหลังเพื่อนเพียงเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน..(เงินก้อนโตเกินคาดฝัน) ถือเป็นหนังผจญภัยหนีตายเอาตัวรอด พร้อมกับการช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมอย่างสุดความสามารถ
3.หนังมีสไตล์การดำเนินเรื่องมีกลิ่นอายของหนังจีนสูง แต่ยังรักษาความเป็นฮอลลีวูดที่เราคุ้นเคยอีกด้วย สมดุลตรงนี้ผู้สร้างยังรักษาเอาไว้ได้ ก็คงไม่แปลกนักเพราะผู้สร้างหลักมีชาวจีนร่วมสร้างด้วย
4.หนังมีฉาก Jump Scare ชวนสะดุ้งตกใจอยู่ประมาณ 4 ฉาก ตามสไตล์หนัง Action Adventure Horror แต่หนังยังแทรกมุกตลกแบบเนียนๆได้อย่างไม่น่าเชื่อ บทจริงจังก็ซีเรียสไม่น้อย บทฮาที่มีก็สอบผ่านใช้ได้ หาใช่มุกแบบกำปั้นทุบดินแต่อย่างใด
5.Jason Statham แสดงได้ดีทั้งมาดแอ็กชัน ฉากไล่ล่า หรือหลบหนีเพราะถูกล่าเสียเอง เขามีเสน่ห์ในแบบที่คนอื่นไม่มี ฉากต่อสู้ประชิดตัวเขาก็ทำได้ดีเหมือนเคย ต่างจากภาคแรกที่ไม่มีฉากต่อสู้ประชิดตัวเลย จุดนี้เป็นจุดเด่นที่ภาคสองพยายามสร้างความแตกต่างจากที่เคยทำ
6.ฉากใต้ทะเลที่มืดทมิฬ มองอะไรให้ชัดไม่ถนัด ถือเป็นความสมจริงที่ออกแบบมาให้เป็นอย่างนั้น หลายคนอาจมองว่าเป็นความบกพร่อง แต่ครีเอเตอร์กลับมองตรงกันข้าม เป็นความสมจริงที่หนังสร้างมาด้วยเหตุผลที่พอเข้าใจได้
7.นอกจากฉากสู้ประชิดตัวแล้ว จำนวนฉลามที่มีก็มากขึ้นกว่าเดิม มีหมึกยักษ์ และสัตว์ตัวอื่นๆดังที่ปรากฏในตัวอย่าง นี่คือข้อดีที่ภาคสองงัดทุกไม้ตายมาใช้ในภาคนี้ให้มีรสชาติมากขึ้นกว่าเดิม
8.เพลง ไม่ใช่ชื่อฉัน เพลงประกอบฉากที่ฟังแล้วกระตุกจิตกระชากใจพอสมควร ทำนองเพลงเนื้อร้องไทยให้ความรู้สึกตลกไปอีกแบบ ดัดแปลงจากเพลงต้นฉบับ That's not my name ของวง The Ting Tings โดยเนื้อเพลงเป็นภาษาไทย ครีเอเตอร์ก็รู้สึกชอบนะ เหมือนภาคแรกที่ใช้เพลง Hey Mickey เป็นภาษาไทย และอยากให้คงคอนเซปต์เพลงแบบนี้ในภาคต่อๆไป เพราะถือเป็นเอกลักษณ์ของ THE MEG ไปอีกแบบ