เรื่องสั้นหลอนหักมุม ตอน เธอผู้นำพาความตาย
เธอผู้นำพาความตาย
คุณเชื่อเรื่องผู้นำพาความตายไม๊ ชั้นหมายถึงคนๆ นึงที่สามารถทำให้ใครบางคนตายได้โดยที่ไม่ตั้งใจ มันเหมือนคนๆ นั้นมียมทูตสิงในตัวหรืออาจจะเป็นปีศาจที่เกิดมาก็ได้ ฟังดูมันเหมือนเรื่องแปลกแต่มันก็มีอยู่จริง ชั้นชื่อฮานะเป็นสาวน้อยวัย16ปีเศษ ชีวิตของชั้นก็เหมือนคนทั่วไปที่เกิดและเติบโตมาในครอบครัวธรรมดาเหมือนคนอื่น แต่ตัวของชั้นนั้นเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อแม่เสียตั้งแต่เด็ก จนชั้นต้องย้ายมาอยู่กับญาติแต่ญาติก็มาเสียชีวิตอีกด้วยอาการป่วยแบบแปลกๆ ที่หมอก็หาสามเหตุไม่ได้จนทำให้หลายคนคิดไปว่ามันต้องเป็นโรคประจำตระกูล ไม่ก็ชั้นนี่ละที่เป็นตัวซวยไปอยู่กับใครครอบครัวไหนคนนั้นก็ตาย จนสุดท้ายก็ได้มาอยู่ร่วมกับญาติห่างๆ ที่เรียกว่าห่างจนแทบไม่รู้จักกันเลย แต่ทุกคนที่นี่ก็ยินดีรับชั้นและไม่เคยคิดว่าชั้นเป็นตัวซวยเหมือนญาติคนอื่นๆ และที่นี่ชั้นก็มีเพื่อนที่เป็นลูกสาวของน้าที่เป็นคนรุ่นเดียวกันชื่อเคียวโกะ “ฮานะจังตื่นได้แล้วเดี๋ยวไปโรงเรียนสายหรอก” เคียวโกะปลุกชั้นที่กำลังหลับสบาย “ตื่นแล้วๆ” ชั้นงัวเงียลุกขึ้นจากที่นอน ขณะที่เคียวโกะนั้นสวมชุดนักเรียนแล้ว ซึ่งถึงเราจะอายุเท่ากันก็เถอะแต่เคียวโกะก็ทำตัวเหมือนเป็นพี่สาวยังไงก็ไม่รู้ “แต่งตัวเร็วเข้าแม่ทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว” เคียวโกะพูดจบก็รีบออกไปจากห้อง “จ้าจ้าคุณพี่สาว” ชั้นบ่นเบาๆ เพราะเคียวโกะเป็นผู้มีพลังเต็มเปี่ยมในการใช้ชีวิต เธอมักจะจริงจังกับทุกเรื่องที่เข้ามาตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่
“ตื่นแล้วหรอฮานะจัง” คุณน้ายิ้มทักทายชั้นด้วยรอยยิ้มที่สดใส “นี่เป็นครั้งแรกที่ชั้นรู้สึกมีความสุขเพราะตั้งแต่ที่ย้ายบ้านไปมานั้น ชั้นต้องทนใช้ชีวิตเหมือนคนใช้ที่ต้องกวาดบ้านถูบ้านบางทีก็ทำอาหารให้คนที่บ้านนั้นๆ กินทุกวัน คงเพราะพ่อแม่ชั้นท่านเป็นเชฟเก่าท่านเลยสอนชั้นทำอาหารหลายเมนู พอมาอยู่ที่บ้านญาติๆ เหล่านั้นชั้นก็ถูกสั่งให้ทำอาหารให้กิน แต่สำหรับที่นี่ชั้นไม่ต้องทำอีกแล้วเพราะคุณน้าคนสวยแม่ของเคียวโกะเป็นคนทำ
“นี่ ฮานะจังเธอรู้ไม๊วันนี้ก็จะครบ 1 ปีที่เธอมาอยู่กับเราแล้ว เร็วดีเนอะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ญาติๆ ทุกคนต่างก็กลัวเธอ คิดว่าเธอคือตัวซวยที่อยู่กับใครคนนั้นก็ตาย แต่มาอยู่กับพวกเราเธอก็ปกติดี พวกคนแก่หัวโบราณไปเอง” เคียวโกะจังพูดกับชั้นระหว่างเดินไปโรงเรียน “ไงสาวๆ” ซาจิคุงขี่จักรยานทักเราสองคนด้วยรอยยิ้ม เกือบลืมคนสำคัญไปอีกหนึ่งคนนั้นคือซาจิคุงแฟนของเคียวโกะ ที่ตั้งแต่ย้ายมาซาจิคุงก็ดีกับชั้นมากๆ ชั้นรักทั้งสองคนเหมือนพี่สาวและพี่ชายตัวเองจริงๆ
“เออใช่เห็นซาจิคุงแล้วนึกได้ ฮานะจังชั้นมีอะไรจะขอร้อง” ระหว่างที่เดินอยู่เคียวโกะผู้จริงจังจับไหล่ชั้นทั้งสองข้างและต้องตาด้วยแววตาสีหน้าจริงจัง จนชั้นแอบกลืนน้ำลายลงคอ “มะมีอะไรหรอ” ชั้นถามด้วยเสียงที่สั่นเพราะคนที่จริงจังขนาดเรื่องการซื้อรองเท้าหรือปากกาที่ต้องดูการใช้งานดูคู่สีดูความเหมาะสม อย่างเคียวโกะจะมาขอร้องคนที่มีขั้วตรงข้ามแบบนี้มันเลยรู้สึกกลัว “ช่วยสอนชั้นทำอาหารทีเถอะ” เคียวโกะกลั้นใจพูดออกมาจนชั้นที่เตรียมตัวรับระเบิดอารมณ์ของเคียวโกะต้องยืนเซ็งและพูดเบาๆ ว่าเอ๋ เท่านั้น เคียวโกะหน้าแดงเมื่อชั้นงงกับสิ่งที่เธอขอ “คือแบบนี้นะ วันก่อนซาจิคุงพูดกับชั้นว่าอยากทานอาหารฝีมือของชั้นดู แต่ชั้นมันไม่มีฝีมือการทำอาหารเลย ต้องเรียกว่าห่วยถึงห่วยสุดๆ แม้จะให้คุณแม่ช่วยสอนแต่ก็ทำไม่อร่อย พอดีชั้นรู้มาว่าพ่อแม่เธอคือเชฟทำอาหารเธอน่าจะเรียนรู้จากท่านมาใช่ไม๊ ช่วยสอนชั้นทำอาหารทีเถอะ” เคียวโกะผู้จริงจังและสมบูรณ์แบบก็มีจุดอ่อนเหมือนกัน “โอเคชั้นจะสอนเธอเอง” เคียวโกะกอดชั้นแน่นด้วยความดีใจ
หลังเลิกเรียนชั้นกับเคียวโกะก็เริ่มวิชาปรุงอาหาร ชั้นสอนวิธีต่างๆ ให้เคียวโกะที่ในตอนแรกชั้นก็เป็นคนทำให้ดูก่อนที่เคียวโกะจะทำตาม ซึ่งเอาจริงๆ ชั้นเองก็ไม่ได้ทำอาหารอร่อยอะไรเลยเท่าที่ชิมฝีมือตัวเองมาหลายครั้ง แต่ทุกคนที่ได้ทานฝีมือชั้นก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าชั้นทำอาหารอร่อย “ไม่ได้เธอต้องหั่นผักแบบนี้ จะทำแกงกะหรี่ให้อร่อยต้องทำด้วยตัวเอง เริ่มจากหั่นเนื้อผักและใส่เครื่องปรุงลงไปเขี้ยวให้เข้ากันแบบนี้” ชั้นทำให้เคียวโกะดูสลับกับที่เคียวกะเป็นคนทำด้วย ชั้นสอนอยู่นานจนสุดท้ายก็ได้ข้าวแกงกะหรี่ที่แสนอร่อยจากฝีมือของชั้นและของเคียวโกะ “ฮานะจังถ้าไม่ได้เธอช่วยชั้นคงแย่แน่ๆ”
รุ่งขึ้นเคียวโกะก็เอาข้าวแกงกะหรี่ใส่กล่องเตรียมให้ซาจิคุง “แหมๆ ทำกับข้าวกล่องให้ซาจิคุงไม่ทำเพื่อแม่บ้างเลยนะ” คุณแม่ของเคียวโกะพูดเสียงน้อยใจ “อย่างว่าแต่คุณน้าเลยหนูก็ไม่ได้กิน” ชั้นบอกกับคุณน้าก่อนที่เคียวโกะจะเอาข้าวกล่องไปให้ซาจิคุงกินกันสองคน โดยมีชั้นแอบดูอยู่ห่างๆ “อื๊มอร่อยมากๆ ฝีมือเคียวโกะจังหรอเนี้ย” ซาจิคุงกินข้าวแกงกะหรี่หมดกล่องจนข้าวไม่เหลือซักเม็ด ขณะที่เคียวโกะก็หันมาแอบส่งนิ้วโป้งให้ชั้น ซึ่งหลังจากวันนั้นชั้นก็สอนเคียวโกะทำอีกหลายเมนูที่เน้นความน่ารักสดใสของเธอจนข้าวกล่องของเคียวโกะเป็นที่พูดถึงในโรงเรียน โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าชั้นอยู่เบื้องหลัง ซึ่งวันไหนที่ชั้นไม่ได้ลงมือช่วยอาหารก็จะไม่ค่อยอร่อยถูกปากซาจิคุง จนชั้นต้องมาเป็นคนปรุงและแนะนำทุกครั้ง ซึ่งถึงแม้ชั้นจะเกลียดการทำอาหารขนาดไหนก็ตามแต่เพื่อเคียวโกะชั้นสามารถทำได้
“เคียวโกะจังวันนี้ทำอะไรมากินหรอ” ซาจิคุงที่น่าจะดูอ้วนท้วมกับกลายเป็นคนผอมที่ปกติก็เป็นคนผอมอยู่แล้วนี่กลับผอมมากขึ้น “วันนี้มี” เคียวโกะพูดไม่ทันจบซาจิคุงก็แย่งกล่องข่าวจากมือเคียวโกะมากินอย่างคนหิวโหย “ขอโทษทีชั้นไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวานที่กินข้าวของเคียวโกะ คือตั้งแต่ที่ชั้นได้กินอาหารฝีมือเคียวโกะชั้นก็ไม่อยากกินอะไรอีก มันอยากกินแค่อาหารของเคียวโกะเท่านั้น” ซาจิบอกกับเคียวโกะจนเธอมาปรึกษาชั้นเรื่องนี้ “เธอแอบใส่ยาเสน่ห์ลงไปในกับข้าวรึเปล่าซาจิคุงถึงดูผอมขนาดนี้” เคียวโกะผู้จริงจังถามชั้น “เปล่านะชั้นจะทำแบบนั้นทำไม” เคียวโกะจังไม่เชื่อชั้น รุ่งขึ้นเธอก็ไปสารภาพความจริงกับซาจิคุงว่าเธอไม่ได้เป็นคนทำอาหารแต่เป็นชั้น หลังจากวันนั้นซาจิคุงกับเคียวโกะก็เลิกกัน และดูเหมือนซาจิจะมาชอบชั้นเสียอย่างนั้น ซึ่งแน่นอนว่าเคียวโกะต้องไม่พอใจแน่ๆ ชั้นจึงบอกปัดไปแบบไม่สนใจใยดีเพราะชั้นก็ไม่ได้คิดอะไรกับซาจิคุงอยู่แล้ว ซึ่งหลังจากที่ชั้นบอกปัดซาจิไปเขาก็หายหน้าไม่มาโรงเรียนหลายวัน ขณะที่เคียวโกะเองก็ไม่คุยกับชั้น เราสองคนกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักกัน
หลายวันผ่านไปซาจิคุงก็กลับมาเรียนได้ปกติ คราวนี้เขามาขอโทษชั้นที่ทำเรื่องแย่ๆ ลงไป “ขอโทษเรื่องเมื่อตอนนั้นด้วยนะ พอดีชั้นเป็นพวกถ้าชอบกินหรือถ้าได้กินอะไรที่ถูกปากจะกินแต่แบบนั้นจนไม่สนใจอย่างอื่น และชั้นก็มาเจออาหารฝีมือฮานะจังเลยติดใจอาการกำเริบ นี่ก็ให้แม่พาไปหาหมอตอนนี้หายแล้ว” ซาจิบอกกับชั้นก่อนจะไปบอกเรื่องนี้กับเคียวโกะจนเธอรู้ว่าไม่ใช่ฝีมือชั้นที่เป็นคนทำเราทั้งคู่จึงกลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม
“นี่ฮานะจังคอนเสิร์ตทักกี้คุงจะจัดแล้วนะเอาไงดี” ระหว่างที่ชั้นกำลังนั่งทำรายงานเคียวโกะจังก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องด้วยน้ำเสียงตกใจ “จริงหรอ” ชั้นที่เป็นแฟนทักกี้คุงก็ดีใจมากๆ “นี่เป็นคอนเสิร์ตแรกหลังจากที่แยกจากวงมิดไนท์เลยแบบนี้ต้องไม่พลาด” ชั้นดีใจลันล๊าก่อนจะดูเงินในกระเป๋าที่แทบจะมีลมพุ่งออกมา “คงต้องหางานพิเศษทำแล้วแต่จะทำอะไรดีคอนเสิร์ตจะเริ่มเดือนหน้าแล้วด้วย” ชั้นลงไปนอนดิ้นไปมาด้วยความเจ็บใจ “เอางี้ไม๊ พอดีชั้นได้ข่าวว่าคุณป้าแม่ครั้งที่โรงเรียนเขาต้องการผู้ช่วยเธอไปสมัครดูไม๊” ชั้นตกลงรับทันทีเพราะถ้าเป็นอย่างอื่นชั้นคงไม่ถนัด รุ่งขึ้นชั้นจึงไปสมัครซึ่งด้วยเครดิตที่ซาจิคุงกับเคียวโกะจังช่วยรับรองชั้นจึงได้มาทำงานในครัวเป็นผู้ช่วย ซึ่งเคียวโกะและซาจิคุงเป็นเพียงคู่เดียวที่ไม่ขอทานอาหารของชั้น เคียวโกะให้เหตุผลว่าเธอต้องไม่กินเป็นเพื่อซาจิ เพราะเดี๋ยวถ้าอาการเขากลับมาเป็นอีกจะงานเข้า พออธิบายมาแบบนี้ถึงจะน้อยใจแต่ชั้นก็เข้าใจ หลังจากนั้นชั้นก็เริ่มงานแม่ครั้วซึ่งเอาจริงๆ งานผู้ช่วยก็ไม่ได้มีอะไรเท่าไหร่ ซึ่งชั้นก็แค่ช่วยหยิบจังนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น จนวันนึงป้าแม่บ้านที่เป็นแม่ครัวหลักป่วยกระทันหัน ชั้นเลยต้องรับหน้าที่ทำอาหารเองทุกอย่างตั้งแต่ต้นเพียงคนเดียว เพราะเหตุนี้ชั้นจึงรู้ว่าการทำงานนั้นไม่ง่ายเลย แถมปกติชั้นจะทำแค่จานเดียวแต่นี่คือทำทั้งหม้อและหลายอย่างเพื่อให้คนทั้งโรงเรียน ชั้นจึงลุยแบบสุดฝีมือเพื่อทำอาหารให้ดีที่สุด เสียงกริ่งบอกเวลาพักอาหารจึงถูกแจกจ่ายออกไปทั้งโรงเรียน ทุกคนต่างกินอาหารฝีมือชั้นอย่างเอร็ดอร่อย ซึ่งมีชั้นเคียวโกะและซาจิคุงที่ยืนดูด้วยความภาคภูมิใจ
“เอ๋” เคียวโกะจังอุทานออกมาเมื่อจู่ๆ เพื่อนๆ ในโรงอาหารหลายคนก็เริ่มทะเลาะกันอย่างรุนแรง ที่เริ่มจากคนไม่กี่คนจนกลายมาเป็นทั้งโรงเรียนที่ตอนนี้ต่างแย่งกันกินอาหารของชั้นเหมือนคนบ้าที่หิวโหย ทุกคนต่อสู้กันอย่างรุนจนถึงกับฆ่ากันเองก็มี ขณะที่บางคนก็ล้มลงไปชักนอนบนพื้นเหมือนถูกยาพิษ “เกิดอะไรขึ้น” ชั้นกับเคียวโกะและซาจิคุงต่างตกใจในสิ่งที่เห็น และมองมาทางชั้นเหมือนชั้นเป็นปีศาจจนพยายามเดินหนีชั้น และเมื่อทุกอย่างสงบลงตำรวจก็ตรวจสารพิษในอาหารกับเลือดทุกคนก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ รวมถึงตัวชั้นด้วย ชั้นพยายามหาคำตอบจนคิดถึงวันเวลาเก่าๆ ที่อยู่กับพ่อแม่ชั้นตั้งใจทำอาหารให้พวกท่านทาน พอมาอยู่กับญาติๆ ชั้นหงุดหงิดไม่เต็มใจทำอาหารให้ทุกคนกินทุกวัน ส่วนวันนี้ชั้นตั้งใจทำอาหารอย่างสุดกำลัง เอ หรือว่าความตั้งใจของชั้นจะเป็นพิษกัน....จบ