หนทางคืนสู่อำนาจ "สุมาอี้" แกล้งป่วยจนศัตรูตายใจ ลูกหลานยิ่งใหญ่กว่าฮ่องเต้
สวัสดีครับ ในกระทู้จะขอกล่าวถึง 'สุมาอี้' ที่ปรึกษาของโจโฉ ผู้วางแผนลับดาบ 10 ปี เพื่อใช้งาน 1 วันกันนะครับ
หนทางคืนสู่อำนาจ "สุมาอี้" แกล้งป่วยจนศัตรูตายใจ ลูกหลานยิ่งใหญ่กว่าฮ่องเต้
หากพูดถึงผู้ชนะในเกมการเมืองของวรรณกรรมสามก๊ก แน่นอนว่าต้องเป็น ‘ตระกูลสุมา’ ที่สุดท้ายได้คุมอำนาจเบ็ดเสร็จ สยบทั้งจ๊กก๊กของเล่าปี่ ง่อก๊กของซุนกวน และแม้กระทั่งวุยก๊กของโจโฉที่ตัวเองเคยรับใช้ เป็นการจบสงครามสามก๊กที่กินเวลากว่า 60 ปี
.
ชัยชนะนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มี ‘สุมาอี้’ นักปราชญ์ยอดขุนพล ที่นอกจากจะแสดงผลงานโดดเด่นในยุคสมัยของตัวเองแล้ว ยังวางรากฐานให้วงศ์ตระกูลมีอำนาจทางการเมือง คุมทั้งขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ จนแม้แต่ฮ่องเต้ของวุยก๊กที่เป็นลูกหลานของโจโฉก็ยังต้องอยู่ใต้อำนาจ
.
ในวรรณกรรมสามก๊ก เมื่อขงเบ้งเสียชีวิต สุมาอี้ก็แทบไร้คู่ปรับในแผ่นดิน แถมพระเจ้าโจยอยฮ่องเต้วุยก๊กที่มีความสามารถ ยังมาสิ้นพระชนม์ลงไปอีก พระเจ้าโจฮองราชบุตรที่อายุยังน้อยขึ้นมาเป็นฮ่องเต้แทน แต่โจซองแม่ทัพใหญ่ตระกูลโจมีความต้องการยึดอำนาจทางทหารไว้เพียงผู้เดียว จึงแต่งตั้งให้สุมาอี้เป็นราชครูเพื่อขับเขาออกจากการคุมกองทัพ ทว่าโจซองก็ยังระแวงอยู่ดี จึงส่งคนไปดูที่บ้านสุมาอี้ ปรากฏว่าเห็นสุมาอี้ป่วยหนัก ต้องมีคนใช้ป้อนอาหารเหลวให้ตลอด แถมพูดจาก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ทำให้โจซองเชื่อว่าเขาป่วยจริงๆ เพราะตัวสุมาอี้ก็อายุมากแล้ว
.
หลังจากตระกูลโจมองว่าสุมาอี้ไม่เป็นภัย ก็ไม่มีการระวังตัว และไม่รู้เลยว่าทั้งหมดมันคือการแกล้งทำของสุมาอี้ สุดท้ายพระเจ้าโจฮองก็ถูกสุมาอี้และลูก 2 คน ได้แก่ สุมาสู และสุมาเจียว ร่วมกันทำรัฐประหารยึดอำนาจทางการเมืองเอาไว้ทั้งหมด โจซองโดนประหาร ส่วนพระเจ้าโจฮอง แม้จะยังเป็นฮ่องเต้ต่อไป แต่ก็เป็นแค่หุ่นเชิดของตระกูลสุมาเท่านั้น
.
อย่างไรก็ตามสุมาอี้ เสียชีวิตในวัย 73 ปี แม้ไม่เคยสถาปนาตัวเองเป็นฮ่องเต้ แต่ลูกหลานเขาก็มีอำนาจล้นฟ้าหลังจากนั้น และก็เป็นตระกูลสุมาที่ชนะเกมการเมืองสามก๊กได้ในที่สุด พร้อมกับสถาปนาราชวงศ์จิ้นขึ้นมา
.
ทั้งนี้ ใน ซีรีส์สามก๊กปี 1994 (ตอนที่ 14) โจโฉเคยกล่าวไว้ว่า ‘มังกรย่อมเปลี่ยนแปรตามสถานการณ์ ยามใหญ่ก็ฟ้อนเมฆเหินหาว ยามเล็กก็ซ่อนตัวตน ยามปรากฏก็ผงาดกลางฟ้า ยามเร้นกายก็แทรกบังอยู่ในคลื่น’
.
หลังจากได้อ่านเรื่องราวของสุมาอี้ในวรรณกรรมแล้ว ดูเหมือนเขานี่แหละคือมังกรแบบที่โจโฉว่าจริงๆ ?
สรุป แน่นอนว่าในบางสถานการณ์นั้น อาจจะไม่เอื้ออำนวยให้เราทำการใหญ่ แต่หากเราดูอย่างสุมาอี้ หรือเล่าปี่ ซึ่งโจโฉเคยเปรียบเทียบว่า ‘มังกรย่อมเปลี่ยนแปรตามสถานการณ์ ยามใหญ่ก็ฟ้อนเมฆเหินหาว ยามเล็กก็ซ่อนตัวตน ยามปรากฏก็ผงาดกลางฟ้า ยามเร้นกายก็แทรกบังอยู่ในคลื่น’ แน่นอนว่าสถานการณ์แบบนี้ อาจจะหมายถึงว่า เราจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์นั้น เพื่อให้เราเอาภาวะรอดจากช่วงวิกฤตดังเช่น สุมาอี้หรือเล่าปี่ หากเป็นสมัยนี้คงมีคำกล่าวว่า 'ในที่ทำงาน ขอให้อยู่เป็น' และรอจนกว่าโอกาสจะเป็นใจให้กับเรา
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ สามารถแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ แล้วพบกันกระทู้หน้าครับ
อ้างอิงจาก: SpringNews