อกหักต้องทำอย่างไร ? วิธีรับมือสบาย ๆ เมื่อเราอกหัก
5.วิธีรับมือกับอาการ อกหัก
1.อย่าไปหาเหตุผลว่าเราอกหักเพราะอะไร อย่าสงสัยในคุณค่าของตัวเอง
การพยายามหาสาเหตุการเลิกราของเรากับคนรักด้วยการตั้งคำถามกับตัวเอง และมโนไปต่าง ๆ นานา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมีแนวโน้มจะโทษตัวเอง และมีมุมมองกับตัวเองในเชิงลบ อย่างเช่น ฉันไม่ดีตรงไหน? เพราะฉันไม่สวยพอ ไม่รวยพอใช่ไหม? คน ๆ นั้นดีกว่าฉันอย่างไร? หรือเพราะน้องคนนั้นที่เจอวันก่อนแน่ ๆ มาแย่งเธอไป อะไรแบบนี้เป็นต้น
ดร. กาย วินช์ นักจิตวิทยาเจ้าของหนังสือเรื่อง How to Fix a Broken Heart ได้ให้คำแนะนำว่า ไม่ควรหาคำตอบว่าทำไมอีกฝ่ายถึงทิ้งคุณไป การพยายามหาคำตอบจะทำให้เราอ่อนแอทางอารมณ์ และเปิดประตูสู่ความเจ็บปวด ความโกรธ หรือความสับสนครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งมันไม่มีประโยชน์
สิ่งที่มีประโยชน์และดีต่อการนับถือตัวเอง คือ ให้ใช้เหตุผลของตัวคุณเอง ในการอธิบายให้ตัวเองและผู้อื่นฟังว่า ทำไมจึงเลิกรา ยิ่งไปกว่านั้นควรจำไว้ว่า การอกหักเป็นคนละเรื่องกับความมีคุณค่าในตัวเอง สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ต้องไม่สูญเสียความภูมิใจ ศักดิ์ศรี และการนับถือตนเอง
หากเรามีความเข้มแข็งมากพอ มันก็จะเป็นเพียงโมเมนต์หนึ่งในชีวิตที่ผ่านมาผ่านไป
2.ยอมรับว่าเรื่องของเรามันจบลงแล้ว
อย่าพยายามหลอกตัวเองด้วยความหวังที่เราเองเป็นคนสร้างขึ้นว่าเดี๋ยวเขาก็กลับมา เพราะเมื่อเราหลอกตัวเอง สร้างความเชื่อให้ตัวเองว่าคนที่เรารักพูดตามอารมณ์ ไม่บอกเลิกจริงจังหรอก เดี๋ยวก็กลับมา เราก็จะรอ รอแบบไม่มี การรอคนหมดรักให้กลับมารัก มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้ เพราะถ้าเขารักเรามากพอ คำว่า “เลิก” จะไม่มีทางถูกพูดออกมาจากปากเขา และต่อให้เขากลับมาขอคืนดีจริง แต่คนที่บอกเลิกเราไปแล้ว เขาก็สามารถบอกเราได้อีกโดยโนสนโนแคร์ว่าเราจะรู้สึกอย่างไร เจ็บปวดอย่างไร
3.ระบายเรื่องราวให้คนที่ไว้ใจฟัง
งานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสาร Evolutionary Behavioral Sciences เปรียบเทียบ อาการอกหัก ระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย พบว่า เวลาอกหักผู้หญิงจะเจ็บปวดกว่าผู้ชายในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปผู้หญิงจะทำใจได้เร็วกว่าผู้ชาย งานวิจัยชิ้นนี้ได้สำรวจชายและหญิงกว่า 96 ประเทศ จำนวน 5,700 คน แต่เนื่องจากเป็นแบบสำรวจออนไลน์ ผลการวิจัยจึงบอกภาพรวมของเพศชายและเพศหญิง ไม่ได้เจาะจงเฉพาะกลุ่ม
ผลการสำรวจพบว่า หลังจากแยกทางกัน ผู้หญิงโดยเฉลี่ย 68% รู้สึกเจ็บปวดทางอารมณ์ ส่วนผู้ชายที่รู้สึกเจ็บปวดแบบเดียวกันคือ 66% นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้หญิง 42% และผู้ชาย 37.5% มีอาการเจ็บปวดทางร่างกายเนื่องจากการอกหัก จะเห็นได้ว่า ผู้ชายเจ็บปวดน้อยกว่า
แต่อย่างไรก็ตาม งานวิจัยกลับพบว่า ผู้หญิงทำใจได้เร็วกว่า เพราะผู้หญิงพูดคุยกับกลุ่มเพื่อน ระบายให้เพื่อนฟัง ส่วนผู้ชายจะไม่ขอคำปรึกษาเรื่องความรักจากเพื่อน ทำให้ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะเสียใจนานกว่าผู้หญิง แนะนำหนุ่ม ๆ ว่าหากอกหักควรพูดคุยกับคนที่ไว้ใจ ไม่ควรเก็บความเศร้าไว้คนเดียว เพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพและอาจเป็นโรคซึมเศร้า
4.ให้เวลากับร่างกาย เวลาเยียวยาทุกสิ่งได้
ความรักทำงานแบบเดียวกันกับสารเสพติด คือจะกระตุ้นสารโดพามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่ทำให้รู้สึกดี ดังนั้น เวลาต้องเลิกกับคนรักจึงเปรียบเหมือนกับการเลิกยาเสพติด ทำให้หลายคนทรมาน ในการเลิกนิสัยอะไรบางอย่างหรือเลิกสิ่งที่เสพติด อย่างเช่น เลิกติดเกม เลิกสูบบุหรี่ หรือเลิกติดยาเสพติด ต่างก็ต้องใช้เวลาเพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเอง ดังนั้น ไม่ควรคาดหวังว่าจะดีขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์ หากใครที่เพิ่งอกหักใหม่ ๆ อาจต้องรอเวลาซักพักหนึ่ง เพื่อให้ร่างกายปรับตัว แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นในภายหลัง
มีงานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสารวิชาการ The Journal of Positive Psychology ให้ข้อมูลว่า 71% ของวัยรุ่น 155 คน ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน (ประมาณ 11 สัปดาห์) ในการเห็นแง่ดีของการเลิกรากับคู่รัก
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้เป็นการสำรวจความสัมพันธ์ระยะสั้น หากเป็นความสัมพันธ์ระยะยาว อย่างเช่น การหย่าร้าง หรือในคู่รักที่คบกันมาหลายปี ผลการวิจัยพบว่า คู่ที่หย่าร้างจะใช้เวลาเฉลี่ย 18 สัปดาห์กว่าจะฟื้นตัวได้จากอาการเสียใจ
5.ออกกำลังกายช่วยได้
เวลาอกหัก ร่างกายจะมีฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือฮอร์โมนแห่งความเครียดมากกว่าปกติ ทำให้ร่างกายอ่อนแอ เศร้า และเครียด การออกกำลังกายสามารถช่วยได้ ให้ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที อาการอกหักจะดีขึ้น เนื่องจากช่วยปรับระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลในร่างกาย และยังช่วยเพิ่มฮอร์โมนแห่งความสุข อย่างเช่น ฮอร์โมนเอนดอร์ฟิน (Endorphin) อีกด้วย