แมวยักษ์สีดำลึกลับ: สัตว์เลี้ยงหลุดหรือสัตว์ปีศาจ?
เอเลี่ยนสปีชี่ส์ คือศัพท์ทางชีววิทยาใช้กล่าวถึงสิ่งมีชีวิตที่ถูกนำไปอาศัยนอกถิ่นฐานกระจายพันธุ์เดิมตามหลักภูมิศาตร์ โดยสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นอาจจะปรับตัวจนทนต่อสภาพแวดล้อมและเริ่มออกหาอาหารแย่งกันกับสัตว์พื้นถิ่น และมีจำนวนไม่น้อยที่ทำสัตว์เหล่านี้สูญพันธุ์ เราจะพาทุกท่านไปสำรวจเรื่องราวลึกลับของแมวป่าขนาดใหญ่ที่น่ากลัว ที่รายงานมักชี้ตรงกันว่าพวกมันโผล่มาแล้วก็พลันหายไป แถมยังสร้างความเสียหายให้อีก ถ้าพร้อมแล้ว ไปฟังกันเลย
แมวดำยักษ์ (Alien Big Cats) เป็นชื่อเรียกรวมๆ ของสิ่งมีชีวิตจำพวกแมวขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ตามป่าและภูเขาในทวีปยุโรป เกาะอังกฤษ อเมริกาเหนือ และออสเตรเลีย ซึ่งพื้นที่เหล่านี้ไร้ซึ่งแมวใหญ่ที่เป็นสัตว์นักล่าเหล่านี้ โดยมักมีรูปร่างโดยรวมแตกต่างกันไปตามการพบเห็น อาจจะมีขนาดตัวตั้งแต่ 60 เซนติเมตร-2 เมตร มีขนสีดำ ตาสีเขียว แดง หรือเหลือง มีหางยาว มีหูแหลมยาวแบบแมวบ้าน หรือหูกลมคล้ายเสือ มีฟันแหลมคม และพยานมักจะบอกว่า สัตว์พวกนี้จู่ๆ มันจะโผล่ก็โผล่เข้ามา อาจจะมากระโจนโจมตีหรือเดินออกมาจากที่โล่งๆ ในจังหวะที่อธิบายไม่ได้แล้วหายไป
สำหรับในประเทศอังกฤษ มีแมวยักษ์ที่เรียกว่า เสือเอ็กซ์มัวร์ (Exmoor's beast/ Exmoor's panther) ซึ่งมีลักษณะคล้ายเสือดำ เคยมีรายงานในปี 1980 ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเดินกลับบ้านบนถนนข้างที่ดินในฟาร์มแล้วถูกสัตว์ขนาดใหญ่คล้ายเสือดำกระโจนใส่จากข้างหลังกดตัวเธอล้มลง เธอหวาดกลัวมาก แต่เมื่อลืมตาดูอีกที มันกลับหายไปแล้ว
และยังมีกลุ่มชาวนาในปี ค.ศ. 2000 จากสก็อตแลนด์ ขุดเจอซากสัตว์คล้ายเสือที่มีฟันกระโหลกกลมคล้ายแมวดูน่ากลัว พวกเขาส่งซากไปตรวจสอบ แม้ผลชันสูตรจะออกมาว่ามันมาจากแมวน้ำที่ตายลงและมีคนเอาไปฝัง แต่ชาวบ้านส่วนมากไม่เชื่อและคิดว่านี่คือแมวยักษ์สีดำในตำนาน
อหนึ่ง รายงานส่วนมากแม้จะพบเจอสัตว์คล้ายแมวยักษ์เหล่านี้ แต่พื้นที่ในถิ่นนั้นไม่มีสัตว์จำพวกแมวกินเนื้อขนาดใหญ่เลย จึงมีทษฏีมากมายเกี่ยวกับพวกมัน ทั้งอาจจะเป็นแมวป่าดึกดำบรรพ์จากยุคก่อนประวัติศาตร์ สัตว์สายพันธุ์ใหม่ที่ไม่มีใครเคยพบเห็น และลามไปถึงที่ว่ามันอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตต่างดาวอีกด้วย
กระนั้นเอง สิ่งมีชีวิตที่น่าจะเป็นต้นเหตุเหล่านี้ อาจจะมาจากมนุษย์ ในยุคคริสตศตวรรษที่ 18 ชนชั้นสูงในยุโรปกำลังโปรดปรานธรรมเนียมการเลี้ยงสัตว์แปลกๆ ที่ได้มาจากแดนไกล พวกเขาจะใช้ที่ดินจำลองสวนสัตว์และระบบนิเวศเขตร้อนจากแดนไกล เช่น แอฟริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออเมริกาใต้ แล้วนำสัตว์นักล่าอย่างสิงโต เสือดาว เสือจากัวร์ เสือโคร่ง เสือพูม่า ลิงซ์ คาราคัล เซอร์วัล หรือเสือชีตาห์ลงไปไว้ในบ้านของพวกเขา เมื่อเลี้ยงไปและเริ่มเสื่อมความนิยม พวกมันอาจจะต้องเร่ร่อนถูกปล่อยให้หากินตามธรรมชาติ ตัวที่พอปรับตัวได้ก็เริ่มเกิดการผ่าเหล่าและหันมากินปศุสัตว์ที่มนุษย์เลี้ยงไว้แทนอีกที เพราะมีหลายๆ เคสเช่นในปี ค.ศ. 2001 แมวป่าแคนนาเดียนลิงซ์ถูกจับได้ที่สก็อตแลนด์โดยเจ้าหน้าที่เทศบาลท้องถิ่น พวกเขาส่งมันไปศูนย์ฟื้นฟูสัตว์ป่า แต่มันก็ตายลงหลังจากนั้นในห้าเดือนด้วยอาการแทรกซ้อนที่มันได้รับขณะอยู่ในธรรมชาติ ตัวอย่างซากของมันถูกสตัฟฟ์และนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาแห่งสก็อตแลนด์นับแต่นั้น
แม้ว่าสุดท้ายเรื่องนี้อาจจะไม่มีสิ่งลี้ลับเข้ามาเอี่ยวและอีกหลายๆ เคสถูกพิศูจน์ไป แต่แมวยักษ์เหล่านี้ก็แสดงให้เห็นถึงความมักง่ายเห็นแก่ตัวของมนุษย์ในฐานะผู้ที่นำพวกมันออกมาจากบ้านเกิด และทำการปล่อยให้พวกมันใช้ชีวิตในดินแดนใหม่จนทำร้ายสายพันธุ๋อื่นๆ ในท้องถิ่น โชคดีที่ปัจจุบัน การจะครอบครองแมวขนาดใหญ่เหล่านี้ต้องมีใบอนุญาติที่ทำได้ยาก จึงทำให้การเกิดเรื่องราวเหล่านี้เกิดน้อยลงไปในที่สุด