เผยที่มาของ "หนังกลางแปลง" ในประเทศไทย
ในปัจจุบันนี้ หนังกลางแปลงก็ถือเป็นกิจกรรมรื่นเริงที่จัดขึ้นตอนกลางคืนในที่โล่งแจ้ง และจะมีเครื่องฉายหนังชนิดฟิล์มในการฉายภาพลงบนผื้นผ้าใบสีขาวขนาดใหญ่ โดยมักจะจัดขึ้นในงานรื่นเริงต่างๆ หรือแม้กระทั่งในงานวัด
ทั้งนี้ประวัติศาสตร์ของหนังกลางแปลงนั้น เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อประเทศสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต ได้กลายเป็นประเทศมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ของโลกใบนี้ เนื่องจากทั้งสองฝั่งมีอุดมการณ์เป็นของตัวเอง และมุ่งหวังให้ไทยนั้นเป็นด้านหน้าในการต่อต้านคอมมิวนิสต์ ดังนั้นหนังกลางแปลงจึงถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่อุดมการณ์ทางด้านการเมือง อีกทั้งยังใช้เพื่อประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่างๆ ของรัฐบาล และเอกชน รวมถึงยังใช้ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ขายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัทภายใน หมู่บ้านนั้นๆ อีกด้วย
โดยหนังกลางแปลงจะถูกเรียกไปต่างๆ นานา อาทิ หนังล้อมผ้า, หนังล้อมรั้ว, หนังเร่ หรือหนังขายยา เป็นต้น โดยแต่ละชื่อนั้นก็จะเผยให้เห็นถึงบรรยากาศภายนอก ตัวอย่างเช่น หนังล้อมผ้า หรือหนังล้อมรั้ว จะใช้เรียกเมื่อในพื้นที่ของหนังกลางแปลงนั้นล้อมไปด้วยผ้า หรือสังกะสี โดยจะมีการเก็บเงินค่าตั๋วก่อนการเข้ารับชม ส่วนของหนังขายยา ก็จะเป็นหนังกลางแปลงที่เข้าชมฟรี แต่จะมีการขายผลิตภัณฑ์สลับกับการฉายหนัง และในชื่อหน่วยประชาสัมพันธ์ ก็เป็นการทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ภายในหมู่บ้านนั่นเอง
สำหรับหนังกลางแปลงในอดีตนั้น มักจะฉายกันในเวลากลางคืน โดยใช้เครื่องฉายฟิล์มฉายลงบนผืนผ้าใบสีขาวขนาดใหญ่ ควบคู่ไปกับเครื่องขยายเสียง และมีนักพากย์มาพากย์สดๆ ไปพร้อมกับหนัง แต่ในปัจจุบันนี้จะเป็นการฉายหนัง ที่มาพร้อมกับเสียงในฟิล์ม ถึงแม้ว่าเอกลักษณ์ของนักพากย์สดจะหายไปแล้วนั้น แต่หนังกลางแปลงก็ยังเป็นที่นิยม และเป็นความบันเทิงในกลุ่มคนที่ชอบความย้อนยุคอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน พอยุคสมัยเริ่มเปลี่ยนไป ประเทศไทยก็ได้รับอิทธิพลด้านเทคโนโลยีจากต่างประเทศมากขึ้น ทำให้ทีวีเริ่มเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประชาชนมากขึ้น และทีวียังสามารถรับชมความบันเทิงได้โดยไม่จำเป็นต้องออกจากบ้าน รวมทั้งยังมีบรรดาแผ่นซีดี วีซีดี และดีวีดีต่างๆ ที่เอื้ออำนวยให้ใช้งานร่วมกัน อีกทั้งยังมีโรงภาพยนตร์มัลติเพล็กซ์เกิดขึ้นมากมาย รวมทั้งยังสามารถดูหนังผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ต่างๆ ทำให้หนังกลางแปลงถูกลดบทบาทลง เหลือเพียงไม่กี่หน่วยบริการเท่านั้น จนบางครั้งก็กลายเป็นเพียงมหรสพที่ใช้ในการแก้บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือฉายตามงานวัด งานรื่นเริงต่างๆ แทบจะหารับชมได้ยากในปัจจุบัน