ไจ้เฟิง พระราชบิดาของจักรพรรดิผู๋อี๋
🐉ไจ้เฟิง พระราชบิดาของจักรพรรดิผู๋อี๋🐉
🔸อ้ายซินเจว๋หลัว ไจ้เฟิง (ฉุนหวังที่ 2 ชั้น 1) เป็นพระโอรสพระองค์ที่ 5 ของเจ้าชายอี้เซฺวียนกับพระชายาหลิว และเป็นพระอนุชาต่างพระมารดาของจักรพรรดิกวังซวี่ด้วยครับ
🔸พระราชสมภพ 12 กุมภาพันธ์ ปี 1983 ภายหลังปี ค.ศ.1891 พระราชบิดาทรงสิ้นพระชนม์ ไจ้เฟิงจึงได้ขึ้นเป็นฉุนหวังเมื่อพระชนมายุเพียง 8 พรรษา
🔸ในปีค.ศ. 1900 ขณะเกิดกบฏนักมวย และพันธมิตรแปดชาติบุกกรุงปักกิ่ง พระคู่หมั้นได้กระทำอัศวัตินิบาตกรรมเพื่อรักษาพระองค์ไม่ให้ถูกกองทหารต่างชาติรุมย่ำยี
🔸ช่วงระหว่างปลายเดือนกุมภาพันธ์และต้นเดือนมีนาคม ค.ศ.1901 ไจ้เฟิงทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจทหาร
🔸เดือนมิถุนายน ปี ค.ศ.1901 ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตพิเศษ เพื่อไปเป็นตัวแทนราชสำนัก แสดงความเสียพระหฤทัยที่ บารอน แวน เกทเทเลอร์ ทูตชาวเยอรมัน ถูกสังหารระหว่างกบฏนักมวย
🔸เดือนกรกฎาคม ทรงเดินทางไปที่เบอร์ลิน และพบกับพระเจ้าไกเซอร์ที่เบอร์ลิน
🔸เดือนกันยายน ทรงเดินทางไปทั่วทวีปยุโรป นับเป็นเชื้อพระวงศ์ชิงที่ได้ไปต่างประเทศมากที่สุดพพระองค์หนึ่ง
🔸ในช่วงเวลานั้นพระนางซูสีไทเฮา ทรงพอพระทัยกับไจ้เฟิงมาก จากการที่เขา"ไม่ยอมคุกเข่า"ให้กับไกเซอร์ ซึ่งตามธรรมเนียม ทูตต้องคุกเข่าให้กับจักรพรรดิ เเต่อย่างไรก็ตามซูสีไทเฮามักจะกังวลกับไจ้เฟิงที่อาจจะ "ทรงรู้เยอะเกินไป"
🔸ซึ่งหลังจากที่จักรพรรดิกวังซวี่สวรรคต พระนางซูสีก็ได้นำพระราชบุตรของพระองค์ (ผู่อี๋) ขึ้นครองราชย์เป็นพระจักรพรรดิเซวียนถ่ง ส่วนซูสีไทเฮาก็สิ้นพระชนม์ไม่กี่วันถัดมา โดยที่พระองค์เป็นผู้สำเร็จราชการเเทน
🔸แต่พระองค์ก็ถูกพระนางหลงยฺวี่(หลานสาว ซูสีไทเฮา) ณ เวลานั้นเป็นพระพันปีหลงยฺวี่ เเซกเเซงมาตลอด เเละท้ายที่สุดได้ใช้อำนาจถอดไจ้เฟิงออกจากการเป็นผู้สำเร็จราชการ โดยทรงตรัสว่า "ฉันกลับมาแล้ว ฉันจะกลับมาดูแลลูก"
📌(ทรงรับ(จักรพรรดิผู่อี๋) มาเป็นพระโอรสเลี้ยงในปี ค.ศ. 1908) เเละคอยว่าราชการหลังม่านในรัชกาลจักรพรรดิผู้อี้ เรื่อยมา
🔸หลังจากการเปลี่ยนระบอบเป็นสาธารณรัฐ ก็ทรงดำเนินชีวิตของพระองค์อย่างสงบ
โดยซุนยัตเซ็นได้เข้ามาเยี่ยมพระองค์อยู่บ่อยๆ
🔸ในปี ค.ศ. 1928 ทรงย้ายไปพำนักที่เทียนจิน ภายใต้การดูแลจากอังกฤษและญี่ปุ่น แต่ปีค.ศ. 1939 ทรงย้ายกลับมาที่วังของพระองค์ในปักกิ่งระหว่างที่เทียนจินเกิดอุทกภัย
🔸 และทรงไม่พอพระทัยที่พระราชบุตร(ผู่อี๋)ของพระองค์ต้องเป็นหุ่นเชิดของญี่ปุ่นในรัฐแมนจูกัว ในขณะที่ผู่อี๋เอง แม้ต้องการให้พระราชบิดาย้ายมาที่แมนจูกัว แต่พระราชบิดาทรงไม่ยอมรับเลย
🔸หลังจากสงครามกลางเมืองสิ้นสุดโดยพรรคคอมมิวนิสต์ชนะ พระองค์ได้รับการดูแลจากทางพรรค บั้นปลายพระชนม์ชีพ
🔸เเละทรงทุ่มเทพระวรกายบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการช่วยเหลือประเทศชาติและประชาชน รวมถึงการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยแม่น้ำฮุย
เเละทรงสิ้นพระชนม์เมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 1951 ด้วยพระชนมายุ 67 พรรษา
#jarnmooChannel
#ประวัติศาสตร์