หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

คืนเดือนมืดที่ Crystal Lake

เนื้อหาโดย อักษราลัย

คืนเดือนมืดที่ Crystal Lake

 

        หิมะโปรยปรายลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน ปกคลุมทุกอย่างด้วยผ้าคลุมสีขาวบริสุทธิ์ แสงจันทร์สาดส่องผ่านเมฆหนาทึบ ทอประกายวิบวับบนผิวทะเลสาบ Crystal Lake ที่เริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็ง

 

        เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ย่ำลงบนหิมะดังแว่วมา ชายร่างใหญ่ในชุดซานตาคลอสสีแดงสดปรากฏตัวขึ้นที่ชายป่า เขาลากกระสอบใบใหญ่ตามหลังมาด้วย ทิ้งร่องรอยเป็นทางยาวบนพื้นหิมะ

 

        ซานตาคลอสคนนี้ไม่ใช่ซานตาธรรมดา เขาคือนิโคลัส โนเอล อดีตนักโทษคดีฆาตกรรมที่เพิ่งพ้นโทษออกมาได้ไม่นาน เขาเดินตรงไปยังกระท่อมไม้เก่า ๆ ริมทะเลสาบ เขาเปิดประตูเข้าไปและลากกระสอบตามหลัง

 

        ภายในกระท่อม แสงเทียนสลัวส่องสว่างเผยให้เห็นภาพที่ชวนขนลุก บนผนังเต็มไปด้วยภาพถ่ายของเด็ก ๆ ในชุดคริสต์มาส แต่ละภาพมีเครื่องหมายกากบาทสีแดงทับอยู่ นิโคลัสวางกระสอบลงและเปิดมันออก เผยให้เห็นของเล่นและตุ๊กตาที่แตกหักและเปื้อนเลือด

 

        เขาหยิบรูปถ่ายใบใหม่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เป็นภาพของเด็กชายผมทองยิ้มกว้างข้างต้นคริสต์มาส นิโคลัสปักรูปนั้นลงบนผนัง พร้อมกับพึมพำ "เด็กดีคนต่อไป"

 

        ขณะเดียวกัน ไม่ไกลจากนั้น มีชายอีกคนหนึ่งกำลังเดินลัดเลาะผ่านป่าทึบ เขาสวมเสื้อโค้ตสีดำยาว ใบหน้าถูกปิดบังด้วยหน้ากากฮ็อกกี้สีขาวซีด ในมือถือมีดขนาดใหญ่ที่สะท้อนแสงจันทร์วาววับ

 

        ชายคนนี้คือเจสัน วอร์ฮีส์ อดีตฆาตกรโรคจิตแห่ง Crystal Lake ที่หายตัวไปนานหลายปี คืนนี้... เขากลับมาที่ทะเลสาบแห่งนี้อีกครั้ง แต่ด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างไปจากเดิม

       

        เจสันมาถึงชายทะเลสาบ เขาเห็นรอยเท้าบนหิมะที่นำไปสู่กระท่อมไม้ ความทรงจำเก่า ๆ ผุดขึ้นในหัว ภาพของแม่ที่ถูกฆ่าในกระท่อมหลังนั้นเมื่อหลายสิบปีก่อน เจสันกำมีดในมือแน่นขึ้น ก่อนจะเดินตามรอยเท้านั้นไป

 

        ภายในกระท่อม นิโคลัสกำลังนั่งเขียนรายชื่อเด็ก ๆ ลงบนกระดาษ เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เขาสะดุ้ง

 

        "ใครน่ะ?" นิโคลัสถามเสียงเข้ม

 

        ไม่มีคำตอบ มีเพียงเสียงเคาะที่ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้แรงกว่าเดิม

 

        นิโคลัสลุกขึ้นและเดินไปที่ประตู เขาเปิดมันออกช้า ๆ และพบกับร่างสูงใหญ่ในชุดดำยืนอยู่ตรงนั้น

 

        "คุณเป็นใคร?" นิโคลัสถาม

 

        ชายในชุดดำไม่ตอบ เขาเพียงแค่ชูมีดขึ้นให้เห็นในแสงจันทร์

 

        นิโคลัสถอยหลังด้วยความตกใจ "นี่มัน... เจสัน วอร์ฮีส์?"

 

        เจสันก้าวเข้ามาในกระท่อม สายตากวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหยุดที่ภาพถ่ายบนผนัง เขาหันกลับมามองนิโคลัสอีกครั้ง

 

        "ฉัน... ฉันสามารถอธิบายได้" นิโคลัสพูดตะกุกตะกัก "นี่ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด"

 

        เจสันไม่สนใจคำพูดของนิโคลัส เขาเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ มีดในมือพร้อมที่จะฟาดฟัน

 

        นิโคลัสรีบคว้ากระสอบของเล่นขึ้นมา "นี่ นี่คือของขวัญสำหรับเด็ก ๆ ฉันแค่อยากให้พวกเขามีความสุขในวันคริสต์มาส"

 

        เจสันชะงักเล็กน้อย เขามองกระสอบในมือของนิโคลัส ก่อนจะหันไปมองภาพถ่ายบนผนังอีกครั้ง

 

        นิโคลัสฉวยโอกาสนั้นพุ่งเข้าชนเจสันจนล้มลง แล้ววิ่งออกจากกระท่อมอย่างรวดเร็ว เจสันลุกขึ้นและไล่ตามออกไปทันที

 

        ทั้งคู่วิ่งไล่กันผ่านป่าทึบ เสียงกิ่งไม้หักดังไปทั่ว นิโคลัสพยายามสลัดหนีด้วยการเลี้ยวไปมา แต่เจสันก็ยังคงไล่ตามมาติด ๆ

 

        ในที่สุด นิโคลัสก็มาถึงทะเลสาบที่เริ่มกลายเป็นน้ำแข็ง เขาตัดสินใจเสี่ยงวิ่งข้ามไป แต่น้ำหนักของเขาทำให้น้ำแข็งเริ่มแตกร้าว

        เจสันมาถึงริมทะเลสาบ เขามองดูนิโคลัสที่กำลังดิ้นรนอยู่กลางทะเลสาบ น้ำแข็งรอบตัวแตกร้าวมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

        "ช่วยด้วย!" นิโคลัสตะโกน "ฉันขอโทษ ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว ได้โปรดช่วยฉันด้วย!"

 

        เจสันยืนนิ่งอยู่ที่ริมทะเลสาบ มองดูนิโคลัสดิ้นรนต่อสู้กับความตาย เขายกมีดขึ้นช้า ๆ แสงจันทร์สะท้อนบนใบมีดวาววับ และแล้ว เสียงน้ำแข็งแตกก็ดังขึ้น นิโคลัสจมหายลงไปในน้ำเย็นเฉียบ เสียงกรีดร้องของเขาค่อย ๆ เงียบหายไป เหลือเพียงความเงียบงันของคืนเดือนมืด

 

        เจสันยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในป่า ทิ้งไว้เพียงรอยเท้าบนหิมะที่ค่อย ๆ ถูกลบเลือนด้วยหิมะที่โปรยปรายลงมาไม่หยุด

 

        สามวันต่อมา ตำรวจได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีกลิ่นเหม็นโชยมาจากกระท่อมริมทะเลสาบ เมื่อเข้าไปตรวจสอบ พวกเขาพบกับภาพที่ชวนสยดสยอง

 

        ภายในกระท่อมเต็มไปด้วยภาพถ่ายของเด็ก ๆ และของเล่นที่เปื้อนเลือด บนโต๊ะมีสมุดบันทึกเล่มหนึ่งวางอยู่ เมื่อเปิดอ่าน ตำรวจก็พบว่ามันเป็นบันทึกของฆาตกรต่อเนื่องที่แฝงตัวเป็นซานตาคลอสเพื่อล่อเหยื่อเด็ก ๆ มาเป็นเวลาหลายปี

 

        ข่าวนี้สร้างความตกใจให้กับชาวเมือง Crystal Lake เป็นอย่างมาก พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่ามีปีศาจร้ายแฝงตัวอยู่ในคราบของซานตาผู้ใจดี

 

        แต่สิ่งที่ทำให้ตำรวจสงสัยมากที่สุดคือ ไม่พบศพของฆาตกรในกระท่อมหรือบริเวณใกล้เคียง มีเพียงรอยเท้าที่นำไปสู่ทะเลสาบ และหยุดลงกลางทะเลสาบที่เพิ่งละลาย

 

        คืนต่อมา เด็กชายคนหนึ่งอ้างว่าเห็นชายร่างใหญ่ในชุดดำ สวมหน้ากากฮ็อกกี้ ยืนอยู่ที่ชายป่าใกล้บ้านของเขา ในมือถือของเล่นชิ้นหนึ่ง ก่อนจะหายเข้าไปในความมืด

 

        ชาวเมือง Crystal Lake ต่างพากันสงสัยว่า ใครกันแน่ที่เป็นฮีโร่ลึกลับ

ในขณะที่ชาวเมืองพากันหวาดระแวง ตำรวจท้องที่ก็เริ่มสืบสวนคดีนี้อย่างเข้มข้น พวกเขาพยายามตามหาร่องรอยของฆาตกรปลอมตัวเป็นซานตา แต่กลับไม่พบเบาะแสใด ๆ นอกจากบันทึกในกระท่อมและคำให้การของเด็กชายคนนั้น

 

        สัปดาห์ผ่านไป เหตุการณ์ประหลาดเริ่มเกิดขึ้นในเมือง Crystal Lake ของเล่นเก่า ๆ ปรากฏขึ้นหน้าบ้านเด็ก ๆ ที่ถูกกล่าวถึงในบันทึกของฆาตกร โดยไม่มีใครรู้ว่ามาจากไหน บางคนอ้างว่าเห็นเงาดำขนาดใหญ่เคลื่อนไหวในยามค่ำคืน แต่เมื่อมองอีกที ก็ไม่พบอะไร

 

        ตำรวจสงสัยว่าอาจเป็นฝีมือของผู้ร่วมกระทำผิดที่ยังหลบซ่อนตัวอยู่ พวกเขาเพิ่มการลาดตระเวนในยามค่ำคืน แต่ก็ยังไม่พบตัวผู้ต้องสงสัย

 

        คืนหนึ่ง ขณะที่นายตำรวจแซมกำลังลาดตระเวนรอบทะเลสาบ เขาได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังมาจากป่าทึบ เขาเดินตามเสียงนั้นไปและพบกับภาพที่ไม่น่าเชื่อ

 

        ชายร่างใหญ่ในชุดดำ สวมหน้ากากฮ็อกกี้ กำลังยืนอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ ในมือถือตุ๊กตาหมีตัวเก่า แซมชักปืนออกมาทันที

 

        "หยุดนะ! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ!" แซมตะโกน

 

        ชายในชุดดำหันมามองแซม แต่ไม่ได้ขยับเขยื้อน

 

        "วางตุ๊กตาลงและยกมือขึ้น!" แซมสั่ง พลางเดินเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง

 

        แต่แล้ว ชายปริศนาก็โยนตุ๊กตามาที่เท้าของแซม ก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว แซมพยายามไล่ตาม แต่ก็ไม่ทัน เ    ขาก้มลงหยิบตุ๊กตาขึ้นมาดู และพบว่ามันเป็นตุ๊กตาที่หายไปพร้อมกับเด็กหญิงคนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน

 

        แซมรีบนำตุ๊กตากลับไปที่สถานีตำรวจเพื่อตรวจสอบ ผลการตรวจพิสูจน์ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง บนตุ๊กตามีลายนิ้วมือของเด็กหญิงที่หายตัวไป และเส้นผมของเธอ แต่ไม่พบร่องรอยของฆาตกรแต่อย่างใด

 

        ข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่วเมือง ชาวบ้านต่างสับสนว่าชายในชุดดำคนนี้คือใคร เขาเป็นฆาตกรหรือฮีโร่กันแน่

ในขณะเดียวกัน ที่บ้านของครอบครัวธอมป์สัน พ่อแม่ของเด็กหญิงที่หายตัวไปกำลังนั่งร้องไห้อยู่ในห้องนั่งเล่น พลันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

 

        มิสเตอร์ธอมป์สันลุกขึ้นไปเปิดประตู แต่ไม่พบใครอยู่ตรงนั้น มีเพียงกล่องของขวัญใบเล็กวางอยู่ที่พื้น เขาหยิบมันขึ้นมาและเปิดออกอย่างระมัดระวัง

 

        ภายในกล่องคือสร้อยคอเส้นเล็ก ๆ ที่ลูกสาวของเขาใส่เป็นประจำ พร้อมกับโน้ตสั้น ๆ เขียนว่า "เธออยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว"

มิสเตอร์ธอมป์สันรีบโทรแจ้งตำรวจทันที ไม่นานนัก แซมก็มาถึงพร้อมกับทีมสืบสวน พวกเขาตรวจสอบกล่องและสร้อยคออย่างละเอียด

 

        "นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน" แซมพูมพำ "ทำไมเขาถึงเริ่มส่งคืนของเหล่านี้หลังจากผ่านมาหลายปี"

 

        ในขณะที่ตำรวจกำลังงุนงง ชาวเมืองก็เริ่มแตกเป็นสองฝ่าย บางคนเชื่อว่าชายในชุดดำคือฆาตกรที่กำลังเล่นเกมบ้า ๆ แต่บางคนกลับมองว่าเขาอาจเป็นคนที่พยายามช่วยเหลือ

 

        คืนต่อมา เด็กชายวัย 10 ขวบคนหนึ่งชื่อทิมมี่ กำลังเดินกลับบ้านหลังจากไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ เขาได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังมาจากซอยมืด ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทิมมี่จึงเดินเข้าไปดูในซอยนั้น เขาเห็นชายร่างใหญ่ในชุดดำกำลังยืนอยู่ ในมือถือตุ๊กตาตัวหนึ่ง ทิมมี่ตกใจจนทำถุงขนมหล่น เสียงนั้นทำให้ชายปริศนาหันมามอง

 

        "คุณ... คุณคือเจสัน วอร์ฮีส์ใช่ไหม" ทิมมี่ถามเสียงสั่น

 

        ชายในชุดดำเดินเข้ามาใกล้ทิมมี่ช้า ๆ เด็กชายกลัวจนขยับตัวไม่ได้ แต่แล้วชายปริศนาก็คุกเข่าลงตรงหน้าทิมมี่และยื่นตุ๊กตาให้

        "นี่มัน... ตุ๊กตาของพี่สาวผม" ทิมมี่พูดอย่างตกตะลึง "เธอหายตัวไปเมื่อสามปีก่อน"

 

        ชายในชุดดำพยักหน้า ก่อนจะชี้ไปที่ทิศทางของสถานีตำรวจ

 

        "คุณอยากให้ผมเอาไปให้ตำรวจเหรอ" ทิมมี่ถาม

 

        ชายปริศนาพยักหน้าอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินหายเข้าไปในความมืด ทิ้งให้ทิมมี่ยืนอึ้งอยู่กับตุ๊กตาในมือ

 

        วันรุ่งขึ้น ข่าวการพบตุ๊กตาของเด็กที่หายตัวไปก็แพร่สะพัดไปทั่วเมือง ตำรวจเริ่มตามหาร่องรอยของเด็ก ๆ ที่หายตัวไปอย่างจริงจัง โดยใช้ข้อมูลจากของเล่นและสิ่งของที่ถูกส่งคืนมา

 

        สองสัปดาห์ผ่านไป ตำรวจก็พบร่องรอยที่นำไปสู่โกดังร้างแห่งหนึ่งนอกเมือง เมื่อบุกเข้าไป พวกเขาพบเด็ก ๆ ที่หายตัวไปหลายคนถูกขังอยู่ที่นั่น พวกเขายังมีชีวิตอยู่ แต่อยู่ในสภาพทรุดโทรมอย่างมาก ในโกดังยังพบหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวเด็ก ๆ เหล่านี้ ตำรวจยังพบว่านิโคลัส โนเอล ฆาตกรที่ปลอมตัวเป็นซานตา เป็นเพียงแพะรับบาปที่ถูกแก๊งนี้หลอกใช้

 

        แต่สิ่งที่ทำให้ตำรวจสงสัยมากที่สุดคือ ก่อนที่พวกเขาจะมาถึง มีใครบางคนได้เข้ามาที่โกดังนี้ก่อนแล้ว สมาชิกของแก๊งหลายคนถูกพบในสภาพบาดเจ็บสาหัส บางคนถูกมัดไว้กับเสา ทุกคนให้การตรงกันว่าพวกเขาถูกโจมตีโดยชายร่างใหญ่ในชุดดำ สวมหน้ากากฮ็อกกี้

 

        ข่าวนี้สร้างความฮือฮาให้กับชาวเมือง Crystal Lake เป็นอย่างมาก หลายคนเริ่มมองว่าเจสัน วอร์ฮีส์ อดีตฆาตกรโรคจิต กลายเป็นฮีโร่ผู้ปกป้องเด็ก ๆ ไปเสียแล้ว

 

        แต่ไม่มีใครพบเห็นเจสันอีกเลยหลังจากเหตุการณ์นั้น มีเพียงเรื่องเล่าที่แพร่สะพัดไปในหมู่เด็ก ๆ ว่า หากพวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัยในยามค่ำคืน ให้ลองมองไปที่ชายป่าใกล้ทะเลสาบ Crystal Lake บางทีพวกเขาอาจเห็นเงาดำขนาดใหญ่ยืนเฝ้าดูอยู่ คอยปกป้องพวกเขาจากอันตราย

 

        ทุก ๆ คืนวันคริสต์มาสอีฟ ชาวเมือง Crystal Lake จะเล่าเรื่องราวของซานตาคลอสจอมปลอมและฆาตกรในหน้ากากฮ็อกกี้ผู้กลับใจให้ลูกหลานฟัง เพื่อเตือนใจว่าความชั่วร้ายอาจซ่อนอยู่ในคราบของความดีงาม และในทางกลับกัน ความดีก็อาจซ่อนอยู่ในร่างของปีศาจ

 

        แต่เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านั้น

 

        หนึ่งปีหลังจากเหตุการณ์ที่โกดังร้าง เด็กชายคนหนึ่งชื่อบิลลี่ หลงทางในป่าใกล้ทะเลสาบ Crystal Lake ในคืนวันคริสต์มาสอีฟ เขาเดินวนเวียนอยู่นานหลายชั่วโมง จนกระทั่งพบกับกระท่อมไม้หลังเก่า ด้วยความหนาวและกลัว บิลลี่จึงตัดสินใจเข้าไปในกระท่อม ภายในนั้นมืดสนิทและเต็มไปด้วยฝุ่น แต่มีเตาผิงที่ยังอุ่น ๆ อยู่ บิลลี่รีบเข้าไปผิงไฟทันที

 

        ขณะที่กำลังนั่งสั่นงันอยู่หน้าเตาผิง บิลลี่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก เขาตกใจจนแทบหยุดหายใจ ประตูกระท่อมเปิดออกช้า ๆ และร่างใหญ่ในชุดดำก็ก้าวเข้ามา

 

        บิลลี่จำได้ทันทีว่านี่คือชายในหน้ากากฮ็อกกี้ที่เขาเคยได้ยินจากเรื่องเล่า เขากลัวจนพูดไม่ออก ได้แต่นั่งตัวสั่นอยู่ที่เดิม

ชายปริศนาเดินเข้ามาใกล้ บิลลี่หลับตาปี๋ด้วยความกลัว แต่แล้วเขาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่คลุมลงมาบนตัว เมื่อลืมตาขึ้น เขาพบว่าชายคนนั้นคลุมผ้าห่มให้เขา

 

        "คุณ... คุณคือเจสันใช่ไหมครับ" บิลลี่ถามเสียงสั่น

 

        ชายในหน้ากากพยักหน้าช้า ๆ

 

        "ผม... ผมหลงทาง" บิลลี่พูดพลางสะอื้น "ผมอยากกลับบ้าน"

 

        เจสันยื่นมือออกมา บิลลี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจับมือนั้น เจสันจูงบิลลี่ออกจากกระท่อมและพาเดินลัดเลาะผ่านป่า

 

        ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงชายป่าที่ติดกับถนนใหญ่ บิลลี่เห็นไฟหน้ารถของพ่อแม่ที่กำลังตามหาเขาอยู่

 

        เจสันปล่อยมือบิลลี่และผลักเบา ๆ ให้เขาเดินไปหาพ่อแม่ บิลลี่วิ่งไปกอดพ่อแม่ด้วยความดีใจ เมื่อเขาหันกลับไปมอง เจสันก็หายไปแล้ว มีเพียงรอยเท้าบนหิมะที่นำกลับเข้าไปในป่า

 

        บิลลี่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พ่อแม่และตำรวจฟัง แต่ไม่มีใครเชื่อเขา พวกผู้ใหญ่คิดว่าเป็นเพียงจินตนาการของเด็กน้อยที่กลัวจนเพ้อ

        แต่เด็ก ๆ ในเมือง Crystal Lake รู้ดี พวกเขาเริ่มแอบเอาของเล่นและขนมไปวางไว้ที่ชายป่าในคืนวันคริสต์มาส เป็นของขวัญสำหรับ "ซานตาเจสัน" ผู้ปกป้องพวกเขา

 

        ทุก ๆ ปี จะมีเด็กคนใหม่ที่อ้างว่าเห็นชายในชุดดำสวมหน้ากากฮ็อกกี้ในคืนวันคริสต์มาส บ้างก็บอกว่าเขาช่วยพวกเขาจากอันตราย บ้างก็บอกว่าเห็นเขายืนเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ แต่ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนเชื่อ

 

        20 ปีผ่านไป Crystal Lake กลายเป็นเมืองที่มีอัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำที่สุดในรัฐ โดยเฉพาะอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับเด็ก นักท่องเที่ยวเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในช่วงเทศกาลคริสต์มาสเพื่อดู "เมืองที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเด็ก" ด้วยตาตัวเอง

แต่ชาวเมืองดั้งเดิมรู้ดีว่า ความปลอดภัยนี้มาพร้อมกับราคาที่ต้องจ่าย ทุก ๆ ปีจะมีคนร้ายหรือผู้ต้องสงสัยในคดีทำร้ายเด็กหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย มีเพียงหน้ากากฮ็อกกี้เปื้อนเลือดที่ถูกทิ้งไว้ที่สถานีตำรวจเป็นระยะ ๆ

 

        ตำรวจท้องที่เลือกที่จะ "มองไม่เห็น" หลักฐานเหล่านี้ พวกเขาปล่อยให้ "วิญญาณแห่ง Crystal Lake" ทำหน้าที่ของมันต่อไป

ในคืนวันคริสต์มาสอีฟปีที่ 21 หลังจากเหตุการณ์ที่โกดังร้าง มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามาในบาร์ประจำเมือง เขาสวมเสื้อโค้ตตัวใหญ่และหมวกปิดบังใบหน้า

 

        "ผมได้ยินมาว่าที่นี่มีซานตาคลอสที่ชอบฆ่าเด็ก" ชายแปลกหน้าพูดขึ้น "และมีฆาตกรโรคจิตที่ชอบปกป้องเด็ก ฟังดูน่าสนใจดีนะ"

 

        บรรยากาศในบาร์เงียบกริบลงทันที ทุกคนหันมามองชายแปลกหน้าด้วยสายตาหวาดระแวง

 

        "คุณควรระวังคำพูดนะ" บาร์เทนเดอร์เอ่ยขึ้น "ที่นี่ไม่ชอบคนที่มาสอดรู้สอดเห็นเรื่องของเมืองเรา"

ชายแปลกหน้าหัวเราะ "โอ้ ผมไม่ได้มาสอดรู้สอดเห็นหรอก ผมแค่อยากรู้ว่า... ถ้าผมอยากพบซานตาคลอสตัวจริง ผมควรไปที่ไหนดี"

 

        ทันใดนั้น ไฟในบาร์ก็ดับวูบลง เสียงกรีดร้องดังขึ้นในความมืด เมื่อไฟกลับมาสว่างอีกครั้ง ชายแปลกหน้าก็หายไปแล้ว เหลือเพียงหมวกของเขาที่ตกอยู่บนพื้น

 

        ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายคนนั้น แต่คืนนั้น หลายคนอ้างว่าเห็นร่างสูงใหญ่ในชุดซานตาคลอสเดินลากกระสอบใบใหญ่เข้าไปในป่าใกล้ทะเลสาบ Crystal Lake ตามหลังด้วยชายอีกคนในชุดดำสวมหน้ากากฮ็อกกี้

 

        นับแต่นั้นมา ไม่มีใครกล้าพูดถึงเรื่องซานตาคลอสจอมปลอมหรือฆาตกรในหน้ากากฮ็อกกี้อีกเลย มีเพียงเสียงกระซิบของเด็ก ๆ ที่ยังคงเล่าขานตำนานของ "ซานตาเจสัน" ผู้พิทักษ์แห่ง Crystal Lake ต่อ ๆ กันมา

 

        และทุก ๆ คืนวันคริสต์มาสอีฟ หากใครสักคนมองออกไปนอกหน้าต่างในยามดึก พวกเขาอาจเห็นเงาร่างใหญ่สองร่างเดินเคียงข้างกันท่ามกลางสายลมหนาว หนึ่งในชุดสีแดง อีกหนึ่งในชุดสีดำ นำของขวัญและความยุติธรรมมาสู่เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ในแบบฉบับของตัวเอง

.

 

 

 

เนื้อหาโดย: อักษราลัย
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
อักษราลัย's profile


โพสท์โดย: อักษราลัย
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ชมพู่ ธัณย์สิตา" เปลี่ยนลุคใหม่! สวยจนลูกแทบจำไม่ได้หลุยส์ นักท่องเที่ยวต่างชาติ ร้องไห้ก่อนออกจากไทย พร้อมประกาศกลับมาอีกแน่ ฟีดแบคเพียบจากชาวต่างชาติตุงๆ! ลูกเรือสุดฮอตสายการบินอินโดนีเซีย! (คลิป)ประวัติ “สันติ” อดีตนักมวยฉายา ใหม่เมืองคอน สู่คนร้ายจับตัวประกันจะขับยากอะไรขนาดนั้น อุโมงค์ตาเข็ม (Needles Eye Tunnel) ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจ้าผู้หญิงที่ยอมรับว่าเป็น คนติดศัลยกรรม ซึ่งใช้เงินไปถึง 1 ล้านดอลลาร์เพื่อทำให้ตัวเองดูเหมือนคิม คาร์ดาเชียน กำลังเตือนผู้หญิงให้หลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์เสริมก้นอาหาร 6 อย่างที่ไม่มีรสเค็ม แต่มีโซเดียมสูงมากดาวติ๊กต๊อกดับสลด หลังร้องเพลงขณะลง บันไดสถานีรถไฟใต้ดินเผาแล้ว 'ยายเกียน' วัย 68 ปี ป่วยติดเตียง เสียชีวิตหลังถูกตัดไฟแฟน โพสต์เศร้า หลังสูญเสียคนรักไม่ทันได้ร่ำลาเพจดังแฉ กระบะจอดขายของ ล็อกล้อตัวเอง ตบตาเจ้าหน้าที่ กว่า 4 ปีดวงรายสัปดาห์ 7-13 ตุลาคม 2567 by อ.กัญจน์ ญาณพยากรณ์
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
‘ชัชชาติ’ ไม่สั่งหยุดทัศนศึกษา ชี้เป็นประสบการณ์เชิงบวกให้กับเด็กขับไรเดอร์ยังไงรายได้สุดปังๆ วันละ1,000บาท จากผู้มีประสบการณ์ชมพู่ ธัณย์สิตา" เปลี่ยนลุคใหม่! สวยจนลูกแทบจำไม่ได้คิวาโน (Kiwano) หรือ แตงเขา: ผลไม้แปลกใหม่จากทะเลทรายคาลาฮารีไม่ต้องหาคนผิด !! "แพรรี่" ประกาศยุติสัมพันธ์ "ฟอร์ด" แล้ว"ไพบูลย์" เผย "บิ๊กป้อม" ทำหนังสือขอคืนเงินเดือน สส. แจ้งขอไม่รับเงินประจำตำแหน่ง ยัน ไม่กลัวการตรวจสอบ
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
ปิดกล่องชอล์คตำนาน เขาสาปยา (เขาสรรพยา ต.สรรพยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท)ตำนานเจ้าแม่นาคีตำนานเขางู
ตั้งกระทู้ใหม่