ไดอารี่ปริศนาเล่มที่ 3 กลัวเงียบที่คอยกัดกิน
โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเมืองเล็กๆ ดูเหมือนเป็นสถานที่ที่สงบสุขและมีระเบียบเรียบร้อย แต่ภายใต้ภาพลวงตานั้น มีบางสิ่งที่ถูกซ่อนเอาไว้ โรงเรียนแห่งนี้ไม่ได้วัดค่าความสำเร็จจากความสามารถ แต่กลับสนใจแค่เพียงตัวเลขและเกียรติยศ ภายใต้โครงสร้างที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบ นักเรียนจำนวนไม่น้อยต้องทนอยู่ในความทุกข์ทรมานที่ไม่มีใครรับรู้
ภูมิ เด็กชายธรรมดาๆ ที่ไม่โดดเด่นในด้านใดๆ เขาถูกเพื่อนร่วมชั้นมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือครู ไม่มีใครสนใจในความรู้สึกหรือการมีอยู่ของเขา ภูมิเป็นคนที่พูดน้อยและเก็บตัว แต่เบื้องหลังความเงียบงันนั้นคือความเจ็บปวดที่สะสมมาจากการถูกรังแกโดยกลุ่มนักเรียนที่มีอิทธิพลในชั้นเรียน
น้ำตาล เพื่อนร่วมชั้นของภูมิ เป็นเด็กสาวที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความเป็นจริง เธอมักจะเลือกที่จะนิ่งเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว เพราะกลัวว่าจะเป็นเป้าหมายของการรังแกเช่นเดียวกับภูมิ เธอรู้สึกถึงความผิดบาปในใจทุกครั้งที่เห็นภูมิถูกรังแก แต่ก็ไม่กล้าที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ
ภูมิต้องเผชิญกับการถูกรังแกในโรงเรียนทุกวัน เขาถูกทำให้รู้สึกว่าไม่มีค่า ไม่มีใครสนใจในความคิดหรือความรู้สึกของเขา ครูศักดิ์ ครูประจำชั้นที่ควรจะเป็นที่พึ่ง กลับไม่เคยสังเกตหรือสนใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับภูมิเลย เขามักจะบอกนักเรียนว่า "เด็กๆ ต้องเรียนรู้ที่จะจัดการปัญหาด้วยตนเอง" ซึ่งกลายเป็นข้ออ้างที่ทำให้เขาละเลยต่อหน้าที่ในการปกป้องนักเรียน
ปริม เพื่อนอีกคนหนึ่งของภูมิ เป็นเด็กสาวที่รักการวาดรูป เธอชอบเก็บความรู้สึกและใช้การวาดรูปเป็นที่ระบาย แต่ทุกภาพที่เธอวาดมักสะท้อนถึงความเศร้าและความสิ้นหวังที่เธอไม่สามารถช่วยเหลือภูมิได้ แม้เธอจะรู้สึกผิดในใจ แต่ก็ไม่เคยกล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับกลุ่มนักเรียนที่รังแกภูมิ
แม้ว่าภูมิจะพยายามหาทางบอกครูและผู้ใหญ่เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทุกครั้งที่เขาพยายามพูด เสียงของเขากลับถูกเพิกเฉย ไม่มีใครได้ยิน ไม่มีใครสนใจ และเขาก็เริ่มเชื่อว่าการหายตัวไปอาจจะเป็นทางออกเดียวที่จะหลุดพ้นจากความเจ็บปวดนี้
วันหนึ่ง การรังแกที่ภูมิต้องเผชิญเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาถูกทำร้ายทางกายและจิตใจจนสุดที่จะทนไหว ภูมิรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกดึงเข้าสู่ความมืดมิดที่ไม่มีทางหลบหนี เขาเริ่มคิดว่าการหายตัวไปจากโลกนี้อาจเป็นวิธีเดียวที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ภูมิหายตัวไปจากโรงเรียน โดยไม่มีใครสังเกตเห็นในช่วงวันแรกๆ ทุกคนในห้องเรียนคิดว่าเขาอาจจะป่วยหรือมีธุระส่วนตัว แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลายวันกลายเป็นหลายสัปดาห์ การหายตัวไปของภูมิกลายเป็นสิ่งที่ถูกลืมไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นต่อความว่างเปล่าในที่นั่งของเขา และชีวิตในโรงเรียนก็เดินหน้าต่อไปอย่างเดิม
น้ำตาลที่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในห้องเรียน เริ่มถามเพื่อนๆ เกี่ยวกับภูมิ แต่คำตอบที่ได้กลับเป็นเพียงการคาดเดาอย่างไร้สาระ ไม่มีใครรู้ และที่สำคัญคือไม่มีใครสนใจว่าภูมิหายไปไหน
เวลาผ่านไป การหายตัวไปของภูมิกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีใครพูดถึงอีกต่อไป ห้องเรียนกลับสู่ความเงียบงันเหมือนเดิม และชีวิตของนักเรียนและครูก็เดินหน้าต่อไปอย่างที่เคยเป็น
ปริมที่เคยเฝ้าดูเหตุการณ์จากระยะไกล รู้สึกถึงความผิดบาปในใจ เธอรู้สึกเสียใจที่ไม่เคยทำอะไรเลยเมื่อตอนที่ภูมิยังอยู่ เธอมองดูสมุดสเก็ตช์ของตัวเองที่เต็มไปด้วยภาพวาดของภูมิในสถานการณ์ต่างๆ ที่เธอเคยเห็นแต่ไม่เคยกล้าเข้าไปช่วยเหลือ ความเงียบที่กัดกินใจของเธอกลายเป็นสิ่งที่ยากจะทนทาน
ปริมตัดสินใจออกตามหาภูมิที่บ้านของเขา แต่พบว่าบ้านของภูมิถูกปิดเงียบ เพื่อนบ้านบอกว่า ครอบครัวของภูมิได้ย้ายออกไปอย่างกระทันหัน ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาไปที่ไหน หรือเกิดอะไรขึ้น ปริมรู้สึกถึงความสูญเสียและความว่างเปล่าที่ไม่อาจเติมเต็มได้ เธอรู้ว่าไม่มีทางที่จะหาภูมิได้อีกแล้ว
หลังจากการหายตัวไปของภูมิ น้ำตาลเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปกติในโรงเรียน เธอสังเกตเห็นว่าไม่ใช่แค่ภูมิที่เคยถูกรังแก แต่ยังมีนักเรียนคนอื่นๆ ที่เคยตกเป็นเหยื่อเช่นกัน แต่ทุกคนกลับเงียบเชียบและไม่กล้าพูดถึงมัน เพราะกลัวว่าจะได้รับผลกระทบเหมือนภูมิ
น้ำตาลเริ่มรู้สึกว่าเธอไม่สามารถนิ่งเฉยต่อไปได้อีก เธอพยายามคุยกับปริมและนักเรียนคนอื่นๆ ที่รู้จักภูมิ เพื่อตามหาความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น น้ำตาลและปริมพบว่านักเรียนหลายคนเคยถูกกลั่นแกล้งเช่นเดียวกับภูมิ แต่ไม่มีใครกล้าที่จะพูดออกมา พวกเขากลัวว่าจะถูกรังแกหนักขึ้น หรือถูกทำร้ายเหมือนกับภูมิ
ปริมที่เคยใช้การวาดรูปเป็นการหลบหนีจากความจริง ตัดสินใจร่วมมือกับน้ำตาลในการเปิดเผยความจริงนี้ เธอเริ่มวาดภาพที่สะท้อนถึงความเจ็บปวดและความสิ้นหวังของนักเรียนที่ถูกรังแก และนำภาพเหล่านั้นไปจัดแสดงในนิทรรศการศิลปะของโรงเรียน โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้คนในโรงเรียนรับรู้ถึงปัญหานี้
นิทรรศการของปริมกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ภาพวาดที่แสดงความเจ็บปวดและความสิ้นหวังดึงดูดความสนใจจากนักเรียนและครูหลายคน พวกเขาเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังภาพวาดเหล่านั้น และสงสัยว่ามีอะไรที่ถูกซ่อนอยู่ในโรงเรียนนี้
น้ำตาลและปริมใช้โอกาสนี้ในการบอกเล่าเรื่องราวของภูมิและนักเรียนคนอื่นๆ ที่ถูกรังแก พวกเขาร่วมมือกับนักเรียนคนอื่นๆ ที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับปัญหานี้ จัดประชุมลับภายในกลุ่มนักเรียน เพื่อรวบรวมหลักฐานและคำให้การจากนักเรียนที่เคยถูกรังแก
กลุ่มนักเรียนเริ่มยื่นจดหมายร้องเรียนต่อผู้บริหารโรงเรียน โดยแนบหลักฐานและคำให้การของนักเรียนที่เป็นเหยื่อเข้าไปด้วย จดหมายร้องเรียนนี้ได้รับความสนใจจากผู้บริหารในทันทีเมื่อผู้บริหารได้รับจดหมายร้องเรียนและได้เห็นภาพวาดที่ปริมจัดแสดงในนิทรรศการ พวกเขารู้สึกว่าปัญหาที่ถูกปิดบังไว้ไม่อาจถูกเพิกเฉยอีกต่อไป การประชุมด่วนถูกจัดขึ้น มีทั้งครูใหญ่ คณะกรรมการโรงเรียน ตัวแทนจากผู้ปกครอง และตัวแทนนักเรียนเข้าร่วม
ครูศักดิ์ ที่เคยนิ่งเฉยต่อปัญหาการถูกรังแก ถูกเรียกมาตอบคำถามต่อหน้าทุกคน ครูศักดิ์พยายามแก้ตัวว่าเขาไม่รู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่คำพูดของเขากลับไม่ได้รับความเชื่อถือ ภาพวาดของปริมที่แสดงให้เห็นถึงความทุกข์ของนักเรียนกลายเป็นหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ครูศักดิ์ถูกตัดสินใจให้ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากการละเลยต่อหน้าที่ที่มีต่อนักเรียน
ผู้บริหารตัดสินใจเปลี่ยนแปลงระบบการดูแลนักเรียนใหม่ทั้งหมด พวกเขารับฟังข้อเสนอจากน้ำตาล ปริม และนักเรียนคนอื่นๆ ในการสร้างโครงการป้องกันการรังแกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงจัดตั้งกลุ่มสนับสนุนสำหรับนักเรียนที่เคยตกเป็นเหยื่อของการรังแก
น้ำตาลและปริมได้รับการยอมรับจากเพื่อนนักเรียนและครูในโรงเรียน พวกเธอกลายเป็นตัวแทนของความยุติธรรมและเสียงที่ไม่มีใครกล้าเพิกเฉยอีกต่อไป นักเรียนในโรงเรียนเริ่มรู้สึกว่าพวกเขามีสิทธิ์และสามารถพูดออกมาได้เมื่อเผชิญกับความอยุติธรรม
โรงเรียนที่เคยเต็มไปด้วยความเงียบงันและความห่วยแตก เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง นักเรียนกล้าที่จะพูดคุยและเปิดใจถึงปัญหาที่พวกเขาเผชิญ ไม่มีใครต้องรู้สึกโดดเดี่ยวหรือถูกทอดทิ้งอีกต่อไป ความหวังและความเชื่อมั่นถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่
แม้ว่าภูมิจะไม่สามารถกลับมาได้ แต่เรื่องราวของเขากลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนคนอื่นๆ ในการยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม ทุกคนได้เรียนรู้ว่าการนิ่งเฉยไม่ใช่ทางออก และการร่วมมือกันเท่านั้นที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้
ในที่สุด โรงเรียนก็กลายเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและอบอุ่นสำหรับนักเรียนทุกคน ความเป็นธรรมและความเคารพกลับคืนมาอีกครั้ง และเรื่องราวของภูมิจะไม่มีวันถูกลืม นักเรียนทุกคนต่างจดจำว่าพวกเขามีค่า และไม่มีใครควรถูกละเลยอีกต่อไป
_____________
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจนจบนะครับ
อ้างอิงจาก: ลิ้งรี้ด
https://www.readawrite.com/?action=user_page&user_id_publisher=12119092
อ่านเรื่องราวนี้ได้เพิ่มที่
https://www.readawrite.com/a/dfcf3673107c6a76a231af56f4c31438
ไม่ต้องถามนะว่าทำไมถึงไม่เปลี่ยนปกเพราะว่าขี้เกียจหา🤫
แฉเรือทุนไทยขายน้ำมันให้เขมร อดีต สว ประกาศ เตือน ทัพเรือสั่ง 'จมเรือ' ได้ทันที เพราะประกาศกฎอัยการศึก
ประธานสมาคม ตามไปตำหนินักกีฬา ถึงกับร้องไห้โฮ ในซีเกมส์ครั้งที่ 33
ถล่มอุโมงค์ลับ เนิน 350 ทัพฟ้าส่ง F-16 เสิร์ฟไข่ 6 รอบติด
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
สื่อมาเลย์ แฉยับ ทหารเขมรทิ้งขีปนาวุธให้ไทยยึดฟรี เพราะใช้ไม่เป็น ขายขี้หน้าทั้งประเทศ
ชายญี่ปุ่นที่ใช้ชีวิตแบบมีเมียหลายคน ถูกจับหลังเขากับเมียตั้งกล้องแอบถ่าย ขณะที่เขากำลังซั่มสาวอื่นอยู่เพื่อนำคลิปไปขาย
วิเคราะห์หวย AI น่าจะออกรางวัลงวด 16 ธันวาคม 2568
ย้อนวันวาน “ศูนย์อาหารมาบุญครอง พ.ศ. 2535” ต้นแบบฟู้ดคอร์ทไทย จากคูปองเงินสด สู่ยุคสแกนจ่ายในปลายนิ้ว
ทหารเขมร ยิง รถถังไทย แต่โชคดีที่ จรวดติดเกราะระแนงไม้
โซเชียลไทย "ไม่ทน" งัดหลักฐานซัด "โค้ชเวียดนาม" หาว่ากรรมการเข้าข้างไทย
เด็กวัย 15 ถูกตั้งข้อหาฆๅตกรรมเด็กหญิงวัย 9 ขวบในอังกฤษ
สื่อต่างชาติหนุนไทย ปราบสแกมเมอร์
แฉเรือทุนไทยขายน้ำมันให้เขมร อดีต สว ประกาศ เตือน ทัพเรือสั่ง 'จมเรือ' ได้ทันที เพราะประกาศกฎอัยการศึก
อนุทินยืนยันเป็นแคนดิเดตนายกฯ ลงปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 ปัดตอบมีใครอีก ลั่นสื่อถามจนเขากลัวหมดแล้ว ยันไร้ปัญหาบ้านใหญ่ชิงพื้นที่ ส.ส.
ไทย-กัมพูชา: เขมรรุกหนักเนิน 350 ยังนำร่างทหาร 2 นายออกมาไม่ได้
พบโดรนปริศนา บินก่อกวนแท่นขุดเจาะนํ้ามัน กองทัพเรือเร่งตรวจสอบ
ความสุขของการเดินทางคือที่พัก เพราะเอนกายได้พักเมื่ออถึงกาลพักกายา
เปิดเคล็ดลับงานบ้านที่หลายคนมองข้าม ขจัดคราบดำขอบซิลิโคน คืนความสะอาดห้องน้ำ โดยไม่ต้องขูด ไม่ต้องรื้อเปลี่ยนใหม่
ช่องอากาศที่สวยงามและสีสันสวยงาม วิวและขอบด้านปราสาทเขาพระวิหาร นั่งรับลม
ชัยวรมันที่ 7 เรื่องราวที่หลากหลายคนนั้นไม่เคยรู้มาก่อน