เปิดตำนานสยอง นักบุญในคราบซาตาน Karl Denke ฆ่าคนมาทำเนื้อเค็ม!!
นี่เป็นอีกตำนานหนึ่งที่รู้สึกว่ามันจะสยดสยองพองขนน่าดูเลยนะครับ
สำหรับคนที่ทำตัวเป็นนักบุญในคราบซาตานความสยดสยองพองขนขนาดไหน ที่ฆ่าคนเอามาทำเนื้อเค็มแจกจ่ายให้คนชาวบ้านกิน
คนเรานะครับรู้หน้าแต่ไม่อาจจะรู้ใจนี่เป็นคำเปรียบเปรยที่มองเห็นภาพฆาตกรโรคจิตเอาเนื้อเค็มจากเนื้อคนมาให้คนกิน
เบื้องหน้าทำตัวเป็นนักบุญแต่เบื้องหลังมันคือซาตานฆาตกรโรคจิตดีๆนี่เอง
วันนี้ผมก็เลยมานำเสนอเรื่องราวสยดสยองเรากับหนังสยองขวัญที่คุณคุ้นเคยดูมาเลยครับเรามาดูกันเลยดีกว่า
💀เปิดตำนานสยอง นักบุญในคราบซาตาน Karl Denke ฆ่าคนมาทำเนื้อเค็ม!!
เมนูสุดสยอง จากเรื่องจริง!
ฆ่าคนมาทำเนื้อเค็ม! ‘Karl Denke’ ฆาตกรต่อเนื่องที่ลวงคนไร้บ้านมาฆ่าเพื่อเอาเนื้อ แถมแจกให้ชาวเมืองกินอย่างเอร็ดอร่อย
Karl Denke เกิดเมื่อปี 1860 อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรปรัสเซีย
(ส่วนหนึ่งของเยอรมนีในปัจจุบัน)
Karl หนีออกจากบ้านเมื่อตอนอายุ 12 ปี เนื่องจากเข้ากับแม่เลี้ยงไม่ได้เลยตัดสินใจที่จะออกจากบ้านมาเผชิญโชคด้วยตนเอง หลังจากที่หนีออกมาจากบ้าน Karl ก็เข้าไปทำงานในร้านขายเนื้อในฐานะเด็กฝึกหัดจนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่จึงแยกตัวออกมาเปิดกิจการร้านขายเนื้อเป็นของตนเอง
Karl เป็นที่รักของคนในชุมชนเนื่องจากนิสัยที่โอบอ้อมอารีและมักจะแบ่งปันอาหาร สิ่งของต่างๆ ให้กับผู้อื่น อีกทั้งยังมีหน้าที่เป็นนักดนตรีประจำโบสถ์ในวันอาทิตย์อีกด้วยจึงยิ่งทำให้ชื่อเสียงของ Karl เป็นที่นับถือของชาวเมืองเสมอมา
ในปี 1914 Karl เริ่มที่จะอุทิศตัวให้สังคมเพิ่มมากขึ้นด้วยการรับคนจรจัดไร้บ้านให้มาพักอยู่ด้วยกัน โดยเสนองานให้ทำเล็กๆ น้อยๆ
ซึ่งการกระทำของ Karl นั้นเป็นที่ซาบซึ้งของชาวเมืองจนถึงขนาดมีคนเรียก Karl ว่า “คุณพ่อ” แบบเดียวกับที่เรียกบาทหลวง !!
ซึ่งการกระทำนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่ประเสริฐเป็นอย่างมากเพราะในช่วงนั้นทวีปยุโรปเพิ่งผ่านสงครามโลกครั้งที่ 1 มาหมาดๆ ยิ่งดินแดนในการปกครองของเยอรมนีนั้นต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหาร
ซึ่งถ้ามีใครลุกขึ้นมาทำอะไรแบบนี้ก็ฟันธงได้เลยว่าถ้าไม่บ้าก็แปลว่าใจดีแบบสุดๆ
แต่ดูเหมือนว่าความใจดีของ Karl นั้นจะไม่ได้ผลเสมอไปเพราะคนที่ Karl ให้ความช่วยเหลือนั้นมักจะหนีไปพร้อมๆ กับหอบทรัพย์สินของ Karl ไปด้วยเสมอแต่ทว่า Karl ก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไร และบอกว่าเดี๋ยวเขาสำนึกก็จะกลับมาเองนั่นก็ยิ่งทำให้ Karlเป็นที่นับหน้าถือตาของชาวเมืองยิ่งกว่าเดิม
จนกระทั่งในเดือนธันวาคม 1924 ชาวเมืองก็ต้องพบกับเรื่องราวที่สุดแสนจะชวนอ้วกเมื่อจู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งวิ่งไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจในสภาพเลือดท่วมตัว และบอกกับตำรวจว่าเขาถูก Karl ทำร้ายและพยายามที่จะฆ่าให้ตายด้วยขวาน !!
แรกๆ ตำรวจก็ไม่เชื่อคิดว่าชายผู้นี้พูดโกหก เพราะคนอย่างคุณพ่อ Karl นั้นไม่มีทางที่จะทำอะไรเช่นนี้ แต่บาดแผลตามตัวของชายผู้นั้นทำให้ตำรวจปฏิเสธไม่ได้ที่จะเข้าไปขอตรวจค้นเพื่อพิสูจน์
สิ่งที่ตำรวจพบในบ้านของ Karl นั้น นอกจากกองเลือดที่กระจัดกระจายไปทั่วครัวและขวานที่เป็นอาวุธแล้ว ตำรวจก็พบกับโถขนาดใหญ่ที่ภายในบรรจุเนื้อที่หมักกับเกลือเพื่อถนอมอาหารให้กลายเป็นเนื้อเค็มอยู่หลายกระปุก ซึ่งต่อมาภายหลังจากการควบคุมตัว Karl ไปที่สถานีตำรวจ พวกเขาก็พบว่าโถเนื้อเค็มที่พบนั้นคือ “เนื้อมนุษย์” โอ้วเย้ๆ
จากการรับสารภาพของ Karl ที่เล่าออกมานั้นก็ยิ่งทำให้สยองเข้าไปใหญ่เพราะว่าตั้งแต่ปี 1914 จนกระทั่งถูกจับนั้น Karl ได้ล่อลวงเหล่าคนไร้บ้านมาฆ่าเพื่อทำเนื้อเค็มเป็นจำนวนถึง 42 คน
แต่ที่ชวนขนพองสยองอ้วก!กว่านั้น คือ..
เนื้อที่แล่มาจากศพนั้น นอกจาก Karl จะเอามากินแล้วยังนำออกขายให้กับชาวเมือง
รวมไปถึงแบ่งปันเพื่อนบ้านในยามที่อาหารขาดแคลน
โดยบอกว่าเนื้อเหล่านั้นเป็นเนื้อหมู
หลังจากรับสารภาพเรียบร้อย Karl ถูกนำตัวเข้าห้องขังเพื่อรอดำเนินคดีตามขั้นตอน แต่ทว่าในวันที่ 2 หลังจากที่ถูกจับ Karl
ได้ใช้เศษผ้าแขวนคอตัวเองภายในห้องขัง
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า Karl อาจจะทนอับอายไม่ไหวเพราะเบื้องหน้าของเขาคือนักบุญผู้โอบอ้อมอารีต่อผู้อื่น แต่ทว่าภายในใจกลับทำตัวเยี่ยงซาตาน Karl จากไปในวัย 64 ปี พร้อมกับเสียงสาปแช่งจากชาวเมืองที่ถูกหลอกให้กิน “เนื้อมนุษย์”
อ่านมาจนถึงบทสุดท้ายเหมือนกับเรากำลังชมภาพยนตร์สยองขวัญสั่นประสาทฆาตกรโรคจิตเลยนะครับแล้วคุณลองคิดดูผู้คนที่กินเนื้อตากแห้งเค็มเหล่านั้นเมื่อรู้ว่าเป็นเนื้อมนุษย์เขาจะรู้สึกอย่างไรอาจจะอ้วกแตกอ้วกแตนก็เป็นไปได้รึว่าคุณจะคิดอย่างไร
ภาพจาก google search