กวนอู กับ โจโฉ เตียวเลี้ยว ความสัมพันธ์แบบนับถือกันแม้จะเป็นศัตรูที่อยู่กันคนละฝ่าย!
สวัสดีครับ ในกระทู้นี้ขอกล่าวถึงความสัมพันธ์แบบนับถือกันแม้จะเป็นศัตรูที่อยู่กันคนละฝ่ายของ กวนอู กับ โจโฉ เตียวเลี้ยว กันนะครับ
กวนอู กับ โจโฉ เตียวเลี้ยว ความสัมพันธ์แบบนับถือกันแม้จะเป็นศัตรูที่อยู่กันคนละฝ่าย
ในบรรดาคนสำคัญในยุคสามก๊ก ที่แม้ว่าจะเป็นศัตรูที่อยู่กันคนละฝั่ง แต่กลับมีความเคารพนับถือซึ่งกันและกัน มีอยู่หลายคู่ หนึ่งในคู่ที่คนจำกันได้มากที่สุดคือ ความสัมพันธ์แบบนับถือกันและกันระหว่าง กวนอู กับคนที่เป็นศัตรูกันอย่าง โจโฉ และ เตียวเลี้ยว
เรื่องความเคารพนับถือกันและกันของทั้ง 3 คนนี้โดดเด่นมากในวรรณกรรมสามก๊ก และมีตรงกันในประวัติศาสตร์ด้วย
เรื่องนี้เด่นชัดในช่วงปี ค.ศ. 200 ตรงกับปีเจี้ยนอันที่ 5 โจโฉได้เคลื่อนทัพบุกโจมตีเล่าปี่ที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับอ้วนเสี้ยว โจโฉสามารถจับตัวกวนอูได้ แล้วแต่งตั้งกวนอูเป็นรองขุนพล “เพียนเจียงจวิน” แล้วยังปฏิบัติต่อกวนอูด้วยการให้เกียรติอย่างสูง
เมื่อโจโฉเปิดศึกกับอ้วนเสี้ยวที่มีขุนพลเอกงันเหลียงเข้าโจมตี ฝ่ายโจโฉไม่อาจต้านทานงันเหลียงได้ โจโฉจึงให้เตียวเลี้ยวไปรับศึกเป็นทัพหน้าร่วมกับกวนอู ตรงนี้น่าสนใจมาก เพราะว่าทั้งกวนอูและเตียวเลี้ยวเวลานั้นคือสองขุนพลที่เพิ่งเข้าสังกัดโจโฉได้ไม่นานทั้งคู่ เตียวเลี้ยวเดิมเป็นขุนพลเอกของลิโป้ ส่วนกวนอูก็เป็นขุนพลเอกของเล่าปี่
ด้านกวนอูเห็นธงของทัพงันเหลียง จึงควบม้าบุกตะลุยเข้าสังหารงันเหลียงตายท่ามกลางเหล่าทหารนับไม่ถ้วนแล้วหิ้วศีรษะของงันเหลียงกลับไป ขุนพลที่เหลือของทัพอ้วนเสี้ยวไม่อาจเป็นคู่มือของกวนอูได้ จึงจำต้องสลายการปิดล้อมไป
โจโฉยินดีในผลงานครั้งนี้ของกวนอูมาก จึงแต่งตั้งให้กวนอูเป็นขุนนาง พระยาพิทักษ์ฮั่น “ฮั่นโซ่วถิงโหว” (Marquis of Hanshouting)
มีบันทึกอื่นเพิ่มว่าเมื่อแรกเริ่มที่กวนอูมาอยู่กับโจโฉนั้น โจโฉมีความยินดีอย่างมาก แต่ภายหลังโจโฉเริ่มรู้สึกว่ากวนอูคงอยู่กับตนไม่นานแน่ จึงสั่งเตียวเลี้ยวว่า “ไปพูดจาเกลี้ยกล่อมและลองหยั่งความรู้สึกของกวนอูว่าเป็นเช่นไร”
เมื่อเตียวเลี้ยวได้โอกาสเกลี้ยกล่อมกวนอู ก็ได้กล่าวว่า “ข้ารู้อยู่เต็มอกว่า ท่านโจโฉได้ให้เกียรติต่อข้าเป็นอย่างสูง อย่างไรก็ตาม ท่านเล่าปี่ก็ปฏิบัติต่อข้าด้วยดีเสมอมาเช่นกัน ตัวข้าได้ให้สัตย์สาบานไว้แล้วว่าจะตายเพื่อท่านเล่าปี่ และจะไม่มีวันทรยศต่อคำสัตย์นั้นเด็ดขาด ดังนั้นข้าจะไม่อยู่ที่นี่ตลอดไป แต่ก่อนจากไปนั้นข้าจะขอทดแทนบุญคุณที่ท่านโจโฉมีให้ก่อน เช่นนั้นข้าจึงจะจากไปได้”
เตียวเลี้ยวนำคำของกวนอูไปบอกต่อโจโฉ และเตียวเลี้ยวก็รู้สึกซาบซึ้งในคุณธรรมของเขายิ่งนัก
มีบันทึกประวัติศาสตร์เสริมด้วยเผยซงจืออิงจากบันทึกฟู้จื่อว่า เตียวเลี้ยวต้องการนำข้อความของกวนอูไปบอกโจโฉ แต่เขาก็กลัวว่าโจโฉจะสั่งประหารกวนอู แต่เขาก็เห็นว่าถ้าหากไม่นำข้อความไปแจ้ง มันก็จะไม่เป็นธรรมแก่โจโฉเช่นกัน ดังนั้นเตียวเลี้ยวจึงพูดกับตัวเองว่า “ท่านโจโฉเป็นเจ้านายและเปรียบประดุจดั่งบิดา ส่วนท่านกวนอูนั้นเป็นเพียงพี่น้อง” เมื่อเปรียบเทียบความสำคัญได้เช่นนี้ เตียวเลี้ยวจึงนำความของกวนอูไปแจ้งให้โจโฉทราบ
โจโฉเมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมด ก็กล่าวยกย่องกวนอูต่อเตียวเลี้ยวว่า “กวนอูยอมรับใช้ข้าโดยไม่ลืมคุณของนายเก่า ช่างเปี่ยมด้วยคุณธรรม นับเป็นยอดคนในหมู่ยอดคนโดยแท้ แล้วเจ้า (เตียวเลี้ยว) คิดว่ากวนอูจะตีจากไปเมื่อใด”
เตียวเลี้ยวตอบกลับว่า “กวนอูได้รับความกรุณาจากนายท่าน ดังนั้นก่อนจากไป เขาจะหาทางตอบแทนบุญคุณของนายท่านก่อนแน่นอน”
ต่อมากวนอูสังหารงันเหลียง สร้างผลงานสำคัญแล้ว โจโฉจึงรู้ว่ากวนอูจะต้องลาจากไปในไม่ช้า จึงพยายามประทานรางวัลและของกำนัลมากมายให้ แต่กวนอูมิได้ยอมรับ โดยการปิดผนึกของกำนัลเหล่านั้น เป็นการการแสดงออกว่าต้องการปฏิเสธของที่โจโฉประทานให้
จากนั้นกวนอูได้เขียนจดหมายแสดงคำขอบคุณทิ้งไว้ให้โจโฉ แล้วจึงเดินทางขึ้นเหนือเพื่อไปยังเขตอิทธิพลของอ้วนเสี้ยว ซึ่งกวนอูทราบว่าเล่าปี่อยู่กับอ้วนเสี้ยวในเวลานั้น บรรดาขุนพลของโจโฉรู้สึกไม่พอใจและต้องการไล่ตามกวนอูไป แต่โจโฉได้กล่าวห้ามไว้ว่า “แต่ละคนย่อมมีเจ้านายของตนเอง ดังนั้นอย่าขัดขวางเขาเลย”
สรุป หากดูในแง่หนึ่งโจโฉประทับใจคุณธรรมของกวนอูมาก การที่เขาไม่ได้ส่งทหารไล่ตามกวนอูจึงเป็นการเปิดโอกาสให้กวนอูได้แสดงคุณธรรม นับว่าโจโฉเป็นจอมคนผู้มีจิตใจกว้างขวางมากคนหนึ่ง และหากดูอีกหลายกรณีจากประวัติของโจโฉแล้ว ถือว่าเขาเป็นผู้นำที่หายาก ที่ชื่นชอบและรักในตัวคนผู้มีความสามารถ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ แล้วพบกันกระทู้หน้าครับ
อ้างอิงจาก: สามก๊กเจ้าพระยาพระคลังหน