หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เรื่องสั้นกรุงเทพเมืองซอมบี้ ตอนที่ 13 จุดเริ่มต้นเชื้อซอมบี้

เนื้อหาโดย yongyee

ตอนที่13.จุดเริ่มต้นเชื้อซอมบี้

 

               6วันก่อนเหตุการณ์ซอมบี้ถล่มเมือง....

 

               "แม่ผมไปมหาลัยก่อนนะ" แอ๊ดนักศึกษาชายผมยาวผิวเข้มร่างผอมบอกกับแม่ ก่อนจะเดินออกจากบ้านในชุดนักศึกษา

 

               ชีวิตของแอ๊ดก็เหมือนนักศึกษาชายทั่วไป ไม่มีอะไรพิเศษไปกว่าคนอื่น เขาเข้าเรียนตามวิชาที่ลงเอาไว้ เวลาว่างก็ไปเที่ยวกับเพื่อนๆตั้งวงเล่นดลตรี ไม่ก็จีบสาวเหมือนวัยรุ่นธรรมดาๆทั่วไป

 

               "กินข้าวแล้วจ๊ะแม่ วันนี้มีเรียนไม่กี่วิชา จ๊ะหนูจะดูแลตัวเอง" นุชนักศึกษาหญิงผิวขาวหมวยร่างท้วม เธอเดินคุยโทรศัพท์ระหว่างเดินเข้ามหาวิทยาลัย

 

               นุชนักศึกษาหญิงธรรมดาๆคนนึง ที่ไม่มีอะไรพิเศษต่างกับคนอื่น เธอเป็นเด็กต่างจังหวัดเข้ามาเรียนในกรุงเทพ เวลาว่างก็อ่านหนังสือไปเที่ยวซื้อเสื้อผ้ากับเพื่อนๆ ใช้เงินที่พ่อแม่ส่งมาให้เท่าที่ทำได้ เรียกได้ว่าใช้ชีวิตธรรมดาแบบคนทั่วไป

 

               "วันนี้กินเหล้าที่ไหนดี!!!" เต้นักศึกษาชายหน้าตาดีเดินคุยเล่นกับเพื่อนๆอย่างสนุกสนาน ระหว่างเดินเข้ามหาวิทยาลัย

 

              เต้ชายหนุ่มหน้าตาดีที่ก็ไม่มีอะไรพิเศษไปกว่าคนอื่น เวลาว่างก็เที่ยวเล่นกินเหล้าจีบสาวใช้ชีวิตสนุกสนานโดยไม่ค่อยสนใจการเรียน

 

               ทั้ง3คนไม่รู้จักกันแม้จะอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ทั้ง3คนใช้ชีวิตตามแบบของตนในฐานะมนุษย์คนนึง และทั้ง3คนก็ไม่มีอะไรพิเศษแตกต่างไปจากคนอื่นๆอีกหลายๆคนในโลกใบนี้....

 

             ห้องเรียน.

 

            "นักศึกษาวันนี้เราจะมีวิทยากรพิเศษมาให้ความรู้ของเราเรื่องของสิ่งแวดล้อม" อาจารย์สาวแก่สวมแว่นร่างผอมถือไมค์บอกกับนักศึกษา40คนที่กำลังนั่งรอเรียนวิชาที่ตนลงเอาไว้ รวมถึงแอ๊ด นุช และเต้ที่เข้าเรียนด้วยเช่นกัน

 

             "สวัสดีครับนักศึกษาทุกคน" ชายร่างผอมอายุราวๆ40ปีเศษ ท่าทางภูมิฐานใส่สูทสีดำผมหวีเข้าทรง เดินถือไมค์พูดหน้าห้องแทนอาจารย์สาวแก่ที่เดินจากไป

 

             ชายคนนี้สอดส่ายสายตามมองหน้านักศึกษาทุกคนในชั้น เมื่อเว้นช่วงทักทายออกไป และไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมานอกจากความเงียบงัน

 

            "ผมชื่อสุนทรเป็นวิทยากรพิเศษที่จะมาให้ความรู้นักศึกษาทุกคนเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม" สุนทรเว้นช่วงอีกครั้งเพื่อมองหน้านักศึกษาที่กำลังนั่งฟังตน "ทุกคนอาจจะคิดว่าเรื่องราวของสิ่งแวดล้อมนั้นไกลตัว ไม่เกี่ยวอะไรกับเราไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ ไม่จำเป็นต้องไปสนใจอะไรก็ได้ ถ้าคุณคิดแบบนั้นนะครับคุณคิดผิด...."

 

            1ชั่วโมงที่นักศึกษากว่า40คนที่นั่งฟัง ต่างรู้สึกอึ้งทึ่งกับสิ่งที่นายสุนทรพูดออกมาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ทั้งเรื่องมลพิษที่เกิดจากท่อไอเสียของรถที่ปล่อยออกมา ทั้งขยะต่างๆที่มนุษย์ทิ้งจนกองเป็นภูเขา หรือแม้แต่การตัดไม้ทำลายป่าที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง นายสุนทรพูดให้นักศึกษาทุกคนเห็นภาพ ในสิ่งที่มนุษย์กำลังทำลายธรรมชาติอย่างต่อเนื่องตลอดที่บรรยาย และมีภาพประกอบวีดีโอในสิ่งที่เขาอธิบายออกไป จนนักศึกษาทุกคนต่างพากันนั่งนิ่งจ้องมาทางนายสุนทรตาไม่กระพริบ

 

             "พวกคุณทุกคนเป็นคนทำสิ่งนี้ครับ ไม่ว่าจะเป็นคุณผมพ่อแม่พี่น้องลุงป้าน้าอาหรือคนที่คุณไม่รู้จัก ต่างก็สร้างมลภาวะให้กับโลกด้วยกันทั้งนั้น ถึงเวลาแล้วที่พวกคุณจะลุกขึ้นมาเสียสละเพื่อทำให้โลกนี้สะอาด" นายสุนทรเว้นวรรคมองหน้านักศึกษาในห้องอีกครั้ง "โลกของเราสกปรกขึ้นทุกวัน นับวันจะยิ่งเสื่อมโทรมลงเรื่องๆ สัตว์ป่าค่อยๆล้มตายสูญพันธุ์ไปทีล่ะสายพันธุ์ ป่าไม้ที่เคยมีก็เริ่มถูกคุกคามตัดทำลายไปเรื่อยๆ พวกคุณช่วยได้ครับ สองมือเล็กๆของพวกคุณนั่นล่ะครับที่ช่วยได้...."

 

            หมดชั่วโมงบรรยายนายสุนทรก็ออกมาจากห้องเรียนเพื่อมาที่รถของตน....

 

            "อาจารย์!!!" เมื่อสุทรมาถึงรถเขาก็พบนักศึกษาหลายคนที่เมื่อสักครู่ได้นั่งฟังบรรยาย มายืนรอเขาอยู่ที่รถกันอย่างพร้อมหน้า รวมทั้ง แอ๊ด นุช เต้ ที่เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน

 

            "พวกคุณต้องการอะไร" สุทรพูดในสิ่งที่ตนเองก็รู้ว่ามันคืออะไร

 

            "พวกเราอยากช่วยโลกใบนี้ครับ/คะ" นักศึกษาหลายคนพูดพร้อมกัน

 

             ชายหนุ่มวัยกลางคนยิ้มที่มุมปากน้อยๆด้วยความพอใจ "ได้ ขอต้อนรับทุกคนสู่ Sacrifice for the world (เสียสละเพื่อโลก)"

 

             1 วันก่อนเหตุการณ์ซอมบี้ถล่มเมือง

 

             สถานีตำรวจ.

 

             หญิงสาววัยยี่สิบกลางๆในชุดสีขาวกระโปรงสีดำผมยาว เดินเข้ามาในสถานีตำรวจกลาง เธอสอดส่ายสายตามองนายตำรวจที่กำลังทำงานอยู่ในออฟฟิศเมื่อเข้ามาด้านใน

 

             "มาหาใครครับ" นายตำรวจชายคนนึงถามหญิงสาวคนนั้น

 

              "ฉันอยู่มูลนิธิกระจกเงาได้รับการติดต่อมาจากนายตำรวจวรินวัฒน์ค่ะ เขาต้องการทราบข้อมูลเรื่องคนหาย ฉันเลยมาให้ข้อมูลคะ" หญิงสาวบอกกับนายตำรวจ

 

               "อ๋อ เชิญครับทางนั้นเลยที่โต๊ะหลังสุด" นายตำรวจหนุ่มชี้ไปที่โต๊ะหลังสุดของห้องทำงาน

 

              หญิงสาวเดินถือเอกสารตรงไปที่โต๊ะด้านหลังห้อง ที่มีแต่แฟ้มเอกสารกองท่วมท้นจนบังคนที่นั่งด้านหลังจนหมด เมื่อมาถึงโต๊ะเธอก็พบนายตำรวจวัยสามสิบปลายๆกำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่บนโต๊ะ

 

              "คุณตำรวจ คุณตำรวจ!!!! คุณตำรวจคะ!!" หญิงสาวเรียกนายตำรวจหนุ่มอยู่หลายครั้งแต่เขาไม่สนใจ จนเธอเริ่มตะเบงเสียงนายตำรวจหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นมามองเธอ

 

              "ฉันมาริสาจากมูลนิธิกระจกเงาที่คุณติดต่อขอข้อมูลเรื่องคนหายคะ" มาริสาพูดด้วยท่าทางไม่พอใจ เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางของชายหนุ่ม ที่ดูสะลึมสะลือเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน

 

               "อ๋อครับใช่ๆ ผมวรินวัฒน์เรียกผมว่าเน็กซ์ก็ได้ครับคุณ...เอ่อ มาริสา...ใช่ไหมครับ" นายตำรวจหนุ่มขยี้ตาแรงแรงๆเมื่อมองหน้าหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะ

 

               "เรียกว่าสาก็ได้คะ" หญิงสาวบอกพร้อมกับส่งเอกสารให้เขา "นี่คือเอกสารเกี่ยวกับนักศึกษาที่หนีออกจากบ้านในช่วงเดือนนี้ ตอนนี้ที่ทางมูลนิธิได้รับรายงานมีทั้งหมด69คน"

 

               "ขอบคุณครับ" เน็กซ์นายตำรวจหนุ่มรับเอกสารมาอ่าน เขาอ่านไปหาวไปจนสารู้สึกหงุดหงิด

 

               "รับกาแฟซักแก้วไหมคะจะได้ตาสว่าง...." สาพูดประชดกับนายตำรวจหนุ่ม

 

               "ก็ดีครับ....ขอแบบเข้มๆนะครับจะได้ตาสว่าง" นายตำรวจหนุ่มพูดไปหาวไปโดยไม่สนใจท่าทางประชดประชันของหญิงสาวเลย

 

                "ค่ะ" สารู้สึกโมโหหนักกว่าเดิม เธอเดินเชิดหน้าไปซื้อกาแฟด้วยความไม่พอใจ

 

                "คนอะไรก็ไม่รู้ ด่าประชดแล้วยังไม่รู้ตัวอีก!!! ทางเรารึก็เครียดเรื่องคนหายจะตายอยู่แล้ว ยังต้องมาให้ข้อมูลกับตำรวจที่อู้งานแอบหลับในที่ทำงานอีก แบบนี้จะหวังพึ่งตำรวจได้ไหมเรา!!!" สาเดินไปบ่นไประหว่างซื้อกาแฟ

 

                เมื่อมาถึงโต๊ะทำงานของนายตำรวจเน็กซ์เธอก็ยิ่งโมโหหนักเข้าไปอีก เมื่อเห็นนายตำรวจหนุ่มนั่งหลับเอาแฟ้มปิดหน้าอยู่บนโต๊ะ

 

                 "คุณตำรวจ!!!!" สาจงใจทำเอกสารบนโต๊ะหล่นใส่นายตำรวจเพื่อให้เขาตื่น

 

               "คุณนั่นเอง นี่ผมเผลอหลับไปใช่ไหม แย่จริงๆ" นายตำรวจหนุ่มพูดยิ้มๆระหว่างรับกาแฟมาดื่ม

 

                "เมื่อคืนคงหนักน่าดูเลยสินะค่ะ" สาพูดประชดระหว่างดูเอกสารบนโต๊ะทำงานของเขา

 

                 "ครับ" นายตำรวจหนุ่มพยักหน้าตอบ "เมื่อคืนผมอยู่ที่นี่ทั้งคืน เพื่ออ่านแฟ้มคดีคนหายกับข้อมูลบางอย่างที่น่าจะเกี่ยวกับคดี เพิ่งจะเผลอหลับไปตอนที่โทรติดต่อทางมูลนิธินั่นล่ะครับ" เขาพูดยิ้มๆด้วยท่าทางอายๆ

 

                "ไม่กลับบ้านแบบนี้เดี๋ยวภรรยาที่บ้านจะหาว่ามีน้อยได้นะคะ" สาพูดเป็นเชิงประชดเมื่อเห็นรูปถ่ายนายตำรวจกับหญิงสาวอีกคนบนโต๊ะ

 

                 "อ๋อผมโสดครับ ที่บ้านก็มีแต่พี่สาวที่นั่งอยู่บนคานทองรออยู่ที่บ้านครับ" นายตำรวจเน็กซ์พูดยิ้มๆเป็นเชิงล้อเล่น

 

                สาเริ่มรู้สึกมองนายตำรวจคนนี้เสียใหม่หลังจากที่เธอเห็นความมุ่มเทของเขาในการสืบคดี

 

               "คดีคืบหน้าไปแค่ไหนแล้วคะ" สาถามนายตำรวจเน็กซ์เมื่อเห็นเขาอ่านแฟ้มเอกสาร

 

               "ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเท่าไหร่ครับ" นายตำรวจเน็กซ์ส่ายหน้าระหว่างดื่มกาแฟ "เราทราบแค่เพียงว่าคนที่หายตัวไปเกือบทั้งหมดเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าเป็นการลักพาตัวหรือเรียกค่าไถ่ นักศึกษาที่หายไปก็เป็นนักศึกษาธรรมดาที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น ไม่มีพ่อแม่ที่เป็นนักการเมืองเป็นดารานักร้อง เป็นแค่คนธรรมดาๆทั่วไปที่จู่ๆก็หายออกไปจากบ้าน" นายตำรวจเน็กซ์เกาหัวระหว่างพูด

 

                "ทางเราก็เครียดเอามากๆ เพราะไม่มีเบาะแสอะไรบ่งบอกเลยว่าพวกเขาหายไปไหน" สาคิ้วขมวดเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

 

                "แบบนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้เลยนะครับ" นายตำรวจเน็กซ์เงยหน้ามองสา "แล้วคุณได้คุยกับผู้ปกครองของนักศึกษาที่มาแจ้งคนหายรึยังครับ"

 

                "ทำแล้วคะ พ่อแม่ของนักศึกษาที่หายตัวไปพูดแบบเดียวกันค่ะว่า ไม่ทราบว่าลูกตัวเองหายไปไหน ไปกับใคร ไปทำอะไร จู่ๆก็เก็บกระเป๋าออกไปจากบ้านแล้วก็ไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย" สาให้ข้อมูลที่ได้มา "ปกติคนที่หนีออกไปจากบ้านต้องเป็นคนที่มีปัญหาทางจิต หรือมีปัญหาทางครอบครัว ไม่ก็ติดเพื่อน ทุกคนต้องมีสาเหตุที่ทำแบบนั้น แต่ทั้งหมดที่เราทราบมาไม่มีเรื่องราวแบบนั้นเลยคะ" เธอรู้สึกเครียดขึ้นมาทันทีเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

 

                 "นั่นล่ะครับปัญหาที่เราต้องแก้" นายตำรวจเน็กซ์ส่งหนังสือเล่มโตที่เป็นภาษาอังกฤษให้สาดู

 

                 "doctrine belief brainwash!!!! (ลัทธิ ความเชื่อ ล้างสมอง) นี่มัน!!!" สาอ่านชื่อปกหนังสือด้วยความแปลกใจ

 

                 "ถ้าถามผมในฐานะของตำรวจนักสืบที่ทำคดีฆาตกรรมมาเป็นสิบๆคดี ผมว่าสิ่งที่เข้าท่าเข้าทางที่สุดก็คือเรื่องนี้" เขาตบหนังสือที่วางบนโต๊ะเบาๆ

 

                  "คุณจะบอกว่านักศึกษาพวกนั้นถูกพวกลัทธิอะไรก็ไม่รู้บงการอย่างนั้นหรอคะ มันเป็นไปได้หรอ!!!" สามองหน้านายตำรวจเน็กซ์ เธอรู้สึกไม่มั่นใจกับสิ่งที่นายตำรวจหนุ่มพูด

 

                  "ในประเทศไทยสิ่งนี้เป็นอะไรที่แปลกใหม่ แต่ในต่างประเทศเขามีกันจริงๆนะครับ ขนาดมีข่าวว่าคนแห่ไปฆ่าตัวตายที่แท่งบูชาของเผ่ามายันเกือบร้อยคน เพราะเชื่อว่าวันที่23เดือน12ปี2012โลกจะแตก นี่ยังไม่นับลัทธิบูชาซาตานบูชาแม่มด พวกนี้จะกล่อมคนอื่นให้มีความเชื่อในแบบที่ตนเชื่อ มันก็เหมือนการล้างสมองนั่นล่ะครับ ในหนังสือบอกแบบนั้น" นายตำรวจเน็กซ์บอกกับสา

 

               "แต่ในประเทศไทยเราจะมีคนที่เชื่อเรื่องลัทธิอะไรด้วยหรอคะ ดูแล้วไม่น่าเป็นไปได้เลย" สาพูดขึ้นมา

 

            นายตำรวจเน็กซ์ดูนาฬิกาข้อมือของตน "ได้เวลาแล้ว คุณจะไปกับผมไหม" นายตำรวจถามสาระหว่างที่เขาหากุญแจรถและเสื้อ

 

                  "ไปไหนคะ???" สาถาม

 

                  "ไปบ้านของนักศึกษาที่หายตัวไปครับ ซึ่งถ้ามันเกี่ยวข้องกับลัทธิจริง ที่ห้องของเขาก็ต้องมีร่องรอยอะไรบางอย่างที่จะบอกเราว่าเขากำลังเชื่อเรื่องอะไรอยู่" นายตำรวจเน็กซ์บอกกับสาระหว่างเดินออกไปจากโต๊ะ

 

                 "ไปค่ะ" สาเดินตามนายตำรวจไปที่โรงจอดรถของตำรวจ

 

                  "แล้วคุณคิดว่ายังไงคะเกี่ยวกับเรื่องนี้" สาถามนายตำรวจเน็กซ์ระหว่างเดินไปที่รถ

 

                  "ถ้าถามผมก่อนหน้าจะเกิดคดีนี้ ผมก็คงหัวเราะดังๆว่าเป็นไปไม่ได้ แต่พออ่านหนังสือเล่มนั้นไปก็เลยต้องพูดว่าขอถอนคำพูดขึ้นมาทันที" นายตำรวจเน็กซ์เปิดประตูรถเก๋งคันสีขาวของตนฝั่งคนนั่งให้สา

 

                   "ขอบคุณค่ะ" สาพูดขอบคุณชายหนุ่มก่อนขึ้นรถ

 

                   "แล้วหนังสือเล่มนั้นบอกอะไรหรอคะ ที่ทำให้คุณเปลี่ยนความคิดเรื่องนี้ไป" สาถามต่อเมื่อนายตำรวจเน็กซ์ขึ้นรถฝั่งคนขับ

 

                   นายตำรวจเน็กซ์มองหน้าของสาก่อนออกรถ "คุณเชื่อเรื่องพลังโน้มน้าวใจคนรึเปล่า" นายตำรวจถามสา

 

               "หมายถึงอะไรค่ะ ฉันไม่เข้าใจ???" สาถามด้วยความงุนงง

 

               "พลังโน้มน้าวใจคือพลังพิเศษที่สามารถพูดกล่อมคนอื่นให้คิดและเชื่อเหมือนเรา ยกตัวอย่างคนขายประกันที่ทำแต้มได้สูงสุดของบริษัท นั่นเพราะเขามีพลังในการพูดโน้มน้าวลูกค้าให้ซื้อประกันของตน หรือยกตัวอย่าวที่เห็นภาพง่ายขึ้น อย่างสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ฮิตเลอร์คนก่อชนวนสงคราม ว่ากันว่าเขามีความสามารถในการพูดโน้มน้าวใจทหารให้ออกไปรบได้ ผมว่าคนที่ตั้งลัทธิวันโลกแตกก็คงจะมีความสามารถแบบเดียวกัน ไม่งั้นเขาจะสามารถกล่อมคนให้ฆ่าตัวตายได้หรอครับ คุณคิดว่างั้นไหมล่ะ" นายตำรวจเน็กซ์ออกรถ เขาขับรถไปคุยไป

 

                "จะว่าไปมันก็ใช่ จู่ๆคนเราจะมาฆ่าตัวตายง่ายๆได้อย่างไรกัน แถมไม่ใช่แค่คนสองคนแต่เป็นสิบๆคน น่าคิดเหมือนกันค่ะ" สาคิดตามที่นายตำรวจเน็กซ์บอก

 

               "และถ้าผมเดาไม่ผิด จะต้องมีคนที่มีความสามารถแบบนี้ไปพูดโน้มน้าวนักศึกษาตามมหาวิทยาลัยเป็นแน่ คุณลองให้คนของคุณในมูลนิธิตรวจสอบไปที่ทุกมหาวิทยาลัยที่มีคนหายไปดูครับ ว่ามีอาจารย์หรือวิทยากรพิเศษมาพูดมาปราศรัยอะไรที่มหาวิทยาลัยรึเปล่า ผมว่าน่าจะได้เบาะแสอะไรบ้างไม่มากก็น้อย" นายตำรวจเน็กซ์บอกกับสา

 

                  "ค่ะ" สารีบหยิบโทรศัพท์มือถือ โทรไปรายงานเรื่องนี้กับมูลนิธิทันที "คะช่วยตรวจสอบแล้วรายงานผลมาที่เบอร์นี้เลยนะคะ ค่ะ ขอบคุณคะ" สาวางสายโทรศัพท์ "ฉันบอกทางมูลนิธิสาขาใหญ่ให้กระจายข่าวนี้ออกไปแล้วคะ ไม่นานคงได้ข้อมูลอะไรกลับมา" สาบอกกับนายตำรวจเน็กซ์

 

                 "ขอบคุณมากครับ คุณช่วยได้มาเลยในการหาข้อมูล ถ้าให้ผมทำคนเดียวป่านี้คดีคงไปไม่ถึงไหนแน่ๆ" นายตำรวจหนุ่มหันมายิ้มให้สาที่นั่งข้างๆ

 

                   "ก็เราสองคนบังเอิญมีเป้าหมายเดียวกัน ฉันช่วยอะไรได้ก็ยินดีคะ" สาพูดยิ้มๆตอบด้วยท่าทางเขินอาย

 

                  ทั้งสองคนสบตาให้กันเล็กน้อยเมื่อต่างก็ยิ้มให้กัน ก่อนจะรีบหลบตากันทันทีเมื่อสบตาด้วยความเขินอาย

 

                  "นั่นไงครับใกล้ถึงบ้านของนักศึกษาที่หายตัวไปแล้ว" นายตำรวจเน็กซ์รีบพูดแก้เขิน เมื่อขับรถเลี้ยวเข้าซอย

 

                  "ทั้งที่มีนักศึกษาหายตัวไปตั้งหลายคน ทำไมคุณถึงเลือกบ้านนักศึกษาคนนี้คะ" สาถามนายตำรวจเน็กซ์เพื่อหวังจะฟังคำวิเคราะห์คมๆของเขาอีกครั้ง

 

                  "เหตุผลง่ายๆที่ผมเลือกบ้านนักศึกษาคนนี้ก็เพราะ บ้านของเขาอยู่ไม่ไกลจากโรงพัก ขับรถไม่นานก็มาถึงได้ยังไงล่ะครับ" นายตำรวจเน็กซ์ตอบแบบซื่อๆระหว่างหันซ้ายหันขวามองบ้านเลขที่บ้านแต่ล่ะหลัง เพื่อหาบ้านที่ตนนัดเอาไว้

 

                  "ฉันก็นึกว่าคุณจะใช้เหตุใช้ผลอะไรมากกว่านี้เสียอีก" สาตอบด้วยท่าทางไม่พอใจแต่นายตำรวจกลับไม่เข้าใจตรงนี้

 

                  "เจอแล้วหลังนี้ไง" นายตำรวจขับรถมาจอดที่บ้าน3ชั้นเก่าๆที่มีต้นไม้ปลูกเต็มหน้าบ้านที่อยู่กลางซอย

 

                 ทั้งสองคนลงจากรถและกดกริ่งเรียกคนในบ้านมาเปิดประตู คนที่ออกมาคือหญิงแก่วัน40ปลายๆท่าทางอิดโรยสวมชุดเสื้อคลุมเดินเท้าเปล่ามาเปิดประตูรั้วให้คนทั้งสอง

 

                  "คุณตำรวจใช่ไหมคะ" หญิงแก่ท่าทางอิดโรยพูดกับนายตำรวจเน็กซ์

 

                   "ครับ ส่วนนี่คุณสาเป็นคนของมูลนิธิกระจกเงา เธอมาช่วยผมตามหาลูกชายคุณครับ" นายตำรวจเน็กซ์แนะนำสาให้หญิงแก่รู้จัก

 

                   สายกมือไหว้หญิงแก่ ขณะที่เธอไหว้ตอบ

 

                   "ขอเข้าไปดูห้องลูกชายคุณหน่อยได้ไหมครับ" นายตำรวจเน็กซ์พูดกับหญิงแก่

 

                  "ได้คะเชิญ" หญิงแก่พาคนทั้งสองขึ้นไปบนบ้าน

 

                  "คุณป้าได้พักผ่อนบ้างรึเปล่าคะ ดูท่าทางคุณป้าเหมือนจะไม่สบาย" สาถามหญิงแก่ระหว่างเดินตามเธอขึ้นไปยังชั้น2ของบ้าน

 

                  "ก็เครียดเรื่องลูกชายหายตัวไปนั่นล่ะคะ เรามีกันสองคนแม่ลูกเท่านั้น ก็ฝากอนาคตกับเขาไว้มากจู่ๆมาหายตัวไปแบบนี้คนเป็นแม่อย่างฉันคงจะทำใจยากค่ะ" หญิงแก่พูดช้าๆด้วนน้ำเสียงสั่นเครือเมื่อพูดถึงลูกชายของตนที่หายตัวไป

 

             "แล้วก่อนหน้าที่ลูกชายของคุณจะหายไป มีอะไรที่บ่งบอกเป็นพิเศษบ้างไหมครับ ประมาณว่าเก็บเนื้อเก็บตัวพูดหรือทำอะไรแปลกๆบ้างไหมครับ" นายตำรวจเน็กซ์ถาม

 

            "ไม่มีเลยคะ เขาก็ดูปกติ" หญิงแก่ตอบ

 

            "ลองนึกดูดีๆนะคะคุณป้า จะเล็กน้อยแค่ไหนก็ได้คะ ลองนึกดูดีๆ" สากล่าวย้ำเตือนจนหญิงแก่เริ่มคิด

 

             "ก็ไม่รู้ว่ามันจะเรียกว่าผิดปกติดีไหม เพราะช่วงหลังๆดูเหมือนแอ๊ดเขาจะใส่ใจกับการแยกขยะมากๆ เวลาว่างๆก็จะปลูกต้นไม้รอบๆบ้านอย่างที่เห็น นอกนั้นก็ไม่มีอะไรผิดปกติ" หญิงแก่บอกกับคนทั้งสอง

 

               "จะเรียกว่าแปลกดีไหมนะ" สาบ่นออกมาเบาๆกับนายตำรวจเน็กซ์

 

                เมื่อขึ้นมาถึงชั้น3หญิงแก่ก็เปิดประตูห้องนอนของลูกชายให้กับคนทั้งสอง เมื่อเปิดประตูเข้าไปทั้งสามถึงกับตลึงในสิ่งที่เห็นภายในห้องของแอ๊ด

 

                "นี่มันอะไรกัน!!!" หญิงแก่อุทานออกมาดังๆเมื่อเห็นห้องนอนของลูกชายตน ที่มีแต่ต้นไม้ถูกปลูกในกระถางเต็มห้องไปหมดจนแทบไม่มีทางเดิน

 

               "ดูเหมือนลูกชายคุณป้าจะรักต้นไม้มากเลยนะคะ" สาพูดอึ้งๆเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในห้อง

 

               "คุณเคยเข้ามาดูห้องลูกชายบ้างไหมครับ" นายตำรวจเน็กซ์ถามหญิงแก่

 

               "ไม่คะ นานๆครั้งจะเข้ามาทำความสะอาด นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ไม่เคยเข้ามาคะ" หญิงแก่พูดด้วยท่าทางตกใจ เธอเอามือกุมหน้าอกคิ้วขมวด " มันจะเลวร้ายไหมค่ะคุณตำรวจ หวังว่าต้นไม้พวกนี้จะไม่ใช่ต้นไม้ที่เป็นยาเสพติดหรือต้นไม้สงวนหรอกนะคะ!!!"

 

              "ไม่ใช่หรอกครับ พวกนี้เป็นต้นไม้ธรรมดาๆไม่ใช่สิ่งผิดกฏหมายอะไรเลยครับ" นายตำรวจเน็กซ์บอกกับหญิงแก่ "ขอเราอยู่กันตามลำพังซักครู่นะครับ ถ้ามีอะไรเราจะเรียกคุณเอง"

 

              "คะ ได้ค่ะ" หญิงแก่พูดจบเธอก็เดินลงไปจากห้องลูกชายตนไปรอข้างล่าง

 

              "คุณคิดว่ายังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้" นายตำรวจเน็กซ์ถามสาเมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องที่มีแต่ต้นไม้

 

              "ตอนแรกที่ได้ยินว่าเขาคัดแยกขยะกับปลูกต้นไม้รอบบ้านฉันก็ว่าดี แต่พอมาเห็นแบบนี้มันชักจะดูเกินไปหน่อยแล้วล่ะ" สาเดินมาดูที่นอนที่เป็นที่เดียวที่ไม่ถูกต้นไม้มาวาง "หวังว่าเขาคงไม่ได้นอนในนี้หรอกนะ เพราะมันอันตรายมากๆถ้าปลูกต้นไม้ไว้ในห้อง" สาบอกกับนายตำรวจเน็กระหว่างที่เขาดูโต๊ะเขียนหนังสือในห้อง

 

              "ทำไมหรอครับ ผมว่าดีออกจะตายไปมีต้นไม้ในห้องจะได้สดชื่น"นายตำรวจเน็กซ์ถามระหว่างกำลังสำรวจโต๊ะ โดยไม่หันมามองสาเลย

 

              "เพราะต้นไม้จะดูอ๊อกซิเจนแล้วปล่อยก๊าซคาบอนมอนอ๊อกไซด์ออกมาน่ะซิคะ มันจะทำให้เราหายใจไม่ออกและสูดอากาศเป็นพิษเข้าไป แม้จะไม่ถึงกับตายแต่ก็เรียกว่าไม่ดีต่อสุขภาพค่ะ" สาบอกกับนายตำรวจเน็กซ์

 

              "งั้นคนที่นอนในป่าก็คงจะเป็นคนอ่อนแอน่ะซิครับ มันดูขัดกันยังไงก็ไม่รู้คุณว่าไหมล่ะ" นายตำรวจรื้อค้นข้าวของของแอ๊ดโดยไม่สนใจเลยว่าของสิ่งนั้นจะเสียหายรึเปล่า

 

          "ก็ฉันเรียนมาแบบนี้นี่นา!!! นั่นแล้วคุณไปรื้อของน้องเขาทำไมกัน เดี๋ยวเจ้าตัวกลับมาเราจะอธิบายเรื่องนี้ยังไงกัน" สาดุนายตำรวจเน็กซ์ที่ยังรื้อข้าวของในตู้ออกมาดูโดยไมาสนใจที่เธอพูด

 

         "ไว้ถึงตอนนั้นค่อยคิดครับ" นายตำรวจรื้อในตู้แต่ก็ไม่เจออะไร

 

         "จะว่าไปก็แปลกๆอยู่นะคะ" สาเดินมาที่เตียงนอน เธอเจอหนังสือหลายเล่มบนที่นอนเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ วางคู่กับกีต้าตัวโปรดและแผ่นDVDเพลงอย่างไม่เป็นระเบียบ "ถ้าดูจากความชอบเรื่องเพลงกับเรื่องสิ่งแวดล้อม มันดูขัดๆกันยังไงพิกล"

 

              นายตำรวจเน็กซ์เดินมาดูที่เตียงนอนเมื่อสาพูดจบ "นี่ถ้าเขาไม่หายตัวไป ผมคงคิดว่าเขาฝันอยากจะเป็นนักร้องเพลงเพื่อชีวิตที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมแน่ๆ" นายตำรวจเน็กซ์พูดเชิงประชด

 

               "จู่ๆคนเราจะหันมาสนใจเรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติมันดูแปลกๆคุณว่าไหมคะ" สาเดินออกมาจากห้องพร้อมกับนายตำรวจเน็กซ์โดยที่ไม่ได้เบาะแสอะไรเท่าไหร่

 

              "ต้องไปดูอีกสองคนว่ามีอะไรประหลาดๆแบบนี้รึเปล่า จึงค่อยฟันธงว่าอะไรเป็นอะไร" นายตำรวจเน็กซ์วิเคราะห์ระหว่างเดินลงมาที่ชั้นล่าง

 

               "พบอะไรผิดปกติไหมคะ" หญิงแก่ถามคนทั้งสองด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

 

              "ผิดปกติหมด....!!!!" นายตำรวจยังพูดไม่ทันจบก็ถูกสาเหยียบเท้าซะก่อน

 

               "อ๋อ....!!! ไม่มีอะไรผิดปกติเลยคะ ห้องลูกชายคุณป้าก็ปกติ เอาไว้เราจะรีบตามตัวเขากลับมานะคะ ของตัวของค่ะ" สารีบจูงมือนายตำรวจเน็กซ์ออกมาจากบ้านหลังนั้นไปที่รถทันที

 

              "ทีหลังถ้าหัดดูสีหน้าคนบ้างนะคะ คุณพูดอะไรไม่คิดออกไปรู้ไหมว่าคนฟังเขาจะรู้สึกยังไง" สาต่อว่านายตำรวจเน็กซ์เมื่อขึ้นมาบนรถ "ฉันเห็นมาจนเบื่อแล้วคะ สีหน้าของคนที่ทุกข์ใจเมื่อคนที่รักหายตัวไปจากบ้าน เราที่เป็นคนทำหน้าที่ตามหาจึงทำได้แค่เพียงพูดปลอบใจเพื่อให้คนที่รออยู่ที่บ้านมีความหวังกับสิ่งที่อาจจะไม่มีวันเป็นจริง" สาพูดโดยไม่มองนายตำรวจที่กำลังมองมาทางเธอ

 

                 "นั่นซินะครับ ผมเองก็มัวแต่คิดเรื่องของคดีมากจนเกินไป เลยลืมไปว่าคนอื่นเขาจะรู้สึกยังไง ถ้าไม่ได้คุณผมคงพูดอะไรแย่ๆออกไปจนทำให้คุณป้าคนนั้นต้องเสียใจแน่ๆ ผมนี่แย่จริงๆ" นายตำรวจต่อว่าตัวเอง

 

             "ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ" สาพูดยิ้มๆ

 

              ทั้งสองคนไปกันต่อที่อพาท์เม้นของนักศึกษาที่หายตัวไปอีกสองคน ซึ่งก็คือนุชกับเต้นั่นเอง...

 

              "นักศึกษาสองคนที่หายตัวไปพักอยู่ที่ห้องเช่าแถวๆนี้" นายตำรวจเน็กซ์บอกกับสาเมื่อขับรถมาจอดที่อพาท์เม้นแห่งนึงในซอย "พ่อแม่ของนักศึกษาทั้งสองคนโทรมาแจ้งความที่โรงพักว่าลูกของตนขาดการติดต่อไปสี่วัน ทั้งที่ปกติจะโทรคุยกันตลอดทุกวัน ผมได้ขอข้อมูลมาจากตำรวจท้องที่มาแล้ว เขาว่าไม่พบความผิดปกติอะไรเลย ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ภายในห้องและก็ไม่มีอะไรพิเศษที่น่าสงสัย" นายตำรวจเน็กซ์บอกกับสา

 

             "เพราะเป็นคดีคนหายธรรมดาๆทั่วไป ทางตำรวจเลยไม่สนใจจะสืบเท่าไหร่ ถึงต้องมีมูลนิธิอย่างเราคอยช่วยเหลือแทน" สาบอกกับนายตำรวจเน็กซ์เมื่อจอดรถ

 

             "จะว่าแบบนั้นก็ได้" นายตำรวจเน็กซ์บอก

 

              ทั้งสองคนเดินลงจากรถมาหาคนเฝ้าอพาท์เม้นที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องพัก เมื่อเขาเห็นคนทั้งสองก็รีบลุกขึ้นทันที

 

               "คุณตำรวจที่โทรมาเมื่อวานใช่ไหมครับ" ชายร่างอ้วนคนเฝ้าอพาท์เม้นพูดยิ้มๆกับคนทั้งสอง

 

               "ครับ เราต้องการดูห้องของนักศึกษาที่หายตัวไปครับ ไม่ทราบว่าคุณมีกุญแจห้องไหม" นายตำรวจเน็กซ์ถามชายอ้วนคนเฝ้าอพาท์เม้น

 

               "มีครับ แต่ทางตำรวจท้องที่เขาไปตรวจสอบแล้วนี่ครับ ทั้งสอบปากคำทั้งดูกล้องวงจรปิด ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ แล้วคุณตำรวจจะดูอะไรอีกครับ" ชายร่างอ้วนยืนเกาท้ายทอยถามนายตำรวจเน็กซ์

 

               "มาหาเบาะแสอะไรนิดหน่อยครับไม่มีอะไรมากหรอก" นายตำรวจเน็กซ์บอก

 

               "เอ่อ....แล้วก่อนหน้าที่น้องเขาจะหายตัวไปมีอะไรผิดปกติบ้างไหมค่ะ จะเล็กน้อยแค่ไหนก็ได้" สาถามชายร่างอ้วนคนเฝ้าอพาท์เม้น

 

               ชายร่างอ้วนยืนคิดอยู่ซักพักจึงตอบ "ไม่มีครับ ผมเองก็ไม่ได้สนิทอะไรกับสองคนนั่นเท่าไหร่ แต่คนผู้ชายที่ชื่อเต้เขามีเพื่อนที่พักอยู่ห้องใกล้ๆกัน เขาอาจจะรู้อะไรก็ได้ครับ"

 

               เมื่อได้ฟังที่ชายอ้วนคนเฝ้าอพาท์เม้นบอก ทั้งสองจึงไปที่ห้องของเพื่อนนักศึกษาที่ชื่อเต้ทันที

 

               "ครับ" เมื่อเคาะประตูห้อง ก็มีชายร่างผอมผมยาวท่าทางเหมือนเพิ่งตื่นนอนเปิดประตูออกมา

 

               "เราเป็นตำรวจมาทำคดีคนหาย เราอยากทราบข้อมูลเรื่องเพื่อนของคุณหน่อย" นายตำรวจเน็กซ์พูดด้วยท่าทางเข้มขรึม

 

               "ครับได้ เข้ามาก่อน" ชายร่างผอมผมยาวเดินนำคนทั้งสองเข้ามาในห้อง ภายในห้องนั้นมีแต่รูปโปสเตอร์นักฟุตบอลเต็มห้อง

 

               "ก่อนที่เพื่อนของคุณจะหายไป เขามีท่าทางอะไรแปลกๆบ้างไหม" นายตำรวจเน็กซ์ถามชายร่างผอมผมยาวที่กำลังปิดทีวี

 

               "อืม...." ชายร่างผอมผมยาวทำท่าคิด "ก่อนที่ไอ้เต้จะหายตัวไปมีแอะไรแปลกๆงั้นหรอครับ อืม... ก็มีนะครับ อย่างช่วงหลังๆมันชอบปลูกต้นไม้มากๆ แล้วก็หายไปอยู่บ่อยๆไม่ค่อยไปกินเหล้าดูบอลด้วยกันเหมือนแต่ก่อน วันๆมันเอาแต่อ่านหนังสือเกี่ยวกับต้นไม้บ้างสิ่งแวดล้อมบ้างอะไรพวกนั้นล่ะครับ"

 

              "แล้วที่ว่าหายตัวไปนี่เขาหายไปที่ไหนพอจะทราบไหมคะ" สาถามด้วยความสนใจ

 

              "มันบอกว่าไปฟังสัมมนาเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน เรื่องสัตว์ป่าสูญพันธุ์ เรื่องโอโซนอะไรนี่ล่ะครับ เห็นมาทีก็บ่นให้ผมฟังที จนผมล่ะขี้เกียจฟังมันพูดเลย" ชายร่างผอมผมยาวเกาหัวระหว่างพูด

 

               นายตำรวจเน็กซ์กับสามองหน้ากันเมื่อชายร่างผอมผมยาวพูดจบ

 

               ตอนนั้นเองโทรศัพท์มือถือของสาก็ดังขึ้นมา เป็นเบอร์ของมูลนิธิที่โทรเข้ามา สาจึงรีบรับสายทันทีอย่างไม่รอช้า

 

              "คะ...ว่ามาเลย คะ....คะ....จริงหรอค่ะ!!!! ขอบคุณค่ะ" สามองหน้านายตำรวจเน็กซ์เมื่อเธอวางสายจากมูลนิธิ

 

               "ทางนั้นว่าอย่างไรบ้าง" นายตำรวจเน็กซ์ถามสา

 

               "ได้เรื่องแล้วคะ ทางมูลนิธิรายงานมาว่าทุกมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาหายตัวจะมีวิทยากรพิเศษที่ชื่อสุทรมาสอนเรื่องสิ่งแวดล้อม หลังจากนั้นไม่นานนักศึกษาก็หายตัวไป และทุกคนที่หายตัวไปก็มักจะพูดเรื่องสิ่งแวดล้อมและชอบปลูกต้นไม้เหมือนกันอีกด้วยคะ" สาบอกกับนายตำรวจเน็กซ์

 

               "อ๋อ....วิทยากรคนนั้นหรอครับ!!!" ชายร่างผอมผมยาวพูดขึ้นมาเมื่อได้ยินที่สาพูดกับนายตำรวจเน็กซ์ "ผมได้ยินไอ้เต้พูดถึงชื่อเขาคนนี้บ่อยมากๆ มันชอบพูดว่าอาจารย์สุทรบอกว่าโลกเราร้อนขึ้นเพราะมนุษย์ โลกเรามีต้นไม้น้อยลงเพราะมนุษย์อะไรแบบนั้นล่ะครับ ถ้าผมจำไม่ผิดที่มันไปสัมมนาก็เพื่อไปฟังคนชื่ออาจารย์สุทรพูดนั่นล่ะครับ" ชายร่างผอมผมยาวพูดยืนยัน

 

                "ขอบใจมาก!!!! ช่วยเราได้มากเลย" นายตำรวจเน็กซ์ตบไหล่ชายร่างผอมผมยาวก่อนจะรีบเดินออกมาจากห้อง

 

                ทั้งสองคนรีบเดินมาที่รถทันทีเมื่อได้เบาะแส

 

                "ทีนี้เราก็ได้เบาะแสมาแล้ว ที่เหลือก็แค่ตามหาตัวชายคนนี้ให้เจอเท่านั้น" นายตำรวจเน็กซ์บอกกับสา เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรไปที่สถานีตำรวจทันที

 

                "ครับนี่ผมเอง....ช่วยหาประวัติชายที่ชื่อสุทร ยอดดีหน่อยได้ไหม เขาเป็นวิทยากรพิเศษตามมหาวิทยาลัย ใช่ได้ผมจะรอ...." นายตำรวจเน็กซ์วางสายโทรศัพท์เมื่อพูดจบ

 

                "ถ้าเราเจอชายคนนี้แล้วเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกับคดีขึ้นมาเราจะทำยังไงต่อไปคะ" สาถามนายตำรวจเน็กซ์ที่กำลังนั่งรอโทรศัพท์อยู่ในรถ

 

                "ถ้าเป็นแบบนั้นเราก็ต้องมานั่งนับหนึ่งกันใหม่ตั้งแต่ต้น เพื่อหาเบาะแสที่เป็นไปได้ใหม่หมด ผมเองก็ภาวนาไม่ให้เป็นแบบนั้นเลย" นายตำรวจเน็กซ์พูดจบโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา "ว่าไง ได้อะไรบ้าง อืม....อืม...ได้ขอบคุณ" นายตำรวจเน็กซ์วางสายเมื่อพูดจบ

 

             "ได้อะไรบ้างคะ"สาถาม

 

            "ได้พอสมควรเลยครับ ไปกันเถอะผมรู้แล้วว่ามหาวิทยาลัยต่อไปที่เขาจะไปสัมมนาอยู่ที่ไหน" นายตำรวจเน็กซ์รีบขับรถออกไปทันทีเมื่อทราบเป้าหมาย

 

                "จะว่าไปฉันเองก็คุ้นๆชื่นของคนๆนี้เหมือนกันนะคะ สุทร ยอดดี" สาพูดขึ้นมาระหว่างนั่งอยู่บนรถที่กำลังวิ่งด้วยความเร็ว

 

               "เขาเป็นนักวิชาการเรื่องสิ่งแวดล้อมโลก เป็นประธานกลุ่ม S.F.T.W สาขาประเทศไทย" นายตำรวจเน็กซ์บอกกับสาระหว่างขับรถ "วันนี้เขาสอนพิเศษที่มหาลัยแถวฝั่งธน ถ้าไปตอนนี้ก็น่าจะไปฟังเขาทัน"

 

               ทั้งสองคนรีบขับรถไปที่มหาวิทยาลัยอย่างไม่รอช้า

 

               "เราควรติดต่อไปทางมหาวิทยาลัยก่อนนะคะ เพื่อว่าเกิดอะไรขึ้นทางวิทยาลัยจะได้รับมือทัน" สาบอกกับนายตำรวจเน็ก

 

              "จริงของคุณ" นายตำรวจเน็กซ์รีบโทรศัพท์ไปที่กรมตำรวจทันที "สารวัตรนี่ผมเองนะครับ ช่วยติดต่อไปทางมหาวิทยาลัยนี้ทีครับ บอกไปว่าเราต้องการเจอตัวนายสุทร เรามาขอความช่วยเหลือเขาเรื่องคดี ใช่ครับผมมั่นใจว่านายคนนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย ครับ...เราสองคนจะเข้าไปฟังการสอนของเขาก่อนแล้วค่อยแสดงตัว ฝากบอกทางมหาวิทยาลัยไว้ด้วย....ครับขอบคุณ..." นายตำรวจเน็กซ์วางสายจากหัวหน้าของตน

 

             "คุณว่าจะเกิดอะไรขึ้นคะเมื่อเราไปถึง..." สารู้สึกตื่นเต้น

 

             "อย่างมากก็แค่ชกกันสองสามหมัด แล้วก็มีการวิ่งไล่ตามแบบในหนังทั่วมหาวิทยาลัยอะไรประมาณนั้นครับ" นายตำรวจเน็กซ์พูดยิ้มๆ

 

             "ฉันจริงจังนะคะ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันสืบคดีเพื่อจับคนร้าย มันก็ตื่นเต้นเป็นธรรมดา" สาคิ้วขมวดด้วยท่าทางไม่พอใจเมื่อถูกพูดเล่น

 

             "ผมล้อเล่น อย่างมากก็แค่พูดๆถามๆอะไรนิดหน่อยเท่านั้นครับ ที่เหลือก็คือเซ็นต์ของตำรวจว่าจะจับพิรุธได้มากน้อยแค่ไหน" นายตำรวจเน็กซ์พูดยิ้มๆ "และถ้าเกิดอะไรขึ้นจริงๆผมจะปกป้องคุณเองครับ" นายตำรวจเน็กซ์มองหน้าสาจนเธอรู้สึกเขินขึ้นมาทันที

 

        "ขอบคุณคะ" สาหน้าแดงแต่เธอพยายามไม่แสดงอาการออกมา

 

            ทั้งสองคนขับรถไปจนถึงมหาวิทยาลัยก็พบอาจารย์ผู้ชายร่างผอมกำลังรอคนทั้งสองอยู่

 

            "คุณตำรวจใช่ไหมครับ" อาจารย์ชายหนุ่มถามคนทั้งสองเมื่อลงมาจากรถ

 

            "ครับใช่ เราแค่จะมาสอบถามเรื่องคดีนิดหน่อยครับ คงไม่รบกวนทางมหาวิทยาลัยหรอก" นายตำรวจเน็กซ์บอกกับอาจารย์

 

             "ทางเราก็ช่วยเท่าที่ทำได้ครับ เชิญทางนี้เลยคุณสุนทรกำลังสอนอยู่ที่ห้องนี้" อาจารย์ชายพาคนทั้งสองไปทันที

 

            ทั้งสองคนเปิดประตูเข้าไปในห้องเรียนที่ด้านหลังของโต๊ะนักศึกษา ขณะที่นายสุทรกำลังยืนพูดเรื่องสิ่งแวดล้อมอยู่

 

            "อย่างที่ผมได้อธิบายไปครับ โลกของเราตอนนี้มีแต่มลพิษที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียที่ปล่อยมาจากโรงงานอุตสาหกรรมหรือตามบ้านเรือน การปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกไปทำลายชั้นโอโซนจนทำให้โลกเราร้อนขึ้น" ระหว่างที่นายสุทรพูดที่ด้านหลังก็ฉายภาพวิดีโอตามสิ่งที่เขาพูด ทั้งภาพโรงงานที่กำลังปล่อยน้ำเสียลงทะเล คลองแม่น้ำที่ดำสนิทเพราะคนพากันทิ้งขยะ และรถที่วิ่งแออัดกันเต็มท้องถนน

 

             "ฟังดูก็ไม่เห็นจะน่าชักจูงตรงไหนเลยนี่คะ" สาบอกกับนายตำรวจเน็กซ์ที่นั่งฟังโดยไม่ตอบอะไร

 

            "แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้ไข....." นายสุทรเงียบและมองหน้านักศึกษาที่กำลังนั่งฟังอย่างตั้งใจ "เมื่อวันที่ 26 เมษายน ปี 1986 ที่ ประเทศยูเครน เมืองเชอร์โนบิลได้เกิดเหตุเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์ทำงานผิดพลาด ส่งผลให้เกิดระอองกำมันภาพรังสีรั่วไหล ทำให้คน50คนตายทันที และอีกกว่า 35,0000 คนต้องมาตายทีหลังเพราะได้รับเชื้อกำมันภาพรังสี" ในจอทีวีฉายเมืองร้างที่ไร้ผู้คนหลายรูป

 

           "เขาต้องการบอกอะไรกันแน่คะ ฉันไม่เข้าใจที่เขาพูดเลย" สาถามนายตำรวจเน็กซ์ที่นั่งฟังนิ่งๆไม่สนใจที่เธอพูดเลยแม้แต่น้อย

 

           "เขากำลังจะสรุปใจความแล้วครับ" นายตำรวจเน็กซ์บอกกับสาโดยที่ไม่มองมาทางเธอแม้แต่น้อย

 

          "สิ่งที่ผมจะบอกไม่ใช่เรื่องราวอันเลวร้ายที่มนุษย์เป็นผู้สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา แต่สิ่งที่ผมจะบอกก็คือสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น...." เมื่อนายสุทรพูดจบ ภาพในทีวีก็ฉายรูปเมืองเชอร์โนบิล ที่ตอนนี้เมืองทั้งเมืองมีแต่ต้นไม้ปกคลุม มีสัตว์ป่าไปอยู่อาศัยจนกลายเป็นป่าผสมกับเมืองก็ว่าได้

 

      นักศึกษาทุกคนต่างพากันส่งเสียงฮือฮาเมื่อเห็นภาพดังกล่าว

 

      ระหว่างนั้นเองสาก็เหลืบไปเห็นนักศึกษาชายคนนึงที่นั่งอยู่ข้างหน้าเธอ ซึ่งเขาคนนั้นก็คือนายแอ๊ดที่กำลังนั่งฟังการพูดของนายสุนทรอย่างตั้งใจเหมือนถูกสะกดจิต

 

      "คุณๆดูนั่นซิ!!" สาสะกิดนายตำรวจเน็กซ์ให้ดูนักศึกษาที่ชื่อแอ๊ด

 

      "ใช่คนเดียวกันแน่รึเปล่า!!" นายตำรวจเน็กซ์ถามสา

 

        "ใช่จริงๆด้วยคะ!!!" สาเขาอินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือของตน เพื่อโหลดภาพนักศึกษาที่หายตัวไป และเมื่อเทียบกับคนอื่นๆอีกหลายคนในห้อง ก็พบว่าทั้งหมดคือคนที่หายไปนั่นเอง

 

         "มาอยู่ที่นี่กันนี่เอง....!!!" นายตำรวจเน็กซ์จะลุกขึ้นเพื่อไปหานายสุทร แต่เขาก็ถูกชาย4คนในชุดดำจับไหล่เอาไว้เพื่อให้ทั้งสองคนนั่งอยู่กับที่

 

         "เมื่อเราเห็นดังนั้นเราจึงรู้ว่าถ้าโลกนี้ไร้ซึ่งมนุษย์ สัตว์ป่าต้นไม้และธรรมชาติก็จะกลับมาอีกครั้ง แล้วโลกใบนี้ก็จะมีแต่สีเขียวของความอุดมสมบูรณ์เหมือนที่มันเคยเป็น!!!" นายสุทรตะโกนออกมาดังๆ ทุกคนในห้องต่างก็ลุกขึ้นยืนปรมมือด้วยความยินดี

 

      "นี่มันอะไรกัน!!??" สารู้สึกประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก ขณะที่นายตำรวจเน็กซ์กลับมีท่าทางนิ่งเฉยเมื่อถูกชายชุดดำคุมอยู่ด้านหลัง

 

     "มากับเราด้วยครับ!!" ระหว่านั้นเองก็มีชายท่าทางดีใส่สูทผูกไทค์เดินมาหาคนทั้งสองที่หลังห้อง

 

      "คุณ....รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณะสุข!!!" สาอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเจอรัฐมนตรีในนี้

 

       "ขอบคุณที่จำผมได้ครับคุณผู้หญิง" ชายแก่พูดยิ้มๆกับสา "เชิญคุณทั้งสองคนมากับผมที่นี่ด้วยครับ ผมมีอะไรบางอย่างให้คุณทั้งสองคนได้รับรู้ เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเรา S.F.T.W จะทำ" รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณะสุขพาคนทั้งสองเดินมาที่หน้าชั้นเรียนที่มีนายสุนทรกำลังยืนพูดอยู่

 

         ทุกคนในห้องเรียนต่างมองคนทั้งสองไม่วางตา เมื่อเห็นทั้งคู่เดินผ่านไปที่หน้าเวที

 

         "แทนที่เราจะมาช่วยพวกเขาเราดันมาติดกับดักซะเอง.." นายตำรวจเน็กซ์บ่นออกมาดังๆระหว่างถูกค้นตัวเพื่อหาปืน

 

          ทั้งสองถูกพาตัวให้เดินมาที่ด้านหลังห้องเรียนข้างเวที ซึ่งเป็นประตูลิฟท์...!!!???

 

         "หมายความว่าไง???" สาถามนายตำรวจเน็กซ์ระหว่างยืนอยู่ในลิฟท์โดยมีชายร่างใหญ่สองคนยืนประกบข้าง

 

         "พวกคุณตามดูเราสองคนมาโดยตลอด ใช่ไหมครับท่านรัฐมนตรี" นายตำรวจเน็กซ์ถามรัฐมนตรีที่ยืนตรงหน้าตน

 

          "จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ เราตามดูทุกเรื่องราวที่อาจจะส่งผลกระทบถึงแผนการของเรา เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่เราต้องการ" รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณะสุขตอบโดยไม่หันมามองคนทั้งสองที่ยินอยู่ข้างหลัง

 

         "แผน!!!???" สาอุทานออกมาด้วยความสงสัย

 

         "ครับ แผนที่จะเปลี่ยนโลกใบนี้ให้กลับมาเป็นโลกที่มีแต่สีเขียวอีกครั้ง" เมื่อชายแก่รัฐมนตรีพูดจบลิฟท์ก็ลงมาถึงชั้นใต้ดินพอดี

 

         "อย่าบอกนะครับว่าคุณจะวางแผนโค่นล้มรัฐบาลไทย" นายตำรวจเน็กซ์พูดระหว่างเดินออกมาจากลิฟท์ ทั้งคู่เดินไปตามทางที่มีแสงสว่างบนทางเดิน ระหว่างทางพวกเขาผ่านห้องหลายห้องที่ถูกปิดตายเอาไว้ และเมื่อเดินออกมาจากส่วนของทางเดิน ก็มาถึงลานกว้างขนาดใหญ่ที่มีต้นไม้พืชผักปลูกอยู่มากมาย พร้อมกับหลอดไฟที่ให้แสงสว่างแก่ต้นไม้

 

        สากับนายตำรวจเน็กซ์อึ้งกับสิ่งที่เห็นจนพูดอะไรไม่ออก

 

        "เราไม่ได้คิดโค่นล้มรัฐบาลไทยเท่านั้นนะครับ แต่เราจะโค่นล้มทั้งโลกนี้เลยต่างหาก" ชายแก่รัฐมาตรีพาคนทั้งสองเดินมาจนถึงห้องประชุมขนาดใหญ่ และในนี้ก็มีนักศึกษาที่เคยอยู่ในห้องเรียนพากันเดินมานั่งเรียงรายอยู่บนที่นั่งอัฒจันทร์รูปตัวC โดยมีเวทีอยู่ตรงกลาง

 

        สาและนายตำรวจเน็กซ์ยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก เมื่อต้องมายืนอยู่บนเวทีที่มีคนนั่งดูอยู่เป็นพันๆคนในนี้

 

        "ยินดีต้อนรับเหล่าผู้เหลือรอดกลุ่มสุดท้ายบนโลก!!!" นายสุนทรพูดประกาศบนเวทีเมื่อนายตำรวจเน็กซ์กับสาขึ้นมาบนเวที

 

         สีหน้าของผู้คนที่กำลังนั่งดูต่างพากันโฮร้องด้วยความยินดีเมื่อได้ยินเสียงที่นายสุนทรพูดขึ้นมา

 

         "วันนี้ก่อนจะถึงเวลาเริ่มต้นนับ1สู่โลกใหม่ เรามีสักขีพยานที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งในการนับ1สู่โลกใหม่ของเรา!!!" นายสุนทรชี้มาทางนายตำรวจเน็กซ์และสา

 

      "นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!!!!" สารู้สึกสับสนงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนจับต้นชนปลายไม่ถูก

 

          "และที่เราพาคนทั้งสองมาในวันนี้ ก็เพื่อต้องการที่จะประกาศให้คนทั้ง2ในฐานะคนนอกรู้ว่า พวกเรานั้นมีแผนการอย่างไรในการนับ1สู้โลกใบใหม่" นายสุนทรมองมาทางคนทั้งสอง " พวกคุณทราบไหมว่า พวกเราS.F.T.Wทั่วโลกมีเป้าหมายอะไร...?"

 

          ไฟส่องมาที่คนทั้งสองบนเวที สายตาทุกคู่ต่างพากันจับจ้องมาทางนายตำรวจเน็กซ์และสา แต่ทั้งคู่ไม่มีใครตอบอะไร

 

          "แน่นอนพวกคุณคงไม่รู้ แต่พวกเราชาวS.F.T.Wทุกคนรู้ดีว่าเพื่ออะไร ใช่ไหม...!!" นายสุทรตะโกนออกมาดังๆ

 

           "เพื่อโลกใบนี้!!!" ทุกคนตะโกนตอบอย่างพร้อมเพียงกัน

 

          "แต่ก่อนเราคือหน่วยองค์กรที่ทำหน้าที่รักษาสิ่งแวดล้อมธรรมดาๆองค์กรหนึ่ง ที่แม้เราจะพยายามทำเท่าไหร่ปกป้องเท่าไหร่ สุดท้ายมนุษย์ก็ยังคงทำลายสิ่งแวดล้อมที่เรารักษาอยู่ดี" นายสุทรเงียบและมองทุกคน "จนกระทั่งวันหนึ่งเราได้รับสารจากพระเจ้าที่ส่งมาให้พวกเรา....นั่นคือสิ่งนี้!!!" นายสุนทรชูกระป๋องเหล็กขนาดเท่าแก้วโชว์มาบนเวที

 

           "นั่นอะไร???" นายตำรวจเน็กซ์พูดขึ้นมาดังๆ พอดีกับที่นายสุนทรเงียบ

 

            "มันคือสารที่พระเจ้าส่งมาเพื่อล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ยังไงล่ะครับคุณตำรวจ" นายสุนทรหันพูดกับนายตำรวจเน็กซ์

 

            "คุณบ้าไปแล้ว!!!" นายตำรวจเน็กซ์ตะโกนออกมาดังๆ

 

           "ครับสำหรับคนนอกอย่างคุณสองคนเราอาจจะเป็นคนบ้า แต่ในสายตาของคนที่รักโลกใบนี้สุดหัวใจ เราคือเทพที่มาปกป้องโลกใบนี้จากเชื้อโรคที่เรียกว่ามนุษย์ต่างหาก ใช่ไหม!!!" นายสุนทรตะโกนอีกครั้ง

 

           "ใช่!!!!" ทุกคนตะโกนตอบกลับมา

 

          "เพราะโลกนี้มีมนุษย์มากเกินไป เราจึงต้องลดจำนวนมนุษย์ให้เหลือน้อยที่สุด เราจึงวางแผนและระดมทุนสร้างที่นี่ขึ้นมา เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยให้กับหนุ่มสาวที่ถูกเลือกอย่างพวกคุณให้คงอยู่ต่อไป จนเมื่อมนุษย์สูญพันธุ์ไปจนหมดพวกเรานี่ล่ะจะเป็นเผ่าพันธุ์ใหม่ที่จะเกิดและดูแลโลกใบนี้!!!" นายสุนทรพูดจบบนเวทีก็ฉายภาพนาฬิกาขนาดใหญ่ขึ้นมา

 

         "ถึงเวลาแล้วทุกท่าน....ที่เราจะมานับถอยหลังเพื่อนับ1สู่การเริ่มต้นสร้างโลกใหม่กันแล้ว!!!" เมื่อนายสุนทรพูดจบบนเวทีก็เปลี่ยนมาเป็นรูปของหนุ่มสาวที่ยืนอยู่ในสถานที่สำคัญทั่วทุกมุมโลก รวมถึงหนุ่มสาวที่เป็นคนไทยที่ยืนอยู่ตามจุดต่างๆในประเทศไทย และทั้งหมดถือกระป๋องแบบเดียวกับที่นายสุนทรถือ

 

         "มานับถอยหลังกัน.... 5 4 3 2 1 !!!! เพื่อโลกสีเขียว!!!!" ทุกคนตะโกนออกมาเสียงดังอย่างกึกก้อง

 

         เมื่อนาฬิกานับถึง0ชายหญิงในจอทีวีก็เปิดฝากระป๋องเหล็กพร้อมๆกันและชูขึ้นฟ้า.....มีควันสีเขียวพุ่งออกมาจากกระป๋องแพร่กระจายไปในอากาศ ก่อนที่ภาพจะตัดไปมาทั่วทุกมุมโลก

 

         "ต้องขอขอบคุณชายหญิงผู้เสียสละทั่วทุกมุมโลก เพื่อสร้างโลกที่จะมีแต่สีเขียว พวกเราจะไม่ลืมพวกคุณ!!!" นายสุนทรเช็ดน้ำตาระหว่างพูด "และพรุ่งนี้เราจะเริ่มต้นสู่โลกใหม่เมื่อทุกอย่างพร้อม ตอนนี้ขอให้ทุกคนทำจิตใจให้สงบยืนไว้อาลัยแก่ผู้ที่เสียสละ" ทุกคนต่างพากันยืนขึ้นและหลับตาเพื่อไวอาลัยให้กับบางสิ่ง ที่นายตำรวจเน็กซ์กับสาก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร

 

          "หมายความว่ายังไง!!!! ฉันงงไปหมดแล้ว!!!" สาถามนายตำรวจเน็กซ์

 

         "ผมเองก็งงเหมือนกันไม่ใช่คุณคนเดียว" นายตำรวจเน็กซ์บอก

 

         "เดี๋ยวคุณสองคนก็จะรู้เอง" รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณะสุขบอกกับคนทั้งสอง "ส่วนผมมีธุระกับท่านนายกรัฐมนตรีเล็กน้อย ขอตัวไปทำธุระก่อน" ชายแก่รัฐมนตรีพูดจบก็เดินจากไป

 

         หลังจากยืนไวอาลัยเสร็จ ก็เริ่มมีวงดลตรีมาเล่นเพลงอย่างสนุกสนานแทนการพูดของนายสุนทร

 

         "ตามผมมา" นายสุนทรบอกกับคนทั้งสองให้เดินตามมา โดยมีชายร่างใหญ่สองคนคุมตลอดเวลา

 

        ทั้ง2เดินตามนายสุทรมาที่ห้องๆนึงที่เขียนหน้าห้องว่า ห้ามเข้า เขตการทดลองชีวะภาพ

 

         นายสุนทรกดรหัสที่ประตูและรูดการ์ดที่อยู่ในกระเป๋าตน เมื่อเข้าประตูมานายตำรวจเน็กซ์กับสาก็ต้องตกใจสะดุ้งสุดขีด เมื่อเห็นเหล่าผีดิบซอมบี้หลายสิบตัวถูกขังอยู่ในกรงที่กันด้วยกระจกอีกชั้น กำลังร้องและเอือมมือมาจับคนคนทั้ง5ที่เดินอยู่บนทางเดินทั้งสองข้างอย่างหิวกระหาย

 

         "นี่มันบ้าอะไรกัน!!??" นายตำรวจเน็กซ์ถามนายสุนทรด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

         "นี่คือการทดลองครับ การทดลองไวรัสเพื่อการล้างโลก" นายสุนทรพาคนทั้ง2เดินผ่านทางเดินที่เต็มไปด้วยผีดิบมายังเปิดประตูด้วยรหัสและการ์ดเข้ามาในห้องทดลองสีขาว ที่มีนักวิทยาศาสตร์กำลังทำงานอยู่

 

        "เมื่อหลายเดือนก่อน เราบังเอิญได้รับรายงานจากสมาชิกที่ทำงานให้กับหน่วยแพทย์กรมสาธรณะสุขว่า มีเชื้อไวรัสตัวนึงสามารถเปลี่ยนชาวบ้านให้กลายเป็นซอมบี้ได้ เขานำเลือดที่ได้มาให้กับเราเพื่อทำการทดสอบ ผลที่ออกมาก็เป็นอย่างที่คุณเห็นด้านนอก"

 

         นายตำรวจเน็กซ์และสายืนอึ้งพูดอะไรไม่ออก

 

         "เมื่อสร้างได้สำเร็จเราก็นำมันออกวางขายในตลาดมืดเพื่อหาเงินทุนมาสร้างฐานใต้ดินทั่วโลก และแจกจ่ายไวรัสให้กับS.F.T.Wทุกสาขาทั่วโลก เพื่อให้มนุษย์กลายเป็นซอมบี้ฆ่ากันเอง โดยที่พวกเราจะอาศัยอยู่ที่ใต้ดินแห่งนี้ เพื่อรอเวลาให้โลกกลับมาสะอาดอีกครั้ง นี่คือแผนการของเรา" นายสุนทรพูดกับนายตำรวจเน็กซ์และสา

 

         "ชั่วร้ายมาก!!! ต้องมีผู้บริสุทธิ์กี่พันล้านคนต้องตายแกรู้บ้างไหม" นายตำรวจเน็กซ์พูดด้วยความโมโห เขาจะเข้ามาทำร้ายนายสุนทร แต่ก็ถูกชายร่างใหญ่จับตัวเอาไว้

 

         "เพื่อโลกสีเขียวใบนี้ต้องมีผู้เสียสละ!!!" นายสุนทรบอกด้วยสีหน้านิ่งเฉย "และตอนนี้ทุกอย่างได้ดำเนินไปแล้ว คุณเองก็ไม่สามารถที่จะหยุดเรื่องนี้ได้ ไม่มีใครหยุดวันสิ้นโลกนี้ได้แม้แต่พระเจ้า!!!"

 

         "แกมันปีศาจ!!!" สาด่านายสุนทร

 

         "เมื่อมันเกิดขึ้นจะไม่มีแม้แต่ปีศาจให้เราจดจำ จะมีแต่ความว่างเปล่าและผู้ที่สมควรอยู่รอดบนโลกใบนี้" นายสุนทรพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉยไร้ความรู้สึกที่แสดงออกมา แต่แววตาของเขากลับฉายแววแห่งความหวังที่คิดไปไกลถึงอนาคตที่เขาฝันถึง

 

         "แล้วคุณจะทำยังไงกับเราสองคน ในเมื่อเรารู้ความลับของคุณแล้ว คุณคงไม่คิดจะปล่อยเราไปใช่ไหม!!" นายตำรวจเน็กซ์ถามนายสุนทร

 

         "ไม่ครับไม่....ผมไม่ใช่พวกป่าเถื่อนแบบนั้น พรุ่งนี้เวลานี้ผมจะปล่อยคุณสองคนเดินออกไปดีๆโดยไม่มีใครทำอะไรคุณสองคน และเมื่อคุณออกไปแล้วคุณก็จะกลับมาที่นี่ไม่ได้อีกเป็นครั้งที่สอง นั่นคือข้อตกลงของเรา" นายสุนทรพูดยิ้มๆที่มุมปาก

 

        "แกไม่กลัวเราสองคนจะเอาความลับของแกไปเปิดเผยรึไง!!!" สาพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกว่าตนเองนั้นมีแต้มเหนือกว่า

 

        "เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะรู้เอง" นายสุทรพูดยิ้มๆกับสา

 

        "จะบอกว่าตอนนั้นโลกก็คงกลายเป็นนรกไปแล้วใช่ไหม" นายตำรวจเน็กซ์พูดเสียงสั่นเล็กน้อย

 

        "ปี๊ดดดด ปี๊ดดดดด!!!!" ระหว่างนั้นเองจู่ๆเสียงไซเรนก็ดังขึ้นมาพร้อมกับสัญญาณไฟสีแดง นักวิจัยที่อยู่ที่นี่ต่างพากันแตกตื่นและวิ่งหนีออกจากห้องทดลองด้วยความตกใจ

 

        "เกิดอะไรขึ้น!!" นายสุนทรถามพนักงานคนนึงที่วิ่งมาหาตน เพื่อรายงานสถานการณ์ตอนนี้

 

        "แย่แล้วครับ เกิดเรื่องแล้ว!!!" ชายคนนั้นรายงานไม่ทันจบ เขาก็ชักปืนออกมายิงเผาขนใส่นายสุนทรที่หัวจนเขาล้มลงตายคาที่ และหันมายิงใส่ชายชุดดำที่ไม่ทันตั้งตัวจนล้มลงอย่างรวดเร็ว

 

        "ไม่ต้องกลัว ผมไม่ทำร้ายคุณสองคนหรอก" ชายคนนั้นเก็บปืนจากศพชายร่างใหญ่ทั้งสองที่นอนบนพื้น

 

        "คุณเป็นใคร!!!" สาถาม

 

        "ผมก็เป็นคนๆหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พวกมันจะทำ เหมือนคุณสองคนนั่นล่ะ!!!" ชายคนนั้นค้นตัวนายสุนทรเพื่อเอาการ์ดอะไรบางอย่างจากกระเป๋าของเขา

 

          "ให้ผมเดานะ คุณคงเป็นพ่อค้าที่เคยติดต่อซื้อขายเชื้อไวรัสกับนายสุนทร แต่พอรู้ความจริงว่าเขาจะเอาไวรัสมาใช้ล้างโลกคุณก็เลยมาขัดขวาง" นายตำรวจเน็กซ์พูดอย่างรู้ทัน

 

          "เดาเก่งสมกับเป็นตำรวจ แต่ที่คุณไม่รู้ก็คือ ผมแอบตามคุณสองคนมาตลอดเพื่อหาแหล่งซ่อนตัวของพวกมัน เหมือนที่พวกมันแอบตามคุณ" ชายคนนั้นส่งปืนคืนให้นายตำรวจเน็กซ์ "แต่ผมคงช้าไป เพราะพวกมันแพร่เชื้อไปทั่วโลกแล้ว ตอนนี้ผมเลยอยากจะให้พวกมันได้รับในสิ่งที่ทำลงไปบ้าง"

 

           "คุณจะทำอะไร....!!!" สาถามชายคนนั้นระหว่างที่เขาเอาการ์ดที่ได้จากนายสุนทรมาที่คอมพิวเตอร์ในห้องทดลอง

 

         "ผมก็จะให้พวกมันที่นี่ได้ตั๋วเที่ยวแรกไปทัวร์นรกก่อนยังไงล่ะ" ชายคนนั้นพูดจบเขาก็กดคอมพิวเตอร์และรูดการ์ดที่ได้มา

 

         "อย่าบอกนะว่าคุณจะ!!!" ไม่ทันที่นายตำรวจเน็กซ์จะพูดจบชายคนนั้นก็กดปุ่ม Enter บนแป้นพิมพ์ทันที

 

         "คำเตือน!!! คำเตือน!!! พบเชื้อชีวะภาพรั่วไหลออกจากห้องทดลอง กรุณาอพยพไปที่ประตูฉุเฉินเป็นการด่วน!!! คำเตือน คำเตือน!!!" เสียงสัญญาณเตือนภัยเป็นเสียงผู้หญิงดังอย่างต่อเนื่องคู่ไปกับเสียงสัญญาณเตือนภัยก่อนหน้านี้

 

          "ในเมื่อทุกอย่างก็จะจบลงอยู่แล้ว จะทำแบบนี้หรือไม่ทำ ค่ามันก็เท่ากันอยู่ดี ฮ่า ฮ่า ฮ่า" ชายคนนั้นหัวเราะร่าเหมือนคนเสียสติ ท่ามกลางสัญญาณเตือนภัยที่ดังอย่างต่อเนื่อง

 

         ในหอประชุมผู้คนต่างพากันแตกตื่นและอพยพหนีตายกันอย่างบ้าคลั่ง เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณที่มาพร้อมกับความตายที่เดินได้ ออกไล่ล่ากินคนในนี้อย่างบ้าคลั่ง

 

          "บ้าเอ๊ย!!!" นายตำรวจเน็กซ์ชกหน้าชายคนนั้นอย่างแรงจนล้มลงบนพื้น และแย่งการ์ดมาจากเขา "เราต้องรีบหนีไปจากที่นี่แล้ว!!! หมอนี่เปิดกรงขังซอมบี้ออกมา!!!" นายตำรวจเน็กซ์หันมาพูดกับสา

 

         "ตาย!! ตาย!!! ตายไปเสียให้หมด!!! ฮ่า ฮ่า!!!" ชายคนนั้นนอนหัวเราะเหมือนคนบ้า

 

       "ก๊ากกกกก ก๊ากกกก!!!" ที่ประตูห้องทดลองมีเสียงร้องของพวกผีดิบและเสียงทุบประตูดังอย่างต่อเนื่อง โชคดีที่ประตูห้องทดลองจะเปิดได้ด้วยรหัส ประตูจึงกันพวกผีดิบไม่ให้เข้ามาได้

 

         "หมอนี่คงช๊อคกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนเสียสติไปแล้ว เราต้องรีบหนีออกไปจากที่นี่!!!" นายตำรวจเน็กซ์รีบมากดคอมพิวเตอร์และรูดการ์ดที่ได้มา "ชั้นใต้ดินแบบนี้ต้องมีทางออกฉุกเฉินอยู่แน่ๆ ในคอมพิวเตอร์น่าจะมีแผนผังบอกที่อยู่...นั่นยังไงล่ะ!!!" นายตำรวจเน็กซ์ตบโต๊ะคอมแรงๆด้วยความสะใจเมื่อได้ในสิ่งที่ตนต้องการ

 

        "เราคงไม่รอดไปจากที่นี่แน่ๆ ชั้นใต้ดินแบบนี้คงไม่มีทางออก" สาเริ่มกลัวจนเธอเริ่มสติแตกเหมือนชายคนนั้น

 

       นายตำรวจเน็กซ์เดินมาจับมือสาและมองหน้าเธอ "คุณต้องไม่ตายผมจะไม่ยอมให้คุณตาย เราจะรอดไปด้วยกัน" นายตำรวจเน็กซ์มองตาของสา "ผมจะปกป้องคุณเองคุณจำได้ไหม" สามองตานายตำรวจเน็กซ์ตอบ

 

       "ค่ะฉันจำได้" สาพยักหย้าตอบ

 

       "โอเค งั้นเราไปกันเถอะ ไปจากนรกนี่กัน" นายตำรวจเน็กซ์พาสาไปยังช่องลมระบายอากาศที่อยู่ในห้องทดลอง ทั้งคู่ปีนข้ามไปในนั้นอย่างรวดเร็วก่อนที่ประตูห้องทดลองจะพังออกมาไม่กี่วินาทีต่อจากนั้น

 

        "ก๊ากกกก!!! ก๊ากกกก!!!" เมื่อประตูห้องทดลองพัง ผีดิบหลายตนที่หลุดออกมาจากกรงขังวิ่งเข้ามาในห้องทดลอง รุมฉีกร่างของชายคนนั้นที่นอนหัวเราะอย่างคนเสียสติ ดังผ่านรอดช่องที่คนทั้งสองเพิ่งจากมา

 

        "เราจะไปไหนกัน!!!" สาที่คลานอยู่ข้างหลังถามนายตำรวจเน็กซ์ที่คลานอยู่ข้างหน้า

 

         "จากที่ผมดูแผนผังในคอม มันบอกว่าช่องลมนี้จะพาเราไปที่ห้องบันไดที่เป็นทางออกฉุกเฉิน ถ้าเราไปถึงห้องนั้นจะมีบันไดลิงพาเราขึ้นไปบนถนนพอดี" นายตำรวจเน็กซ์บอกกับสา

 

         ระหว่างทางที่ทั้งสองคนคลานไปนั้น จะมีช่องระบายอากาศที่สามารถมองลงไปด้านล่างได้เมื่อคลานอยู่ในช่อง

 

         สิ่งที่ทั้งสองคนเห็นคือสิ่งที่ทั้งคู่จะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต ภาพที่ทั้งสองคนเห็นคือภาพของนักศึกษาที่พยายามหนีตาย เมื่อถูกฝูงผีดิบวิ่งตามไล่ล่าบนทางเดิน มีทั้งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เสียงร้องขอความช่วยเหลือ และเสียงร้องของเหล่าคนตายที่ออกไล่ล่ากินคนเป็นที่ยังมีชีวิต

 

         ไม่มีใครเห็นทั้งสองคนที่กำลังคลานอยู่ในท่อ ทุกคนต่างพากันหนีตายอย่างไม่คิดชีวิต ชั้นใต้ดินที่เป็นฐานลับกลับกลายเป็นกรงขังขนาดใหญ่ที่ขังทุกคนไม่ให้หนีออกไปจากที่นี่ได้

 

        "เราน่าจะไปช่วยพวกนักศึกษาพวกนั้น" สาบอกกับนายตำรวจเน็กซ์กระหว่างกำลังคลาน

 

        "เราทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้แล้วครับ อาจจะดูเหมือนเห็นแก่ตัวแต่มันก็เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น เราช่วยใครไม่ได้หรอกเชื่อผม!!" นายตำรวจเน็กซ์บอกกับสา

 

        ทั้งสองคนพยายามไม่มองลงไปด้านล่างเมื่อผ่านช่องระบายอากาศ เพราะสิ่งที่พวกเขาเห็นมันคือสิ่งที่เรียกว่าความสยดสยอง ทั้งกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งเสียงแห่งความทรมาณและเจ็บปวด พวกเขาทั้งสองคนทำได้เพียงปล่อยให้มันผ่านเลยไปเท่านั้น

 

        เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ตั้งแต่ที่ทั้งสองคนมาที่แห่งนี้ การคลานในช่องระบายอากาศผ่านฐานใต้ดินขนาดใหญ่ใช้เวลามากกว่าที่คิด แต่คนทั้งสองที่มีความกลัวเป็นแรงผลักดันก็ไม่ย่อท้อยังคงคลานต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงห้องทางออกฉุกเฉินที่เป็นบันไดลิงที่พาดตรงสูงขึ้นไปบนพื้นผิว

 

       นายตำรวจเน็กซ์มองราดราวภายในห้องที่วางเปล่าไร้ผู้คน ก่อนถีบลูกกรงเหล็กและลงมาภายในห้อง

 

       "ประตูคงล๊อกจากข้างนอกด้วยคีย์การ์ด เลยไม่มีใครสามารถหนีมาที่นี่ได้นอกจากเรา" นายตำรวจเน็กซ์บอกกับสา "รีบไปกันเถอะ!!! ถ้าไปตอนนี้เราจะพอมีเวลาที่จะเอาเรื่องนี้ไปบอกทุกคน จะได้เตรียมตัวรับมือพวกซอมบี้ได้ถ้ามันเกิดขึ้น!!!" นายตำรวจเน็กซ์พูดด้วยน้ำเสียงรีบร้อนตื่นเต้น ผิดกับสาที่ยืนนิ่งๆไม่ตอบโต้อะไร

 

       "คุณคิดว่าอย่างไรคะกับแนวคิดของพวก S.F.T.W เรื่องที่จะทำให้โลกนี้มีแต่สีเขียวโดยการทำลายมนุษย์ให้หมดไปจากโลก" สายืนกอดอกถามนายตำรวจเน็กซ์

 

        "มันเป็นความคิดที่บ้าเอามากๆ!!!" นายตำรวจเน็กซ์พูดใส่อารมณ์ ผิดกับท่าทางปกติของเขาที่เป็นคนใจเย็น "ต้องมีคนถูกสังเวยชีวิตเป็นพันๆล้านคนทั่วโลกเลยนะ ผมเองก็รู้ว่ามนุษย์เรากำลังทำลายโลกอยู่ แต่การชำระล้างโลกโดยการฆ่าคนดูยังไงมันก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำแบบนั้น!!!"

 

        "แต่มันไม่มีทางอื่นที่ดีกว่านี้แล้วคุณก็รู้" สาพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย

 

        "อย่าบอกนะว่าคุณก็ถูกโน้มน้าวจิตใจไปด้วย!!!" นายตำรวจเน็กซ์เดินถอยหลังออกมาเมื่อพูดจบ "คุณต้องตั้งสติดีๆนะครับ คุณกำลังถูกชักจูงให้คิดแบบเดียวกับนายสุนทร มันไม่ใช่ความคิดของคุณ คุณต้องฟังผมนะคุณสา!!!" นายตำรวจเน็กซ์พยายามเรียกสติของสาให้กลับมา

 

         "ฉันใช้เวลาคิดดีแล้วคะ เมื่อตอนที่เราคลานไปมาในท่อเหมือนหนูที่หนีตายมาหลายชั่วโมง การเห็นความตายของผู้คนที่เกิดขึ้น กับคำพูดที่นายสุนทรบอกมันเป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นได้จริง และมันสมควรที่จะเกิดขึ้นโดยที่ไม่ควรที่จะถูกขัดขวาง ดังนั้นฉันจึงให้คุณไปบอกทุกคนไม่ได้ค่ะ" สาเล็งปืนมาทางนายตำรวจเน็กซ์ เธอขโมยมาจากเขาโดยไม่รู้ตัว

 

        "ไม่นะครับอย่าทำแบบนี้!!! คุณต้องคิดดูดีๆนะครับคุณสา!!!" นายตำรวจเน็กซ์พยายามเตือนสติสา ระหว่างที่เธอเล็งปืนมาทางเขา

 

         "เพื่อโลกสีเขียวจำเป็นต้องมีผู้เสียสละ" สาพูดจบเธอก็ยิงนายตำรวจเน็กซ์ทันที

 

          "ปัง ปัง ปัง!!!" เสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับสติของนายตำรวจหนุ่มที่ดับลงเหมือนคนมาปิดไฟจนมืดสนิท.....

 

          เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงหลังจากนั้น นายตำรวจเน็กซ์ที่ถูกยิงก็เริ่มมีสติ เขาถูกยิงที่หัวไหล่ซ้ายล้มลงหัวฟาดพื้นจนสลบไป สาที่คิดว่านายตำรวจเน็กซ์ตายแล้ว เธอจึงปีนขึ้นบันไดหนีไปเพียงคนเดียว

 

          "บ้าเอ๊ย!!!" นายตำรวจเน็กซ์พยายามตะเกียดตะกายลุกขึ้นยืน เขาพยายามปีนบันไดลิงขึ้นไปอย่างช้าๆ เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองนั้นหลับไปนานเท่าไหร่ แต่เขาก็หวังว่าอาจจะยังพอมีเวลาเหลือที่จะไปบอกทุกคนในเรื่องนี้

 

          เขาใช้เวลาหลายนาทีกับพลังที่หมดไปกับการปีนบันไดที่สูงเกือบ100เมตรจากพื้นดิน แต่หัวไหล่ที่บาดเจ็บกับร่างกายที่อ่อนล้าจึงเป็นอุปสรรคอย่างมาก

 

        "ไอ้บ้านรกแตกเอ๊ย!!!" นายตำรวจเน็กซ์พูดไปบนไปปีนไป

 

       เขาใช้ความพยายามอยู่หลายนาทีก่อนจะขึ้นมาถึงด้านบนในที่สุด

 

       นายตำรวจเน็กซ์หายใจหอบนอนแผ่หราบนพื้นถนน เมื่อเปิดฝาท่อออกมากลางถนนของมหาวิทยาลัย เขาเดาเวลาจากแสงอาทิตย์ที่สาดส่องอยู่เหนือหัวว่าน่าจะเป็นเวลาเที่ยง แต่รอบตัวเขากลับดูเงียบสงบทั้งที่มันเป็นวันธรรมดาที่น่าจะมีนักศึกษามาเรียนกันตามปกติ แต่รอบตัวของเขากลับไร้ซึ่งผู้คน

 

        เมื่อหายเหนื่อยเขาก็พยายามลุกขึ้นยืนเพื่อไปขอความช่วยเหลือ แต่ไม่ทันที่เขาจะก้าวเดินนายตำรวจเน็กซ์ก็พบกับสาที่ยืนรอเขาอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น

 

        "เจอกันอีกแล้วนะครับคุณสา" นายตำรวจเน็กซ์พูดกับสาที่ตอนนี้เธอได้กลายเป็นผีดิบไปแล้ว 

 

       ใบหน้าของหญิงสาวนั้นซีดเผือกเสื้อเปื้อนไปด้วยเลือดและที่แขนของเธอมีรอยแผลเหมือนถูกกัด

 

        "ก๊ากกกก!!! ก๊ากกก!!!" สาวิ่งมาหานายตำรวจเน็กซ์ทันทีเมื่อเห็นเขา

 

        "บ้าเอ๊ย..." นายตำรวจเน็กซ์พยายามตั้งสติเมื่อเห็นสาวิ่งร้องเสียงดังมาทางตน เขาไม่มีทั้งอาวุทและแรงที่จะต่อสู้ได้แล้วตอนนี้

 

        "!!!!!! ????" และตอนนั้นเองก็มีบ้างสิ่งก็เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว...!!!!!

 

         "ก๊ากกกกก!!! ปัง!!!" เสียงร้องของสาที่เป็นซอมบี้ถูกรถเก๋งที่ขับมาด้วยความเร็ววิ่งชน จนร่างของสากระเด็นไปนอนกองอยู่บนพื้น

 

        "คุณถูกกัดรึเปล่า" นักศึกษาสาวในชุดที่เปื้อนไปด้วยเลือดถามนายตำรวจเน็กซ์เมื่อจอดรถข้างๆเขา

 

       "เปล่าแต่ถูกยิง" นายตำรวจเน็กซ์บอกด้วยท่าทางอ่อนเพลีย

 

       "งั้นก็รีบขึ้นรถ!!! ทีนี่มีแต่ซอมบี้เต็มไปหมด ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน!!!" นักศึกษาสาวพูดกับนายตำรวจเน็กซ์

 

       "ผมรู้ว่ามันเกิดจากอะไร" นายตำรวจเน็กซ์เดินมาขึ้นรถและบอกกับนักศึกษาสาว ก่อนที่รถจะขับออกไปสู่โลกภายนอกที่เรียกว่านรก....

เนื้อหาโดย: yongyee
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
yongyee's profile


โพสท์โดย: yongyee
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 มาแน่! คนทั่วไปรับผ่านดิจิทัลวอลเล็ต กระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568เลขเด็ด เลขมาแรง เลขดัง "รวมหวยเด็ดสำนักดัง vol.11" งวดวันที่ 2 มกราคม 2568เชน ธนา การเงินวิกฤตหนัก ตัดใจประกาศขายออฟฟิศ 3 ตึก ราคารวมเกือบร้อยล้านน้ำใจยิ่งใหญ่! หนุ่มไร้เงินขอติดรถกลับบ้าน เจอผู้ให้เต็มคันสุดอบอุ่น"เหมือนเป๊ะ! แตงโมจัดเต็มโคฟเวอร์ 'เจ๊มิ่ง' แซ่บเวอร์ทุกดีเทล"ชั่วขณะสุดท้ายของชีวิต หากถูกประหารด้วยกิโยติน เราจะรู้สึกอย่างไร?Baby V.O.X เกิร์ลกรุ๊ประดับตำนานของเกาหลี คัมแบ๊กในรอบ 14 ปี นำโดย 'ยุนอึนเฮ'โบราณสถานอายุกว่า 1,300 ปี แห่งไซบีเรีย ซึ่งเต็มไปด้วยปริศนาที่รอคำตอบฮือฮาเหนือท้องฟ้าประเทศไทยหลายพื้นที่! แห่สงสัย มนุษย์ต่างดาว?ชาวต่างด้าวข้ามฝั่งมาคลอดฟรี คนไทยเสียงแตก งานนี้ใครได้ ใครเสียคลิปไวรัล คุณยายวัย 95 ปี หัวเราะจนหงายหลัง ชาวเน็ตเเห่ถามคุณยายเป็นอะไรคนดูยังท้อ!! หนุ่มทำคอนเทนต์ตามล่า “ ช็อกโกแลตดูไบ” ในเซเว่น หาทั้งจังหวัด 23 สาขา ก็ยังไม่มี แต่สุดท้ายได้ลองสมใจ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
รีบมา! คืนนี้วันสุดท้ายแล้ว "ตำรวจตกน้ำ" ไวรัลสุดเสียวกาชาด 2567 หล่อ เปียก ฮา พุ่งกระจาย!อย่าท้าทายระบบ! "สารวัตรแจ๊ะ" เผยสาเหตุที่ต้องใส่แมสก์ และสวมหมวกตลอดเวลาสั่งพักงานยกชุด! 18 ตำรวจจราจร ปมตั้งโต๊ะจับปรับ 'เจอจ่ายจบ'"ร่วมส่งใจ อาเป็ด เชิญยิ้ม แอดมิตด่วน เจอพิษ “โนโรไวรัส” ยังไม่มียา-วัคซีน ชวนป้องกัน กินสุกลดเสี่ยง ล้างมือบ่อย #ลดเสี่ยงโรคโบราณสถานอายุกว่า 1,300 ปี แห่งไซบีเรีย ซึ่งเต็มไปด้วยปริศนาที่รอคำตอบ
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
โบราณสถานอายุกว่า 1,300 ปี แห่งไซบีเรีย ซึ่งเต็มไปด้วยปริศนาที่รอคำตอบโบสถ์เซนต์แมรี่แห่งไซออน, เอธิโอเปียเขาพระวิหาร: สัญลักษณ์แห่งความงดงามและความขัดแย้งภาพสุดท้าย
ตั้งกระทู้ใหม่