หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ไดอารี่ปริศนาเล่มที่ 3 กลัวเงียบที่คอยกัดกิน

โพสท์โดย นักเดินทางผู้อาภัพ

 

 

 โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเมืองเล็กๆ ดูเหมือนเป็นสถานที่ที่สงบสุขและมีระเบียบเรียบร้อย แต่ภายใต้ภาพลวงตานั้น มีบางสิ่งที่ถูกซ่อนเอาไว้ โรงเรียนแห่งนี้ไม่ได้วัดค่าความสำเร็จจากความสามารถ แต่กลับสนใจแค่เพียงตัวเลขและเกียรติยศ ภายใต้โครงสร้างที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบ นักเรียนจำนวนไม่น้อยต้องทนอยู่ในความทุกข์ทรมานที่ไม่มีใครรับรู้

 

ภูมิ เด็กชายธรรมดาๆ ที่ไม่โดดเด่นในด้านใดๆ เขาถูกเพื่อนร่วมชั้นมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือครู ไม่มีใครสนใจในความรู้สึกหรือการมีอยู่ของเขา ภูมิเป็นคนที่พูดน้อยและเก็บตัว แต่เบื้องหลังความเงียบงันนั้นคือความเจ็บปวดที่สะสมมาจากการถูกรังแกโดยกลุ่มนักเรียนที่มีอิทธิพลในชั้นเรียน

 

น้ำตาล เพื่อนร่วมชั้นของภูมิ เป็นเด็กสาวที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความเป็นจริง เธอมักจะเลือกที่จะนิ่งเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว เพราะกลัวว่าจะเป็นเป้าหมายของการรังแกเช่นเดียวกับภูมิ เธอรู้สึกถึงความผิดบาปในใจทุกครั้งที่เห็นภูมิถูกรังแก แต่ก็ไม่กล้าที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ

 

ภูมิต้องเผชิญกับการถูกรังแกในโรงเรียนทุกวัน เขาถูกทำให้รู้สึกว่าไม่มีค่า ไม่มีใครสนใจในความคิดหรือความรู้สึกของเขา ครูศักดิ์ ครูประจำชั้นที่ควรจะเป็นที่พึ่ง กลับไม่เคยสังเกตหรือสนใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับภูมิเลย เขามักจะบอกนักเรียนว่า "เด็กๆ ต้องเรียนรู้ที่จะจัดการปัญหาด้วยตนเอง" ซึ่งกลายเป็นข้ออ้างที่ทำให้เขาละเลยต่อหน้าที่ในการปกป้องนักเรียน

 

ปริม เพื่อนอีกคนหนึ่งของภูมิ เป็นเด็กสาวที่รักการวาดรูป เธอชอบเก็บความรู้สึกและใช้การวาดรูปเป็นที่ระบาย แต่ทุกภาพที่เธอวาดมักสะท้อนถึงความเศร้าและความสิ้นหวังที่เธอไม่สามารถช่วยเหลือภูมิได้ แม้เธอจะรู้สึกผิดในใจ แต่ก็ไม่เคยกล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับกลุ่มนักเรียนที่รังแกภูมิ

 

แม้ว่าภูมิจะพยายามหาทางบอกครูและผู้ใหญ่เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทุกครั้งที่เขาพยายามพูด เสียงของเขากลับถูกเพิกเฉย ไม่มีใครได้ยิน ไม่มีใครสนใจ และเขาก็เริ่มเชื่อว่าการหายตัวไปอาจจะเป็นทางออกเดียวที่จะหลุดพ้นจากความเจ็บปวดนี้

 

วันหนึ่ง การรังแกที่ภูมิต้องเผชิญเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาถูกทำร้ายทางกายและจิตใจจนสุดที่จะทนไหว ภูมิรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกดึงเข้าสู่ความมืดมิดที่ไม่มีทางหลบหนี เขาเริ่มคิดว่าการหายตัวไปจากโลกนี้อาจเป็นวิธีเดียวที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด

 

ภูมิหายตัวไปจากโรงเรียน โดยไม่มีใครสังเกตเห็นในช่วงวันแรกๆ ทุกคนในห้องเรียนคิดว่าเขาอาจจะป่วยหรือมีธุระส่วนตัว แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลายวันกลายเป็นหลายสัปดาห์ การหายตัวไปของภูมิกลายเป็นสิ่งที่ถูกลืมไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นต่อความว่างเปล่าในที่นั่งของเขา และชีวิตในโรงเรียนก็เดินหน้าต่อไปอย่างเดิม

 

น้ำตาลที่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในห้องเรียน เริ่มถามเพื่อนๆ เกี่ยวกับภูมิ แต่คำตอบที่ได้กลับเป็นเพียงการคาดเดาอย่างไร้สาระ ไม่มีใครรู้ และที่สำคัญคือไม่มีใครสนใจว่าภูมิหายไปไหน

 

เวลาผ่านไป การหายตัวไปของภูมิกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีใครพูดถึงอีกต่อไป ห้องเรียนกลับสู่ความเงียบงันเหมือนเดิม และชีวิตของนักเรียนและครูก็เดินหน้าต่อไปอย่างที่เคยเป็น

 

ปริมที่เคยเฝ้าดูเหตุการณ์จากระยะไกล รู้สึกถึงความผิดบาปในใจ เธอรู้สึกเสียใจที่ไม่เคยทำอะไรเลยเมื่อตอนที่ภูมิยังอยู่ เธอมองดูสมุดสเก็ตช์ของตัวเองที่เต็มไปด้วยภาพวาดของภูมิในสถานการณ์ต่างๆ ที่เธอเคยเห็นแต่ไม่เคยกล้าเข้าไปช่วยเหลือ ความเงียบที่กัดกินใจของเธอกลายเป็นสิ่งที่ยากจะทนทาน

 

ปริมตัดสินใจออกตามหาภูมิที่บ้านของเขา แต่พบว่าบ้านของภูมิถูกปิดเงียบ เพื่อนบ้านบอกว่า ครอบครัวของภูมิได้ย้ายออกไปอย่างกระทันหัน ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาไปที่ไหน หรือเกิดอะไรขึ้น ปริมรู้สึกถึงความสูญเสียและความว่างเปล่าที่ไม่อาจเติมเต็มได้ เธอรู้ว่าไม่มีทางที่จะหาภูมิได้อีกแล้ว

 

หลังจากการหายตัวไปของภูมิ น้ำตาลเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปกติในโรงเรียน เธอสังเกตเห็นว่าไม่ใช่แค่ภูมิที่เคยถูกรังแก แต่ยังมีนักเรียนคนอื่นๆ ที่เคยตกเป็นเหยื่อเช่นกัน แต่ทุกคนกลับเงียบเชียบและไม่กล้าพูดถึงมัน เพราะกลัวว่าจะได้รับผลกระทบเหมือนภูมิ

 

น้ำตาลเริ่มรู้สึกว่าเธอไม่สามารถนิ่งเฉยต่อไปได้อีก เธอพยายามคุยกับปริมและนักเรียนคนอื่นๆ ที่รู้จักภูมิ เพื่อตามหาความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น น้ำตาลและปริมพบว่านักเรียนหลายคนเคยถูกกลั่นแกล้งเช่นเดียวกับภูมิ แต่ไม่มีใครกล้าที่จะพูดออกมา พวกเขากลัวว่าจะถูกรังแกหนักขึ้น หรือถูกทำร้ายเหมือนกับภูมิ

 

ปริมที่เคยใช้การวาดรูปเป็นการหลบหนีจากความจริง ตัดสินใจร่วมมือกับน้ำตาลในการเปิดเผยความจริงนี้ เธอเริ่มวาดภาพที่สะท้อนถึงความเจ็บปวดและความสิ้นหวังของนักเรียนที่ถูกรังแก และนำภาพเหล่านั้นไปจัดแสดงในนิทรรศการศิลปะของโรงเรียน โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้คนในโรงเรียนรับรู้ถึงปัญหานี้

 

นิทรรศการของปริมกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ภาพวาดที่แสดงความเจ็บปวดและความสิ้นหวังดึงดูดความสนใจจากนักเรียนและครูหลายคน พวกเขาเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังภาพวาดเหล่านั้น และสงสัยว่ามีอะไรที่ถูกซ่อนอยู่ในโรงเรียนนี้

 

น้ำตาลและปริมใช้โอกาสนี้ในการบอกเล่าเรื่องราวของภูมิและนักเรียนคนอื่นๆ ที่ถูกรังแก พวกเขาร่วมมือกับนักเรียนคนอื่นๆ ที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับปัญหานี้ จัดประชุมลับภายในกลุ่มนักเรียน เพื่อรวบรวมหลักฐานและคำให้การจากนักเรียนที่เคยถูกรังแก

 

กลุ่มนักเรียนเริ่มยื่นจดหมายร้องเรียนต่อผู้บริหารโรงเรียน โดยแนบหลักฐานและคำให้การของนักเรียนที่เป็นเหยื่อเข้าไปด้วย จดหมายร้องเรียนนี้ได้รับความสนใจจากผู้บริหารในทันทีเมื่อผู้บริหารได้รับจดหมายร้องเรียนและได้เห็นภาพวาดที่ปริมจัดแสดงในนิทรรศการ พวกเขารู้สึกว่าปัญหาที่ถูกปิดบังไว้ไม่อาจถูกเพิกเฉยอีกต่อไป การประชุมด่วนถูกจัดขึ้น มีทั้งครูใหญ่ คณะกรรมการโรงเรียน ตัวแทนจากผู้ปกครอง และตัวแทนนักเรียนเข้าร่วม

 

ครูศักดิ์ ที่เคยนิ่งเฉยต่อปัญหาการถูกรังแก ถูกเรียกมาตอบคำถามต่อหน้าทุกคน ครูศักดิ์พยายามแก้ตัวว่าเขาไม่รู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่คำพูดของเขากลับไม่ได้รับความเชื่อถือ ภาพวาดของปริมที่แสดงให้เห็นถึงความทุกข์ของนักเรียนกลายเป็นหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ครูศักดิ์ถูกตัดสินใจให้ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากการละเลยต่อหน้าที่ที่มีต่อนักเรียน

 

ผู้บริหารตัดสินใจเปลี่ยนแปลงระบบการดูแลนักเรียนใหม่ทั้งหมด พวกเขารับฟังข้อเสนอจากน้ำตาล ปริม และนักเรียนคนอื่นๆ ในการสร้างโครงการป้องกันการรังแกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงจัดตั้งกลุ่มสนับสนุนสำหรับนักเรียนที่เคยตกเป็นเหยื่อของการรังแก

 

น้ำตาลและปริมได้รับการยอมรับจากเพื่อนนักเรียนและครูในโรงเรียน พวกเธอกลายเป็นตัวแทนของความยุติธรรมและเสียงที่ไม่มีใครกล้าเพิกเฉยอีกต่อไป นักเรียนในโรงเรียนเริ่มรู้สึกว่าพวกเขามีสิทธิ์และสามารถพูดออกมาได้เมื่อเผชิญกับความอยุติธรรม

 

โรงเรียนที่เคยเต็มไปด้วยความเงียบงันและความห่วยแตก เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง นักเรียนกล้าที่จะพูดคุยและเปิดใจถึงปัญหาที่พวกเขาเผชิญ ไม่มีใครต้องรู้สึกโดดเดี่ยวหรือถูกทอดทิ้งอีกต่อไป ความหวังและความเชื่อมั่นถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่

 

แม้ว่าภูมิจะไม่สามารถกลับมาได้ แต่เรื่องราวของเขากลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนคนอื่นๆ ในการยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม ทุกคนได้เรียนรู้ว่าการนิ่งเฉยไม่ใช่ทางออก และการร่วมมือกันเท่านั้นที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้

 

ในที่สุด โรงเรียนก็กลายเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและอบอุ่นสำหรับนักเรียนทุกคน ความเป็นธรรมและความเคารพกลับคืนมาอีกครั้ง และเรื่องราวของภูมิจะไม่มีวันถูกลืม นักเรียนทุกคนต่างจดจำว่าพวกเขามีค่า และไม่มีใครควรถูกละเลยอีกต่อไป 

 

_____________

 

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจนจบนะครับ

โพสท์โดย: นักเดินทางผู้อาภัพ
อ้างอิงจาก: ลิ้งรี้ด
https://www.readawrite.com/?action=user_page&user_id_publisher=12119092


อ่านเรื่องราวนี้ได้เพิ่มที่
https://www.readawrite.com/a/dfcf3673107c6a76a231af56f4c31438


ไม่ต้องถามนะว่าทำไมถึงไม่เปลี่ยนปกเพราะว่าขี้เกียจหา🤫
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ทำไมทางเดินในสมัยราชวงศ์ฉินกว่า 2,000 ปีนี้ถึงไม่มีหญ้าขึ้นปกคลุมจนถึงปัจจุบัน?โรงงานชื่อดังในชลบุรี ประกาศปลดพนักงานจำนวนมากในช่วงปีใหม่ พร้อมสั่งหยุดงานยาว 2 เดือน โดยจ่ายค่าตอบแทนเพียง 75%ทนายตั้มถูกตำรวจบุกค้นบ้าน พบกระเป๋าแบรนด์เนม 21 ใบ พร้อมทรัพย์สินจำนวนมาก"เปิดวาร์ป 2 ลูกสาว โดนัลด์ ทรัมป์ สวยเก่งแซ่บไม่แพ้ใคร"ดราม่าโอลิมปิกเดือด นักมวยหญิงแอลจีเรียโดนแฉอาจไม่ใช่ผู้หญิง แฟนคลับช็อกลุ้นฟ้องเรียกคืนเหรียญเพชร สหรัฐ อดีตภรรยาลุยฟ้องปลอมลายมือชื่อหวังคอนเทนต์นี้เรียกยอดวิว สุดท้ายโดนทัวร์ลงถล่มยับ เพราะโซเชียล ไม่อินตามความแตกต่างระหว่างสายพันธุ์สัตว์เลื้อยคลานน้ำ: อะลิเกเตอร์ จระเข้ การ์เรียล และไคแมนpreserve: อนุรักษ์ชาวมะกันเตรียมย้ายประเทศ!หลังได้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี!ทะเลสาบ "Lake Sørvágsvatn" ในหมู่เกาะแฟโร กับภาพลวงตาชุดล่าวาฬกรีนแลนด์โบราณ มรดกแห่งภูมิปัญญาท้องถิ่นจากปี 1834
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ชุดล่าวาฬกรีนแลนด์โบราณ มรดกแห่งภูมิปัญญาท้องถิ่นจากปี 1834ผิดไหมที่ไม่รักแม่
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
“โกเบคลี เทเป” (Gobekli Tepe) วิหารแห่งแรกของโลกปราสาทจามปา โปกลองการาย (Po Klong Garai Temple)รีวิวHarry Potter!!🌲ประตูสู่โลกที่ไม่เคยมีใครรู้จัก✨ตอนที่ 4
ตั้งกระทู้ใหม่