ช่างภาพผู้ถ่ายภาพเด็กหญิงติดอยู่ในโคลนภูเขาไฟระเบิด อธิบายเหตุผลที่ไม่ช่วยเหลือเธอ
เรื่องราวสะเทือนใจนี้เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ภูเขาไฟเนวาโด เดล รุยซ์ (Nevado del Ruiz) ในโคลอมเบียระเบิดเมื่อปี 1985 ซึ่งเป็นภัยพิบัติธรรมชาติครั้งร้ายแรงที่สุดของประเทศ ภูเขาไฟลูกนี้ไม่เคยปะทุมาเป็นเวลา 69 ปี แม้มีการเตือนให้รัฐบาลอพยพประชาชนล่วงหน้าถึงสองเดือน แต่ก็ไม่มีการดำเนินการใด ๆ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตนับหมื่นคน
การปะทุครั้งนี้ทำให้เกิดโคลนภูเขาไฟที่เรียกว่า ลาฮาร์ (lahar) ซึ่งเป็นส่วนผสมของหิน เศษซากภูเขาไฟ ดิน และน้ำ โคลนเหล่านี้พัดเข้าทำลายเมืองอาร์เมโร (Armero) ด้วยความเร็ว 30 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งภายหลังได้คร่าชีวิตผู้อยู่อาศัยกว่า 20,000 คนจาก 29,000 คน
ในระหว่างเหตุการณ์นี้ มีภาพถ่ายหนึ่งที่ได้รับความสนใจไปทั่วโลก ภาพของเด็กหญิงวัย 13 ปี โอมายรา ซานเชซ การ์ซอน (Omayra Sánchez Garzón) ซึ่งติดอยู่ใต้ซากบ้านหลังจากโคลนภูเขาไฟพัดทำลายบ้านเธอ เธอติดอยู่ในน้ำโคลนจนเกือบถึงคอและไม่สามารถขยับตัวได้ ขณะที่หน่วยกู้ภัยอาสาพยายามช่วยเหลือ แต่ก็ไม่สามารถขยับซากหรือช่วยเธอออกมาได้ทันเวลา
ช่างภาพชาวฝรั่งเศส แฟรงค์ ฟูร์นิเยร์ (Frank Fournier) หนึ่งในผู้ที่อยู่กับโอมายราจนถึงวาระสุดท้าย ได้ถ่ายภาพของเธอขณะที่เธอกำลังดิ้นรนต่อสู้กับชะตากรรม ภาพนี้กลายเป็นภาพสะท้อนของภัยพิบัติครั้งใหญ่ และฟูร์นิเยร์ได้รับรางวัล World Press Photo of the Year ในปี 1986 อย่างไรก็ตาม เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าทำไมจึงไม่เข้าไปช่วยเหลือเด็กหญิงในช่วงเวลานั้น
ฟูร์นิเยร์อธิบายว่า ขณะที่เขาอยากจะช่วยเธอ เขาไม่มีทางช่วยได้เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยโคลนและน้ำ เขาเล่าถึงเหตุการณ์ที่ได้ยินเสียงผู้คนร้องขอความช่วยเหลือทั่วทุกมุม แต่การช่วยเหลือในสถานการณ์เช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ ฟูร์นิเยร์กล่าวว่าเขารู้สึกไร้พลัง แต่เขาตัดสินใจว่า หน้าที่ที่เขาทำได้คือการรายงานความกล้าหาญและความทุกข์ทรมานของเด็กหญิง เพื่อกระตุ้นให้คนอื่น ๆ เห็นถึงความรุนแรงของเหตุการณ์และการขาดการช่วยเหลือ
โอมายราจากไปหลังจากติดอยู่ในโคลนเป็นเวลานานถึง 60 ชั่วโมง เธอเสียชีวิตจากภาวะเนื้อตายและภาวะตัวเย็นเกิน