มาเล่นกันเถอะ
มาเล่นกันเถอะ
โดย #อักษราลัย
“พี่แป้ง หนูว่าเรากลับทางอื่นดีกว่าไหม” น้องแก้วกระซิบเบา ๆ ขณะที่เรายืนอยู่ปากซอยเปลี่ยว แสงไฟสลัวจากเสาไฟที่กะพริบเป็นจังหวะไม่สม่ำเสมอทอดเงายาวบนพื้นถนนคอนกรีตที่แตกร้าว น้ำค้างเย็นเยียบเริ่มก่อตัวบนใบไม้และกำแพงบ้านที่ทรุดโทรม ลมหนาวพัดกรูเข้ามาเป็นระลอก พาเอากลิ่นอับชื้นจากซอยแคบ ๆ ลอยมาปะทะจมูก
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ถ้าเราอ้อมไปทางอื่น จะถึงบ้านช้ากว่าเดิมตั้งชั่วโมง แม่ต้องเป็นห่วงแน่ ๆ” ฉันพยายามทำเสียงมั่นใจ แม้ในใจจะรู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน
เราสองคนพี่น้องเพิ่งกลับจากปาร์ตี้ฮาโลวีนที่บ้านเพื่อน น้องสาวของฉันยังคงแต่งชุดผีน้อยสีขาว ผ้าโปร่งบางพลิ้วไหวตามแรงลม ส่วนฉันแต่งเป็นแม่มดสาว สวมชุดสีดำยาว หมวกทรงสูงยังคงสวมอยู่บนหัว เครื่องแต่งกายที่เมื่อกี้ดูสนุกสนานในงานปาร์ตี้ กลับทำให้รู้สึกอึดอัดแปลก ๆ ในตอนนี้
“แต่ซอยนี้น่ากลัวจัง” น้องแก้วกระชับมือฉันแน่น ดวงตากลมโตมองไปรอบ ๆ อย่างหวาดระแวง “หนูได้ยินเรื่องเล่าจากเพื่อนที่โรงเรียนว่า...”
“พอเถอะน้องแก้ว อย่าพูดถึงเรื่องพวกนั้นตอนนี้เลย” ฉันรีบห้าม พลางเดินนำน้องเข้าไปในซอย เสียงรองเท้าของเรากระทบพื้นดังก้องในความเงียบ
ซอยนี้เป็นทางลัดที่พวกเราใช้กลับบ้านเป็นประจำ แต่ไม่เคยกลับดึกขนาดนี้มาก่อน บ้านเรือนสองข้างทางส่วนใหญ่ปิดไฟมืดสนิท มีเพียงบางหลังที่เปิดไฟหน้าบ้านสลัว ๆ ประดับด้วยฟักทองแกะสลักและตุ๊กตาผีตามประเพณีฮาโลวีน แต่ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศดูน่าขนลุกมากขึ้น
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะแหลมสูงก็ดังแว่วมาจากที่ไกล ๆ ตามด้วยเสียงเด็กร้องเพลงแปลก ๆ
“ลูกบอลกระดอน ๆ กระโดดข้ามกำแพง...”
น้องแก้วหยุดชะงัก “พี่แป้ง! นั่นเสียงอะไร”
“คงเป็นเด็ก ๆ แถวนี้แหละ” ฉันพยายามทำเสียงปกติ แต่ในใจเริ่มเต้นแรง เพราะรู้ดีว่าแถวนี้ไม่มีเด็กเล็ก ๆ อาศัยอยู่เลย
“ลูกบอลกระดอน ๆ มาเล่นกับฉันไหม...”
เสียงร้องเพลงดังชัดขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับเสียงกระทบของอะไรบางอย่างบนพื้นถนน ตุ้บ... ตุ้บ... ตุ้บ...
“พี่ว่าเราวิ่งกันดีกว่า” ฉันกระซิบ พลางจูงมือน้องเดินเร็วขึ้น แต่ยิ่งเราเร่งฝีเท้าเท่าไหร่ เสียงนั้นก็ยิ่งดังใกล้เข้ามา
จู่ ๆ ไฟถนนทั้งซอยก็ดับพึ่บ ทิ้งให้เราอยู่ในความมืดสนิท มีเพียงแสงจันทร์สลัวส่องลอดผ่านกิ่งไม้ลงมา น้องแก้วกรีดร้องเบา ๆ
“พี่แป้ง...” น้องแก้วสะอื้น “ตรงนั้น...”
ฉันหันไปมองตามที่น้องชี้ ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมกำแพงบ้านร้าง มีเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ในชุดกระโปรงสีขาวยืนอยู่ ผมยาวสยายปรกหน้า ในมือถือลูกบอลสีแดงสด เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าซีดขาวและรอยแผลใหญ่ที่ขมับ
“พี่สาวคะ...” เสียงเด็กหญิงแหลมเล็ก “มาเล่นลูกบอลกับหนูไหมคะ หนูเหงามากเลย ไม่มีใครอยากเล่นกับหนูมา 20 ปีแล้ว...”
เด็กหญิงยิ้มกว้าง เผยให้เห็นฟันแหลมคมผิดปกติ ก่อนจะโยนลูกบอลมาที่เรา ลูกบอลกระดอนบนพื้นถนนดังตุ้บ... ตุ้บ... แต่ละครั้งที่กระทบพื้น มันทิ้งรอยเปื้อนสีแดงสดไว้บนผิวถนน
ฉันรีบคว้ามือน้องแก้วและวิ่งสุดชีวิต เสียงหัวเราะอันน่าขนลุกและเสียงกระดอนของลูกบอลดังไล่หลังเรามา
“อย่าวิ่งสิคะ... มาเล่นด้วยกันก่อน... หนูเหงามากเลย...”
เสียงฝีเท้าเล็ก ๆ วิ่งตามมาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับอุณหภูมิที่ลดต่ำลงจนเห็นไอหายใจเป็นควันขาว กลิ่นคาวเลือดลอยมาปะทะจมูก
“พี่สาวคะ... หนูแค่อยากมีเพื่อนเล่น... เหมือนตอนที่หนูยังมีชีวิตอยู่...”
เราวิ่งจนถึงปากซอยที่มีแสงไฟสว่าง เสียงรถวิ่งและผู้คนเดินขวักไขว่ทำให้รู้สึกปลอดภัยขึ้น ฉันหันกลับไปมองที่ซอยมืด เด็กหญิงชุดขาวยืนอยู่ที่เขตแสงสว่างพอดี เธอโบกมือให้เราเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ จางหายไปพร้อมกับลูกบอลสีแดงที่กลิ้งมาหยุดตรงเท้าของเรา
“พี่แป้ง...” น้องแก้วกระซิบ น้ำตาคลอ “เมื่อ 20 ปีก่อน มีข่าวเด็กผู้หญิงถูกรถชนตายในซอยนั้น... เขาบอกว่าเธอกำลังวิ่งตามลูกบอลที่กลิ้งออกไปกลางถนน...”
ฉันรีบพาน้องขึ้นแท็กซี่กลับบ้านทันที และตั้งแต่นั้นมา เราก็ไม่เคยเดินผ่านซอยนั้นในยามค่ำคืนอีกเลย
แต่ทุกปีในคืนวันฮาโลวีน ชาวบ้านแถวนั้นมักจะได้ยินเสียงเด็กร้องเพลงแปลก ๆ และเสียงลูกบอลกระดอนดังแว่วมาจากซอยเปลี่ยวนั้น... และหากใครได้เห็นลูกบอลสีแดงสดกลิ้งมาหยุดที่เท้า อย่าได้เก็บมันขึ้นมาเป็นอันขาด เพราะนั่นหมายความว่า... เธอได้เลือกคุณเป็นเพื่อนเล่นคนต่อไปแล้ว...