ถ้าเกิดมาไม่อัตคัดขัดสนเกินไป แสดงว่าคุณทำทานมาใช้ได้
ถ้าเกิดมาไม่อัตคัดขัดสนเกินไป แสดงว่าคุณทำทานมาใช้ได้
และถ้าโตขึ้นไม่ล้มละลาย
ไฟไม่ไหม้บ้าน
แสดงว่าคุณรักษาศีลมาพอใช้
เบื้องหลังความรวย ความจน
ไม่ใช่เกิดจากความบังเอิญเกิดที่นั่นที่นี่
แต่สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ทุกคนมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
มีกรรมเป็นผู้จำแนกชั้นวรรณะ
และความร่ำรวย
ก็บันดาลขึ้นจากความสว่างของ
‘ทานจิต’ และ ‘ศีลจิต’ เท่านั้น
บวกกับความฉลาดในลู่ทางหาเงินในปัจจุบัน
ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกเหนือกว่านี้
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
#กรรมในการให้ทาน
สิ่งได้มาจากการให้ไป
คือใจที่อิ่มเดี๋ยวนี้
และภพใหม่
ที่เข้ากันกับความอิ่มใจในภายหน้า
ฐานะของคนเราโดยมาก
ก็ผูกอยู่กับผลของทานที่ทำนั่นแหละ
ไม่ให้ทานเลย ก็เป็นอยู่อย่างคนไม่มีอะไรเลย
ให้ทานอย่างคนธรรมดา ก็เป็นอยู่อย่างคนธรรมดา
ให้ทานอย่างราชา ก็เป็นอยู่อย่างราชา
ให้ทานอย่างจักรพรรดิ ก็เป็นอยู่อย่างจักรพรรดิ
ทำบุญพอดีฐานะ
จะทำลายความตระหนี่
ให้ผลเป็นสุขทางใจโล่งเบา
แต่ถ้าทำทานด้วยความโลภในบุญ
ทานนั้นก็มักมีผลน้อย หรือให้ผลช้า
เนื่องจากความโลภเป็นของหนัก
นอกจากทำจิตให้ทึบ
ไม่ปลอดโปร่งเป็นกุศลเต็มที่แล้ว
ยังบั่นทอนกำลังบุญ
หรือหน่วงเหนี่ยวไม่ให้เกิดผลเร็วอีกด้วย
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
#กรรมในการรักษาศีล
มีคนอยู่จำพวกหนึ่ง
เคยทำทานไว้มาก
ผลของทานจ้องรอจะส่งให้รวยอยู่
ติดขัดก็แต่ว่าผลบาป
อันเกิดจากการผิดศีลตัดหน้าไปก่อน
เช่น เคยเป็นกษัตริย์
นำทัพไปล้อมเมืองเขาไว้
เป็นผลให้ชาวเมืองอดข้าวอดน้ำ
ลำบากเป็นเวลานาน
สวรรคตแล้ว
จึงต้องไปเข้าท้องคนอัตคัดขัดสน
พอผลของบาปหมดกำลัง
จึงค่อยเปิดทางให้ผลของทานแสดงตัวบ้าง
แต่ก็ต้องร่ำรวยล้นฟ้าขึ้นมา
ด้วยความวิริยะอุตสาหะอยู่ดี
ไม่ใช่รวยขึ้นมาดื้อๆ
โทษฐานที่เคยทำความลำบากให้คนอื่นไว้มาก
คนยุคนี้มักมองว่า
พ่อค้าที่ฆ่าสัตว์ขายก็รวย
คนคดโกงบ้านเมืองก็รวย
คนเป็นชู้ดะก็รวย
คนลวงโลกก็รวย
คนกินเหล้าก็รวย
แถมอาจจะรวยระดับประเทศเสียด้วย
ในชาติที่บุญเก่าเลี้ยงไว้
แบบจะให้สบายตลอดชีวิต
เขาอาจลอยหน้าลอยตา ยิ่งใหญ่คับฟ้าไม่เลิก
แต่หากบุญเก่า
ไม่ได้สั่งให้ต้องสบายแน่ๆไปทั้งชาติ
น้ำลดเมื่อไรตอก็ผุดเมื่อนั้น
เช่น อาจต้องเข้าคุกในบั้นปลายชีวิต
แล้วถ้ามีสิทธิ์กลับมาเกิดใหม่ในแดนมนุษย์
ก็อาจหน้าดำคร่ำเครียดกับความยากจน
ตั้งแต่เกิดจนตาย
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
#ความฉลาดในลู่ทางหาเงิน
คำแนะนำที่ดีที่สุด
คือประกอบสัมมาอาชีพ
อย่าหวังรวยทางลัด
ขยันขันแข็งให้เต็มกำลัง
ไม่ใช้จ่ายเกินตัว
รู้จักเลี้ยงดูลูกเมีย และบริวาร
ให้อยู่ดีตามอัตภาพ
รวมทั้งรู้จักแบ่งเก็บหอมรอมริบ
ก็เป็นตัวแปรที่จะทำให้ฐานะการเงินของคุณ เขยิบขึ้นได้
เมื่อประกอบอาชีพสุจริต มีรายได้มา
ก็ลองฝึกที่จะเผื่อแผ่ เจือจาน
ได้น้อยก็ทำน้อย
แต่ขอให้มีใจใหญ่เป็นหลักก็แล้วกัน
คุณจะพบด้วยตนเองว่าการให้ในแต่ละครั้งนั้น
มีปรากฏการณ์บางอย่างเกิดขึ้นกับใจตน
คือเบาลงเรื่อยๆ ยินดีมากขึ้นเรื่อยๆ
เลื่อมใสในการให้มากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงตรงนั้นต่อให้ไม่มีผลตอบแทนเป็นรูปธรรมใดๆ
ใจคุณก็ไม่รอแล้ว
เพราะอิ่มสุขอิ่มปีติอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
พอถึงจุดของความชอบให้
ชอบช่วยด้วยไม่หวังผลตอบแทน
นั่นแหละครับ
ความช่วยเหลือจากธรรมชาติ
จะเริ่มไหลมาเทมา
คุณไม่อยากได้ก็ต้องได้
คุณไม่อยากรวยก็ต้องรวย
เพื่อเอาไว้เป็นทุนทำทาน
เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัวต่อไปไงครับ