คืนเดือนมืดที่ Crystal Lake
คืนเดือนมืดที่ Crystal Lake
หิมะโปรยปรายลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน ปกคลุมทุกอย่างด้วยผ้าคลุมสีขาวบริสุทธิ์ แสงจันทร์สาดส่องผ่านเมฆหนาทึบ ทอประกายวิบวับบนผิวทะเลสาบ Crystal Lake ที่เริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็ง
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ย่ำลงบนหิมะดังแว่วมา ชายร่างใหญ่ในชุดซานตาคลอสสีแดงสดปรากฏตัวขึ้นที่ชายป่า เขาลากกระสอบใบใหญ่ตามหลังมาด้วย ทิ้งร่องรอยเป็นทางยาวบนพื้นหิมะ
ซานตาคลอสคนนี้ไม่ใช่ซานตาธรรมดา เขาคือนิโคลัส โนเอล อดีตนักโทษคดีฆาตกรรมที่เพิ่งพ้นโทษออกมาได้ไม่นาน เขาเดินตรงไปยังกระท่อมไม้เก่า ๆ ริมทะเลสาบ เขาเปิดประตูเข้าไปและลากกระสอบตามหลัง
ภายในกระท่อม แสงเทียนสลัวส่องสว่างเผยให้เห็นภาพที่ชวนขนลุก บนผนังเต็มไปด้วยภาพถ่ายของเด็ก ๆ ในชุดคริสต์มาส แต่ละภาพมีเครื่องหมายกากบาทสีแดงทับอยู่ นิโคลัสวางกระสอบลงและเปิดมันออก เผยให้เห็นของเล่นและตุ๊กตาที่แตกหักและเปื้อนเลือด
เขาหยิบรูปถ่ายใบใหม่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เป็นภาพของเด็กชายผมทองยิ้มกว้างข้างต้นคริสต์มาส นิโคลัสปักรูปนั้นลงบนผนัง พร้อมกับพึมพำ "เด็กดีคนต่อไป"
ขณะเดียวกัน ไม่ไกลจากนั้น มีชายอีกคนหนึ่งกำลังเดินลัดเลาะผ่านป่าทึบ เขาสวมเสื้อโค้ตสีดำยาว ใบหน้าถูกปิดบังด้วยหน้ากากฮ็อกกี้สีขาวซีด ในมือถือมีดขนาดใหญ่ที่สะท้อนแสงจันทร์วาววับ
ชายคนนี้คือเจสัน วอร์ฮีส์ อดีตฆาตกรโรคจิตแห่ง Crystal Lake ที่หายตัวไปนานหลายปี คืนนี้... เขากลับมาที่ทะเลสาบแห่งนี้อีกครั้ง แต่ด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างไปจากเดิม
เจสันมาถึงชายทะเลสาบ เขาเห็นรอยเท้าบนหิมะที่นำไปสู่กระท่อมไม้ ความทรงจำเก่า ๆ ผุดขึ้นในหัว ภาพของแม่ที่ถูกฆ่าในกระท่อมหลังนั้นเมื่อหลายสิบปีก่อน เจสันกำมีดในมือแน่นขึ้น ก่อนจะเดินตามรอยเท้านั้นไป
ภายในกระท่อม นิโคลัสกำลังนั่งเขียนรายชื่อเด็ก ๆ ลงบนกระดาษ เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เขาสะดุ้ง
"ใครน่ะ?" นิโคลัสถามเสียงเข้ม
ไม่มีคำตอบ มีเพียงเสียงเคาะที่ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้แรงกว่าเดิม
นิโคลัสลุกขึ้นและเดินไปที่ประตู เขาเปิดมันออกช้า ๆ และพบกับร่างสูงใหญ่ในชุดดำยืนอยู่ตรงนั้น
"คุณเป็นใคร?" นิโคลัสถาม
ชายในชุดดำไม่ตอบ เขาเพียงแค่ชูมีดขึ้นให้เห็นในแสงจันทร์
นิโคลัสถอยหลังด้วยความตกใจ "นี่มัน... เจสัน วอร์ฮีส์?"
เจสันก้าวเข้ามาในกระท่อม สายตากวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหยุดที่ภาพถ่ายบนผนัง เขาหันกลับมามองนิโคลัสอีกครั้ง
"ฉัน... ฉันสามารถอธิบายได้" นิโคลัสพูดตะกุกตะกัก "นี่ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด"
เจสันไม่สนใจคำพูดของนิโคลัส เขาเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ มีดในมือพร้อมที่จะฟาดฟัน
นิโคลัสรีบคว้ากระสอบของเล่นขึ้นมา "นี่ นี่คือของขวัญสำหรับเด็ก ๆ ฉันแค่อยากให้พวกเขามีความสุขในวันคริสต์มาส"
เจสันชะงักเล็กน้อย เขามองกระสอบในมือของนิโคลัส ก่อนจะหันไปมองภาพถ่ายบนผนังอีกครั้ง
นิโคลัสฉวยโอกาสนั้นพุ่งเข้าชนเจสันจนล้มลง แล้ววิ่งออกจากกระท่อมอย่างรวดเร็ว เจสันลุกขึ้นและไล่ตามออกไปทันที
ทั้งคู่วิ่งไล่กันผ่านป่าทึบ เสียงกิ่งไม้หักดังไปทั่ว นิโคลัสพยายามสลัดหนีด้วยการเลี้ยวไปมา แต่เจสันก็ยังคงไล่ตามมาติด ๆ
ในที่สุด นิโคลัสก็มาถึงทะเลสาบที่เริ่มกลายเป็นน้ำแข็ง เขาตัดสินใจเสี่ยงวิ่งข้ามไป แต่น้ำหนักของเขาทำให้น้ำแข็งเริ่มแตกร้าว
เจสันมาถึงริมทะเลสาบ เขามองดูนิโคลัสที่กำลังดิ้นรนอยู่กลางทะเลสาบ น้ำแข็งรอบตัวแตกร้าวมากขึ้นเรื่อย ๆ
"ช่วยด้วย!" นิโคลัสตะโกน "ฉันขอโทษ ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว ได้โปรดช่วยฉันด้วย!"
เจสันยืนนิ่งอยู่ที่ริมทะเลสาบ มองดูนิโคลัสดิ้นรนต่อสู้กับความตาย เขายกมีดขึ้นช้า ๆ แสงจันทร์สะท้อนบนใบมีดวาววับ และแล้ว เสียงน้ำแข็งแตกก็ดังขึ้น นิโคลัสจมหายลงไปในน้ำเย็นเฉียบ เสียงกรีดร้องของเขาค่อย ๆ เงียบหายไป เหลือเพียงความเงียบงันของคืนเดือนมืด
เจสันยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในป่า ทิ้งไว้เพียงรอยเท้าบนหิมะที่ค่อย ๆ ถูกลบเลือนด้วยหิมะที่โปรยปรายลงมาไม่หยุด
สามวันต่อมา ตำรวจได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีกลิ่นเหม็นโชยมาจากกระท่อมริมทะเลสาบ เมื่อเข้าไปตรวจสอบ พวกเขาพบกับภาพที่ชวนสยดสยอง
ภายในกระท่อมเต็มไปด้วยภาพถ่ายของเด็ก ๆ และของเล่นที่เปื้อนเลือด บนโต๊ะมีสมุดบันทึกเล่มหนึ่งวางอยู่ เมื่อเปิดอ่าน ตำรวจก็พบว่ามันเป็นบันทึกของฆาตกรต่อเนื่องที่แฝงตัวเป็นซานตาคลอสเพื่อล่อเหยื่อเด็ก ๆ มาเป็นเวลาหลายปี
ข่าวนี้สร้างความตกใจให้กับชาวเมือง Crystal Lake เป็นอย่างมาก พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่ามีปีศาจร้ายแฝงตัวอยู่ในคราบของซานตาผู้ใจดี
แต่สิ่งที่ทำให้ตำรวจสงสัยมากที่สุดคือ ไม่พบศพของฆาตกรในกระท่อมหรือบริเวณใกล้เคียง มีเพียงรอยเท้าที่นำไปสู่ทะเลสาบ และหยุดลงกลางทะเลสาบที่เพิ่งละลาย
คืนต่อมา เด็กชายคนหนึ่งอ้างว่าเห็นชายร่างใหญ่ในชุดดำ สวมหน้ากากฮ็อกกี้ ยืนอยู่ที่ชายป่าใกล้บ้านของเขา ในมือถือของเล่นชิ้นหนึ่ง ก่อนจะหายเข้าไปในความมืด
ชาวเมือง Crystal Lake ต่างพากันสงสัยว่า ใครกันแน่ที่เป็นฮีโร่ลึกลับ
ในขณะที่ชาวเมืองพากันหวาดระแวง ตำรวจท้องที่ก็เริ่มสืบสวนคดีนี้อย่างเข้มข้น พวกเขาพยายามตามหาร่องรอยของฆาตกรปลอมตัวเป็นซานตา แต่กลับไม่พบเบาะแสใด ๆ นอกจากบันทึกในกระท่อมและคำให้การของเด็กชายคนนั้น
สัปดาห์ผ่านไป เหตุการณ์ประหลาดเริ่มเกิดขึ้นในเมือง Crystal Lake ของเล่นเก่า ๆ ปรากฏขึ้นหน้าบ้านเด็ก ๆ ที่ถูกกล่าวถึงในบันทึกของฆาตกร โดยไม่มีใครรู้ว่ามาจากไหน บางคนอ้างว่าเห็นเงาดำขนาดใหญ่เคลื่อนไหวในยามค่ำคืน แต่เมื่อมองอีกที ก็ไม่พบอะไร
ตำรวจสงสัยว่าอาจเป็นฝีมือของผู้ร่วมกระทำผิดที่ยังหลบซ่อนตัวอยู่ พวกเขาเพิ่มการลาดตระเวนในยามค่ำคืน แต่ก็ยังไม่พบตัวผู้ต้องสงสัย
คืนหนึ่ง ขณะที่นายตำรวจแซมกำลังลาดตระเวนรอบทะเลสาบ เขาได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังมาจากป่าทึบ เขาเดินตามเสียงนั้นไปและพบกับภาพที่ไม่น่าเชื่อ
ชายร่างใหญ่ในชุดดำ สวมหน้ากากฮ็อกกี้ กำลังยืนอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ ในมือถือตุ๊กตาหมีตัวเก่า แซมชักปืนออกมาทันที
"หยุดนะ! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ!" แซมตะโกน
ชายในชุดดำหันมามองแซม แต่ไม่ได้ขยับเขยื้อน
"วางตุ๊กตาลงและยกมือขึ้น!" แซมสั่ง พลางเดินเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง
แต่แล้ว ชายปริศนาก็โยนตุ๊กตามาที่เท้าของแซม ก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว แซมพยายามไล่ตาม แต่ก็ไม่ทัน เ ขาก้มลงหยิบตุ๊กตาขึ้นมาดู และพบว่ามันเป็นตุ๊กตาที่หายไปพร้อมกับเด็กหญิงคนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน
แซมรีบนำตุ๊กตากลับไปที่สถานีตำรวจเพื่อตรวจสอบ ผลการตรวจพิสูจน์ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง บนตุ๊กตามีลายนิ้วมือของเด็กหญิงที่หายตัวไป และเส้นผมของเธอ แต่ไม่พบร่องรอยของฆาตกรแต่อย่างใด
ข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่วเมือง ชาวบ้านต่างสับสนว่าชายในชุดดำคนนี้คือใคร เขาเป็นฆาตกรหรือฮีโร่กันแน่
ในขณะเดียวกัน ที่บ้านของครอบครัวธอมป์สัน พ่อแม่ของเด็กหญิงที่หายตัวไปกำลังนั่งร้องไห้อยู่ในห้องนั่งเล่น พลันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
มิสเตอร์ธอมป์สันลุกขึ้นไปเปิดประตู แต่ไม่พบใครอยู่ตรงนั้น มีเพียงกล่องของขวัญใบเล็กวางอยู่ที่พื้น เขาหยิบมันขึ้นมาและเปิดออกอย่างระมัดระวัง
ภายในกล่องคือสร้อยคอเส้นเล็ก ๆ ที่ลูกสาวของเขาใส่เป็นประจำ พร้อมกับโน้ตสั้น ๆ เขียนว่า "เธออยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว"
มิสเตอร์ธอมป์สันรีบโทรแจ้งตำรวจทันที ไม่นานนัก แซมก็มาถึงพร้อมกับทีมสืบสวน พวกเขาตรวจสอบกล่องและสร้อยคออย่างละเอียด
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน" แซมพูมพำ "ทำไมเขาถึงเริ่มส่งคืนของเหล่านี้หลังจากผ่านมาหลายปี"
ในขณะที่ตำรวจกำลังงุนงง ชาวเมืองก็เริ่มแตกเป็นสองฝ่าย บางคนเชื่อว่าชายในชุดดำคือฆาตกรที่กำลังเล่นเกมบ้า ๆ แต่บางคนกลับมองว่าเขาอาจเป็นคนที่พยายามช่วยเหลือ
คืนต่อมา เด็กชายวัย 10 ขวบคนหนึ่งชื่อทิมมี่ กำลังเดินกลับบ้านหลังจากไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ เขาได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังมาจากซอยมืด ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทิมมี่จึงเดินเข้าไปดูในซอยนั้น เขาเห็นชายร่างใหญ่ในชุดดำกำลังยืนอยู่ ในมือถือตุ๊กตาตัวหนึ่ง ทิมมี่ตกใจจนทำถุงขนมหล่น เสียงนั้นทำให้ชายปริศนาหันมามอง
"คุณ... คุณคือเจสัน วอร์ฮีส์ใช่ไหม" ทิมมี่ถามเสียงสั่น
ชายในชุดดำเดินเข้ามาใกล้ทิมมี่ช้า ๆ เด็กชายกลัวจนขยับตัวไม่ได้ แต่แล้วชายปริศนาก็คุกเข่าลงตรงหน้าทิมมี่และยื่นตุ๊กตาให้
"นี่มัน... ตุ๊กตาของพี่สาวผม" ทิมมี่พูดอย่างตกตะลึง "เธอหายตัวไปเมื่อสามปีก่อน"
ชายในชุดดำพยักหน้า ก่อนจะชี้ไปที่ทิศทางของสถานีตำรวจ
"คุณอยากให้ผมเอาไปให้ตำรวจเหรอ" ทิมมี่ถาม
ชายปริศนาพยักหน้าอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินหายเข้าไปในความมืด ทิ้งให้ทิมมี่ยืนอึ้งอยู่กับตุ๊กตาในมือ
วันรุ่งขึ้น ข่าวการพบตุ๊กตาของเด็กที่หายตัวไปก็แพร่สะพัดไปทั่วเมือง ตำรวจเริ่มตามหาร่องรอยของเด็ก ๆ ที่หายตัวไปอย่างจริงจัง โดยใช้ข้อมูลจากของเล่นและสิ่งของที่ถูกส่งคืนมา
สองสัปดาห์ผ่านไป ตำรวจก็พบร่องรอยที่นำไปสู่โกดังร้างแห่งหนึ่งนอกเมือง เมื่อบุกเข้าไป พวกเขาพบเด็ก ๆ ที่หายตัวไปหลายคนถูกขังอยู่ที่นั่น พวกเขายังมีชีวิตอยู่ แต่อยู่ในสภาพทรุดโทรมอย่างมาก ในโกดังยังพบหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวเด็ก ๆ เหล่านี้ ตำรวจยังพบว่านิโคลัส โนเอล ฆาตกรที่ปลอมตัวเป็นซานตา เป็นเพียงแพะรับบาปที่ถูกแก๊งนี้หลอกใช้
แต่สิ่งที่ทำให้ตำรวจสงสัยมากที่สุดคือ ก่อนที่พวกเขาจะมาถึง มีใครบางคนได้เข้ามาที่โกดังนี้ก่อนแล้ว สมาชิกของแก๊งหลายคนถูกพบในสภาพบาดเจ็บสาหัส บางคนถูกมัดไว้กับเสา ทุกคนให้การตรงกันว่าพวกเขาถูกโจมตีโดยชายร่างใหญ่ในชุดดำ สวมหน้ากากฮ็อกกี้
ข่าวนี้สร้างความฮือฮาให้กับชาวเมือง Crystal Lake เป็นอย่างมาก หลายคนเริ่มมองว่าเจสัน วอร์ฮีส์ อดีตฆาตกรโรคจิต กลายเป็นฮีโร่ผู้ปกป้องเด็ก ๆ ไปเสียแล้ว
แต่ไม่มีใครพบเห็นเจสันอีกเลยหลังจากเหตุการณ์นั้น มีเพียงเรื่องเล่าที่แพร่สะพัดไปในหมู่เด็ก ๆ ว่า หากพวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัยในยามค่ำคืน ให้ลองมองไปที่ชายป่าใกล้ทะเลสาบ Crystal Lake บางทีพวกเขาอาจเห็นเงาดำขนาดใหญ่ยืนเฝ้าดูอยู่ คอยปกป้องพวกเขาจากอันตราย
ทุก ๆ คืนวันคริสต์มาสอีฟ ชาวเมือง Crystal Lake จะเล่าเรื่องราวของซานตาคลอสจอมปลอมและฆาตกรในหน้ากากฮ็อกกี้ผู้กลับใจให้ลูกหลานฟัง เพื่อเตือนใจว่าความชั่วร้ายอาจซ่อนอยู่ในคราบของความดีงาม และในทางกลับกัน ความดีก็อาจซ่อนอยู่ในร่างของปีศาจ
แต่เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านั้น
หนึ่งปีหลังจากเหตุการณ์ที่โกดังร้าง เด็กชายคนหนึ่งชื่อบิลลี่ หลงทางในป่าใกล้ทะเลสาบ Crystal Lake ในคืนวันคริสต์มาสอีฟ เขาเดินวนเวียนอยู่นานหลายชั่วโมง จนกระทั่งพบกับกระท่อมไม้หลังเก่า ด้วยความหนาวและกลัว บิลลี่จึงตัดสินใจเข้าไปในกระท่อม ภายในนั้นมืดสนิทและเต็มไปด้วยฝุ่น แต่มีเตาผิงที่ยังอุ่น ๆ อยู่ บิลลี่รีบเข้าไปผิงไฟทันที
ขณะที่กำลังนั่งสั่นงันอยู่หน้าเตาผิง บิลลี่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก เขาตกใจจนแทบหยุดหายใจ ประตูกระท่อมเปิดออกช้า ๆ และร่างใหญ่ในชุดดำก็ก้าวเข้ามา
บิลลี่จำได้ทันทีว่านี่คือชายในหน้ากากฮ็อกกี้ที่เขาเคยได้ยินจากเรื่องเล่า เขากลัวจนพูดไม่ออก ได้แต่นั่งตัวสั่นอยู่ที่เดิม
ชายปริศนาเดินเข้ามาใกล้ บิลลี่หลับตาปี๋ด้วยความกลัว แต่แล้วเขาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่คลุมลงมาบนตัว เมื่อลืมตาขึ้น เขาพบว่าชายคนนั้นคลุมผ้าห่มให้เขา
"คุณ... คุณคือเจสันใช่ไหมครับ" บิลลี่ถามเสียงสั่น
ชายในหน้ากากพยักหน้าช้า ๆ
"ผม... ผมหลงทาง" บิลลี่พูดพลางสะอื้น "ผมอยากกลับบ้าน"
เจสันยื่นมือออกมา บิลลี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจับมือนั้น เจสันจูงบิลลี่ออกจากกระท่อมและพาเดินลัดเลาะผ่านป่า
ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงชายป่าที่ติดกับถนนใหญ่ บิลลี่เห็นไฟหน้ารถของพ่อแม่ที่กำลังตามหาเขาอยู่
เจสันปล่อยมือบิลลี่และผลักเบา ๆ ให้เขาเดินไปหาพ่อแม่ บิลลี่วิ่งไปกอดพ่อแม่ด้วยความดีใจ เมื่อเขาหันกลับไปมอง เจสันก็หายไปแล้ว มีเพียงรอยเท้าบนหิมะที่นำกลับเข้าไปในป่า
บิลลี่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พ่อแม่และตำรวจฟัง แต่ไม่มีใครเชื่อเขา พวกผู้ใหญ่คิดว่าเป็นเพียงจินตนาการของเด็กน้อยที่กลัวจนเพ้อ
แต่เด็ก ๆ ในเมือง Crystal Lake รู้ดี พวกเขาเริ่มแอบเอาของเล่นและขนมไปวางไว้ที่ชายป่าในคืนวันคริสต์มาส เป็นของขวัญสำหรับ "ซานตาเจสัน" ผู้ปกป้องพวกเขา
ทุก ๆ ปี จะมีเด็กคนใหม่ที่อ้างว่าเห็นชายในชุดดำสวมหน้ากากฮ็อกกี้ในคืนวันคริสต์มาส บ้างก็บอกว่าเขาช่วยพวกเขาจากอันตราย บ้างก็บอกว่าเห็นเขายืนเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ แต่ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนเชื่อ
20 ปีผ่านไป Crystal Lake กลายเป็นเมืองที่มีอัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำที่สุดในรัฐ โดยเฉพาะอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับเด็ก นักท่องเที่ยวเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในช่วงเทศกาลคริสต์มาสเพื่อดู "เมืองที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเด็ก" ด้วยตาตัวเอง
แต่ชาวเมืองดั้งเดิมรู้ดีว่า ความปลอดภัยนี้มาพร้อมกับราคาที่ต้องจ่าย ทุก ๆ ปีจะมีคนร้ายหรือผู้ต้องสงสัยในคดีทำร้ายเด็กหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย มีเพียงหน้ากากฮ็อกกี้เปื้อนเลือดที่ถูกทิ้งไว้ที่สถานีตำรวจเป็นระยะ ๆ
ตำรวจท้องที่เลือกที่จะ "มองไม่เห็น" หลักฐานเหล่านี้ พวกเขาปล่อยให้ "วิญญาณแห่ง Crystal Lake" ทำหน้าที่ของมันต่อไป
ในคืนวันคริสต์มาสอีฟปีที่ 21 หลังจากเหตุการณ์ที่โกดังร้าง มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามาในบาร์ประจำเมือง เขาสวมเสื้อโค้ตตัวใหญ่และหมวกปิดบังใบหน้า
"ผมได้ยินมาว่าที่นี่มีซานตาคลอสที่ชอบฆ่าเด็ก" ชายแปลกหน้าพูดขึ้น "และมีฆาตกรโรคจิตที่ชอบปกป้องเด็ก ฟังดูน่าสนใจดีนะ"
บรรยากาศในบาร์เงียบกริบลงทันที ทุกคนหันมามองชายแปลกหน้าด้วยสายตาหวาดระแวง
"คุณควรระวังคำพูดนะ" บาร์เทนเดอร์เอ่ยขึ้น "ที่นี่ไม่ชอบคนที่มาสอดรู้สอดเห็นเรื่องของเมืองเรา"
ชายแปลกหน้าหัวเราะ "โอ้ ผมไม่ได้มาสอดรู้สอดเห็นหรอก ผมแค่อยากรู้ว่า... ถ้าผมอยากพบซานตาคลอสตัวจริง ผมควรไปที่ไหนดี"
ทันใดนั้น ไฟในบาร์ก็ดับวูบลง เสียงกรีดร้องดังขึ้นในความมืด เมื่อไฟกลับมาสว่างอีกครั้ง ชายแปลกหน้าก็หายไปแล้ว เหลือเพียงหมวกของเขาที่ตกอยู่บนพื้น
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายคนนั้น แต่คืนนั้น หลายคนอ้างว่าเห็นร่างสูงใหญ่ในชุดซานตาคลอสเดินลากกระสอบใบใหญ่เข้าไปในป่าใกล้ทะเลสาบ Crystal Lake ตามหลังด้วยชายอีกคนในชุดดำสวมหน้ากากฮ็อกกี้
นับแต่นั้นมา ไม่มีใครกล้าพูดถึงเรื่องซานตาคลอสจอมปลอมหรือฆาตกรในหน้ากากฮ็อกกี้อีกเลย มีเพียงเสียงกระซิบของเด็ก ๆ ที่ยังคงเล่าขานตำนานของ "ซานตาเจสัน" ผู้พิทักษ์แห่ง Crystal Lake ต่อ ๆ กันมา
และทุก ๆ คืนวันคริสต์มาสอีฟ หากใครสักคนมองออกไปนอกหน้าต่างในยามดึก พวกเขาอาจเห็นเงาร่างใหญ่สองร่างเดินเคียงข้างกันท่ามกลางสายลมหนาว หนึ่งในชุดสีแดง อีกหนึ่งในชุดสีดำ นำของขวัญและความยุติธรรมมาสู่เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ในแบบฉบับของตัวเอง
.