มนต์เสน่แห่ง คิตะคิวชู
8 สิ่งน่าทำในเมืองคิตะคิวชู ฟุกุโอกะ (Kitakyushu, Fukuoka) คิตะคิวชูเป็นเมืองที่รุ่งเรืองในการผลิตมาตั้งแต่อดีต มีสิ่งก่อสร้างของยุคสมัยใหม่อยู่มากมาย หากออกนอกเมืองไปอีกเล็กน้อยก็มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติรออยู่ ในบทความนี้ ผู้เขียนที่อาศัยอยู่ในคิวชูจะแนะนำสถานที่ห้ามพลาด และกิจกรรมน่าทำ 8 อย่างในคิตะคิวชูกันค่ะ
คิตะคิวชู ประตูสู่คิวชู ที่มีเสน่ห์น่าค้นหามากมาย
คิตะคิวชู (Kitakyushu) อยู่ใกล้กับเกาะฮอนชู (เกาะใหญ่ของญี่ปุ่น) โดยมีช่องแคบคัมมงคั่นกลาง ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้คาบสมุทรเกาหลีและประเทศจีน จึงได้รับการพัฒนาด้านการคมนาคมอย่างมาก
ที่นี่เป็นเมืองที่รุ่งเรืองด้านการผลิตมาตั้งแต่สมัยก่อน และยังคงเหลือสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ของสมัยนั้นอยู่มากมาย และหากเดินทางออกไปอีกนิด ก็มีสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติอีกมาก
ในบทความนี้ ผู้เขียนซึ่งอาศัยอยู่ในคิวชูจะขอแนะนำสถานที่ที่ห้ามพลาด และกิจกรรมที่น่าทำ 8 อย่างในคิตะคิวชู เมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันหลากหลายแห่งนี้ค่ะ
คิตะคิวชู (Kitakyushu) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของทั้งจังหวัดฟุกุโอกะและภูมิภาคคิวชู ทิศเหนือติดกับทะเลญี่ปุ่น ทิศตะวันออกติดกับทะเลเซโตะใน ถือเป็นประตูสู่คิวชูเลย
ในเมืองคิตะคิวชูและเมืองนากามะที่อยู่ติดกันมีสมบัติทางวัฒนธรรมเก่าแก่มากมายที่เดินทางผ่านกาลเวลามาพร้อมๆ กับประวัติศาสตร์ของพื้นที่แห่งนี้ มีอาคารโรงหล่อโลหะเก่ายาฮาตะเซเทตสึโชะ และอาคารที่เกี่ยวข้องกันรวม 4 แห่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ในนามของมรดกการปฏิรูปอุตสาหกรรมในยุคเมจิของญี่ปุ่น
อย่างที่บอกไปว่าคิตะคิวชูโดดเด่นด้านการผลิตมาตั้งแต่อดีต บริษัทผลิตสุขภัณฑ์และสายชำระอัตโนมัติอย่าง Toto และบริษัทผลิตหุ่นยนต์สำหรับอุตสาหกรรมที่มีส่วนแบ่งในตลาดเป็นอันดับ 4 ของโลกอย่าง Yaskawa Electric Corporation ก็มีสำนักงานใหญ่อยู่ในคิตะคิวชู
เราไปทำความรู้จักกับเสน่ห์ของคิตะคิวชู เมืองที่มีวัฒนธรรมอันหลากหลายกันเลยดีกว่าค่ะ
1 .อุโมงค์ดอกฟูจิที่ Kawachi Wisteria Garden
สวนดอกฟูจิ (ดอกวิสทีเรีย) ของ Kawachi Wisteria Garden ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 10 สถานที่แสนงามที่มีอยู่จริงในโลก จากเว็บไซต์ท่องเที่ยวต่างประเทศในปี 2012 และ 31 สถานที่แสนงามที่สุดในโลก โดย CNN ของอเมริกาในปี 2015
เมื่อถึงฤดูชมดอกฟูจิช่วงกลางเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคม (อาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับสถานะของดอกฟูจิ) สวนแห่งนี้จะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศที่เดินทางมาชมอุโมงค์ดอกฟูจิแสนสวยนี้
สวนแห่งนี้มีพื้นที่ราว 10,000 ตารางเมตร ภายในสวนมีดอกฟูจิกว่า 22 สายพันธุ์บานสะพรั่ง และเต็มไปด้วยผู้ชมมหาศาล เพราะในทุกๆ ปีช่วงเวลาที่ดอกฟูจิบานจะเป็นช่วงเดียวกับวันหยุดโกลเด้นวีค หรือวันหยุดยาวของคนญี่ปุ่นพอดี จึงมักจะมีรถติดเป็นแถวยาว ในปัจจุบันได้เปลี่ยนระบบการเข้าชมสวนเป็นจองตั๋วก่อนล่วงหน้า ซึ่งถ้าหากจองตั๋วที่ร้านสะดวกซื้อไม่ทันก่อนโกลเด้นวีค ก็จะไม่สามารถเข้าชมภายในสวนได้ค่ะ
สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยู่ต่างประเทศ สามารถหาซื้อตั๋วได้ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนเป็นต้นไปที่เว็บไซต์ JAPANiCAN ค่าเข้าชมสวนจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสถานะการบานของดอกฟูจิ จึงจำเป็นต้องตรวจเช็คในเว็บไซต์ก่อน
เมื่อหมดฤดูของดอกฟูจิ (กลางเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคม สวนจะทำการปิดชั่วคราว และเปิดอีกครั้งในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (กลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม) เพื่อให้เข้าชมสวนที่ถูกย้อมเป็นสีเหลืองแดงจากใบไม้เปลี่ยนสี
สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยู่ต่างประเทศ สามารถหาซื้อตั๋วได้ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนเป็นต้นไปที่เว็บไซต์ JAPANiCAN ค่าเข้าชมสวนจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสถานะการบานของดอกฟูจิ จึงจำเป็นต้องตรวจเช็คในเว็บไซต์ก่อน
เมื่อหมดฤดูของดอกฟูจิ (กลางเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคม สวนจะทำการปิดชั่วคราว และเปิดอีกครั้งในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (กลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม) เพื่อให้เข้าชมสวนที่ถูกย้อมเป็นสีเหลืองแดงจากใบไม้เปลี่ยนสี
Kawachi Wisteria Garden
ที่อยู่ : 2-2-48 Kawachi, Yahatahigashi, Kitakyushu, Fukuoka Google Maps
การเดินทาง : นั่งรถยนต์จากสถานี JR Yahata ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
เว็บไซต์ทางการ : https://kawachi-fujien.com
2. โมจิโคเรโทร เดินเล่นในบรรยากาศย้อนยุคริมทะเล
เมืองโมจิ (Moji) เมืองท่าที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการค้าขายกับต่างประเทศของญี่ปุ่นยุคใหม่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ในสมัยนั้นที่นี่ถือเป็น 1 ใน 3 ของเมืองท่าใหญ่ของญี่ปุ่นเลย (โกเบ, โยโกฮาม่า และโมจิ)
บริเวณโมจิโค (ท่าเรือโมจิ) มีอาคารที่มีกลิ่นอายของอดีตหลงเหลืออยู่มากมาย ตอนนี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของคิวชูในชื่อว่า โมจิโค เรโทร (Mojiko Retro)
อาคารสถานีโมจิโคที่ถูกใช้เป็นที่ทำการเขตชั่วคราวก็ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ตั้งแต่ปี 2012 และมีกำหนดจะเปิดทำการอีกครั้งในปี 2018 เพราะเป็นการปรับปรุงอาคารสถานีเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1891 ชาวเมืองหลายๆ คนจึงเฝ้ารอที่จะได้เห็นโฉมหน้าเต็มๆ อย่างใจจดใจจ่อค่ะ
โมจิโคเรโทร
ที่อยู่ : Moji, Kitakyushu, Fukuoka Google Maps
การเดินทาง : เดิน 3 นาทีจากสถานี JR Mojiko
เว็บไซต์ทางการ : http://www.mojiko.info
3. ลองขึ้นปราสาทโคคุระ
ปราสาทโคคุระ (Kokura Castle) ใช้เวลาเดิน 20 นาทีจากสถานี JR โคคุระ สถานีที่เรียกได้ว่าเป็น "ประตูสู่คิวชู" เพราะเป็นสถานีแรกที่รถไฟชินคันเซ็นจากเกาะใหญ่ฮอนชูจะมาจอดบนเกาะคิวชู
ปราสาทโคคุระเป็นปราสาทที่มีชื่อเสียง สร้างโดยโฮโซคาวะ ทาดาโอกิในปี 1602 ความโดดเด่นคือ "คาระสึคุริ" ที่ชั้น 5 ใหญ่กว่าชั้น 4 ซึ่งเป็นที่แปลกตาในสมัยนั้น เท็นชุคาคุ (*1) ที่เห็นในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 1959 ตามคำเรียกร้องของชาวเมืองคิตะคิวชู ภายในเท็นชุคาคุมีนิทรรศการการเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และมีจุดชมวิวที่มองเห็นเมืองโคคุระได้สุดลูกหูลูกตา มีไฮไลท์ให้ชมเพียบ ที่นี่เป็นจุดชมดอกซากุระช่วงในฤดูใบไม้ผลิที่มีชื่อเสียงด้วย
* เนื่องจากมีการปรับปรุงนิรรศการในเท็นชุคาคุและการก่อสร้างติดตั้งลิฟท์ จึงปิดทำการระหว่างวันที่ 6 สิงหาคม 2018 - 31 มีนาคม 2019
*1 : เท็นชุคาคุ ... สิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดที่ในพื้นที่ของปราสาท เป็นสัญลักษณ์ของปราสาทนั้นๆ ปราสาทในความหมายของญี่ปุ่นไม่ได้หมายถึงอาคารใดอาคารหนึ่งเท่านั้น แต่รวมสิ่งก่อสร้างทุกอย่างที่อยู่ในพื้นที่
ปราสาทโคคุระ
ที่อยู่ : 2-1 Jonai, Kokura, Kitakyushu, Fukuoka Google Maps
การเดินทาง : เดิน 20 นาทีจาก สถานี JR Kokura
เว็บไซต์ทางการ : http://www.kokura-castle.jp/
4. ลองชิมไดกาคุด้ง ที่ตลาดทังกะ
ตลาดทังกะ (Tanga Ichiba) ตลาดแสนคึกคักที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี บ้างก็เรียกที่นี่ว่าเป็นห้องครัวของคิตะคิวชู มีร้านค้ากว่า 120 ร้าน จำหน่ายอาหารทะเล ผัก กับข้าว และสินค้าจากท้องถิ่นอื่นๆ อีกมากมาย
สิ่งที่อยากแนะนำว่าห้ามพลาดถ้ามาตลาดนี้ก็คือ นุกามิโซะทากิ อาหารขึ้นชื่อในโคคุระ ทำจากการนำปลาซาร์ดีนหรือปลาซาบะไปนึ่งกับนุกามิโสะ (*2) มีรสชาติเผ็ดหวานกลมกล่อม รสชาติเข้มข้นเข้ากันได้ดีกับข้าวสวย สามารถหาทานได้ตามร้านต่างๆ ในตลาดทังกะเลยค่ะ
ยังมีอีกเมนูที่ฮิตติดลมบนมาหลายปีคือ ไดกาคุด้ง (Daigaku don) เมนูนี้ไม่ใช่ว่าสั่งแล้วรอมาเสิร์ฟนะ ก่อนอื่นเราต้องไปซื้อข้าวสวย (200 เยน) จากร้านไดกาคุโด (Daigakudo) มาก่อน จากนั้นก็เดินไปซื้อวัตถุดิบอื่นๆ จากในตลาดมาใส่เป็นเครื่อง กลายเป็นข้าวดงบุริตามสไตล์ของตัวเอง แล้วค่อยกลับมานั่งทานที่ร้านไดกาคุโด
ลองไปซื้อปลานึ่งนุกามิโซะยากิที่แนะนำไป หรือซาชิมิ หรือจะเป็นไก่ย่างยากิโทริก็ได้ ราคากับข้าวแต่ละร้านจะไม่เท่ากัน แต่ก็จะราคาราวๆ ประมาณหลายร้อยเยน เมนูนี้เป็นของขึ้นชื่ออันใหม่ของตลาดทังกะ นอกจากจะได้ทานของอร่อยที่ชอบแล้ว ยังมีโอกาสได้พูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าในตลาดด้วย
*2 : นุกามิโซะ ... รำข้าวผสมเกลือคลุกให้เข้ากันด้วยน้ำ เอาไว้ใช้เวลาทำของดอง
ตลาดทังกะ
ที่อยู่ : 4 Uomachi, Kokurakita, Kitakyushu, Fukuoka Google Maps
การเดินทาง : เดิน 10 นาทีจากสถานี JR Kokura
เว็บไซต์ทางการ : http://www.tangaichiba.jp
ไดกาคุโด
ที่อยู่ : 4-4-20 Uomachi, Kokurakita, Kitakyushu, Fukuoka Google Maps
การเดินทาง : เดิน 10 นาทีจากสถานี JR Kokura
เว็บไซต์ทางการ : http://www.daigakudo.net/
5 .สัมผัสธรรมชาติอันแสนยิ่งใหญ่ที่ฮิราโอะได
จากสถานี JR โคคุระ นั่งรถไฟ JR สายฮิตะฮิโกะซัง (Hitahikosan) ประมาณ 30 นาที ลงที่สถานีอิชิฮาระมาจิ (Ishiharamachi) และต่อรถแท็กซี่ไปอีก 15 นาทีก็จะถึงฮิราโอะได (Hiraodai)
ที่นี่นับเป็นหนึ่งใน 3 พื้นที่เขาหินปูนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ได้รับเลือกให้เป็นอนุสรณ์ธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติ และอุทยานธรรมชาติประจำจังหวัด มีธรรมชาติที่กว้างใหญ่ไพศาลจนคิดไม่ถึงเลยค่ะว่านี่เป็นพื้นที่ที่อยู่ในคิตะคิวชู
ที่ฮิราโอะไดมีถ้ำหินปูนกว่า 200 แห่ง ถ้ำหินปูนเซ็นบุตสึ (Senbutsu Cave) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์ธรรมชาติแห่งชาติ สามารถเข้าไปทัศนศึกษาในชุดลำลองและเดินล่องไปตามลำธารเล็กๆ ได้ เป็นเหมือนการผจญภัยเล็กๆ
ฮิราโอะได (หมู่บ้านธรรมชาติฮิราโอะได)
ที่อยู่ : 1-1-1 Hiraodai, Kokura-minami, Kitakyushu, Fukuoka Google Maps
การเดินทาง : นั่งแท็กซี่ 15 นาทีจากสถานี JR Ishiharamachi
เว็บไซต์ทางการ : http://www.hiraodai.jp/sato/
ถ้ำหินปูนเซ็นบุตสึ
ที่อยู่ : 3-2-1 Hiraodai, Kokura-minami, Kitakyushu, FukuokaGoogle Maps
การเดินทาง : นั่งแท็กซี่ 20 นาทีจากสถานี JR Ishiharamachi
เว็บไซต์ทางการ : http://www.senbutsu-cave.com
อ้างอิงจาก: ททท