ผู้สร้าง Dragon Quest บอกเหตุผลเรื่องเปลี่ยนหลายสิ่งในเกมเพื่อขายในตลาดต่างประเทศได้
นับตั้งแต่ที่วงการเกมเริ่มรู้ตัวเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าการตื่นรู้ทางสังคม หรือสิ่งที่เรียกว่า Woke ที่มาจากบริษัทเด็กหวาน Sweet Baby ก็ทำให้ชาวเกมเมอร์เริ่มหลอนเกี่ยวกับความ Woke ในวิดีโอเกม ที่พอมีบางอย่างที่เปลี่ยนไปจากเดิมเหล่าเกมเมอร์ก็เริ่มคิดแล้วว่ามันจะ Woke รึเปล่า เหมือนในกรณีของเกม Dragon Quest 3 HD-2D Remake ที่มีการเปลี่ยนการเรียกเพศของตัวละครจากชายหญิงมาเป็น แบบ A กับ แบบ B รวมถึงการเปลี่ยนแปลงชุดเครื่องแบบการแต่งกายของนักรบหญิง และตัวมอนสเตอร์บางตัวที่ต่างไปจากเดิม จนหลายคนเริ่มคิดว่าเกม Dragon Quest 3 HD-2D Remake จะเป็น Dragon Quest Woke ไปอีกเกม จนล่าสุดทางผู้พัฒนาเกมอย่างคุณ โฮริอิ ยูจิ ได้ออกมาบอกว่าสิ่งที่ทำไปทั้งนั้นเพื่อขายในตลาดต่างประเทศเท่านั้น
東京ゲームショーで、DQ3の衣装変更に関して。
— Valute News (@saou0345) September 29, 2024
The reason why the exposure of costumes in DQ3 needs to be reduced, as explained in an interview at TGS.#DQ3HD2D #ドラゴンクエスト3 #DragonQuest#TGS2024 pic.twitter.com/wzMoCnVYjN
โดยเรื่องราวนี้เกิดขึ้นจากบทสัมภาษณ์ล่าสุดที่จัดขึ้นระหว่างงาน Tokyo Game Show 2024 โดยทางคุณโฮริอิได้บอกเหตุผลที่เปลี่ยนแปลงชุดของนักรบหญิงให้ดูรัดกุมขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนการเรียกชื่อเพศของตัวละครจากชายหญิงที่เคยมี เกิดจากกฎระเบียบต่าง ๆ ที่ทางต่างประเทศระบุเอาไว้ โดยทางต่างประเทศระบุว่าเรตติ้งตามอายุของเกม Dragon Quest 3 HD-2D Remake ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเกมสำหรับทุกคนคือ 10+ จาก Entertainment Software Rating Board โดยการจัดอันดับครั้งนี้อาจจะได้ PEGI 12 ซึ่งเทียบเท่ากับการจัดอันดับ E10+ ของ ESRB หรือพูดง่าย ๆ ก็คือที่ทางค่ายต้องเปลี่ยนแบบนี้เพื่อให้ขายในตลาดต่างประเทศได้ เพราะถ้ายังคงรูปแบบเก่าอยู่อาจจะได้เรตผู้ซื้อที่สูงขึ้นการขายเกมก็จะน้อยลง และในตอนท้ายคุณโฮริอิก็พูดออกมาว่า "ผมสงสัยจริง ๆ ว่าพอมันไปอยู่ในเกมจะแตกต่างกันตรงไหน" ใครสนใจมาอ่านต่อได้ที่เว็บไซต์ 4Gamers ต่อได้เลยลิงค์อยู่ข้างล่างนี้แล้ว