จักรพรรดิเสียนเฟิง จักรพรรดิองค์ที่9 ราชวงศ์ชิง
จักรพรรดิเสียนเฟิง จักรพรรดิองค์ที่9 ราชวงศ์ชิง
..................................................................
🔸จักรพรรดิเสียนเฟิง (咸豐帝) เป็นจักรพรรดิพระองค์ที่ 9 (นับจากจักรพรรดินู่เอ๋อร์ฮาชื่อ) แห่งราชวงศ์ชิง เป็นราชโอรสองศ์ที่ 4 ของจักรพรรดิเต้ากวง มีนามเดิมว่า อ้ายซินเจว๋หลัว อี้จู่ หรือ องค์ชายอี้จู่
🔸องค์ชายอี้จู่เกิดในปีค.ศ. 1831 ที่พระราชวังฤดูร้อนเก่า ห่างจากปักกิ่งไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 8 กิโลเมตร มารดาจากตระกูลหนิวฮูลู่ ซึ่งได้รับการสถาปนาเป็นจักรพรรดินีในปีค.ศ. 1834 ในนามจักรพรรดินีเสี้ยวเฉฺวียนเฉิง(เป็นพระอัครมเหสีพระองค์ที่สองในจักรพรรดิเต้ากวง)
🔸องค์ชายอี้จู่ ขึ้นชื่อว่ามีความสามารถในด้านวรรณคดีและการบริหารซึ่งแซงหน้าพี่น้องส่วนใหญ่ของเขา อย่างเหตุการณ์ที่องค์ชายอี้จู่กับพระบิดาไปล่าสัตว์ องค์ชายออกล่าสัตว์ เเต่พระองค์ไม่สังหารสัตว์ที่มีลูกอ่อน ทำให้พระบิดาของเขาประทับใจ (ผนวกกับองค์ชายลำดับก่อนนั้นที่เเต่งตั้งเป็นรัชทายาทได้สิ้นพระชนม์ไปหมดด้วยครับ)
🔸องค์ชายอี้จู่ได้ขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ. 1850 ในนาม จักรพรรดิเสียนเฟิง) ทันทีที่จักรพรรดิเต้ากวงสวรรคต (พระชนมายุ 67 พรรษา) ซึ่งในระหว่างที่พระองค์ขึ้นครองราชย์ใหม่ ๆ พระราชประเพณีจีนห้ามจักรพรรดิองค์ใหม่มีมเหสีหรือพระสนม และต้องไว้ทุกข์เป็นเวลานานถึง 27 เดือน
🔸แต่ก่อนที่จักรพรรดิเต้ากวงจะสวรรคตมีพระมเหสีองค์แรกแล้ว คือ พระชายาสะโกตา ซึ่งสิ้นพระชนม์ก่อนที่จักรพรรดิเต้ากวงจะสวรรคต
🔸 เมื่อจักรพรรดิเสียนเฟิงครองราชย์แล้วทรงสถาปนานางสะโกตะเป็น สมเด็จพระจักรพรรดินีเสี่ยวเต๋อเซียน เมื่อผ่านช่วงไว้ทุกข์ไปแล้ว จึงมีการเลือกพระสนม โดยองค์ประธาน คือ พระนางคังฉินไท่เฟย (康慈皇贵太妃) ที่ทรงใหดูเเลพระราชวังหลัง
🔸 (เดิมเป็นพระมเหสี(หวงกุ้ยเฟย์)ในจักรพรรดิเต้ากวงแห่งราชวงศ์ชิง ต่อมาพระนางก็ได้รับพระราชทานพระราชอิสริยยศเป็น จักรพรรดินี พันปีหลวง ในปี 1855 โดยจักรพรรดิเสียนเฟิง ครับ
ซูอันไทเฮา
🔸ซึ่งพระอัครมเหสเป็นพระองค์แรกของสมเด็จพระจักรพรรดิเสียงเฟิง คือ พระอัครมเหสีหนิวฮู่ลู่ หรือ (ซูอันไทเฮา) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก พระนางคังฉินไท่เฟย นั่นเองครับ
ซูสีไทเฮา
🔸เเต่เนื่องจากพระนางซูอันไทเฮา ไม่สามารถประทานบุตรให้จักรวรรดิเสียนเฟิงได้
🔸ซึ่งการเข้ามาของ นางเย่เฮ่อน่าลา (ต่อมาคือซูสีไทเฮา) สามารถมีพระโอรส(องค์ชายไจ้ฉุน)ให้จักรวรรดิเสียนเฟิงได้ ทำให้เดือนเมษา ปี 1856 นางเย่เฮ่อล่านา ได้ถูกสถาปนาเป็นมเหสีตามลำดับชั้นเรื่อยมา
🐉ในยามศึกทุกทิศทาง ในรัชสมัย จักรพรรดิเสียนเฟิง (ภายใต้การสำเร็จราชการของซูสีไทเฮา)
ในรัชสมัยพระองค์ที่มีผลกระทบค่อนข้างหนักอย่างเช่น กบฏไท่ผิงเทียนกั๋ว เเละสงครามฝิ่นครั้งที่สอง
🔸กบฏไท่ผิงเทียนกั๋ว🔸(สรุปสั้นๆนะครับ)
ไท่ผิงเทียนกั๋ว (太平天国) เป็นกบฏขนานใหญ่ซึ่งรัฐไท่ผิงเทียนกั๋วของหง ซิ่วเฉฺวียน (洪秀全) เป็นผู้นำเเละก่อขึ้นเพื่อต่อต้านจักรวรรดิจีนภายใต้การปกครองของราชวงศ์ชิงที่มีชาวแมนจูเป็นผู้นำ
ในช่วง ปี ค.ศ. 1850–1864
🔸หง ซิ่วเฉฺวียน เป็นบัณฑิตสอบตก ที่เข้าเป็นคริสต์ศาสนิก และอ้างตนเป็นน้องชายของพระเยซู เขาก่อตั้งลัทธิป้ายช่างตี้ ที่มุ่งหวังจะให้ประชาชนหันมานับถือศาสนาคริสต์ตามแบบของเขา เเละจะโค่นล้มราชวงศ์ชิงให้สิ้น ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1851 รัฐบาลกลางจึงส่งทัพธงเขียว (綠營兵) เข้าไปปราบ หง ซิ่วเฉฺวียน
ซึ่งตอนนั้นได้ประกาศตนเป็นเทียนหวัง ( เจ้าฟ้า) แห่งประเทศที่เขาก่อตั้งใหม่ เรียกว่า "ไท่ผิงเทียนกั๋ว"
🔸ต่อมาวันที่ 19 มีนาคม ค.ศ. 1853 ทัพไท่ผิงเทียนกั๋วยึดหนานจิง (南京; "เมืองใต้") ไว้ได้ จึงเอาเป็นเมืองหลวง แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น "เทียนจิง" (天京; "เมืองฟ้า")
🔸ต่อมาได้ยึดเจียงซี (江西), หูเป่ย์ (湖北), และอานฮุย (安徽) ได้แล้ว กบฏก็มุ่งหน้าไปยึดเป่ย์จิง (北京) เมืองหลวงของราชวงศ์ชิง แต่ไม่สำเร็จ
เเต่ถึงตอนนั้นกองทัพราชวงศ์ชิงไม่สามารถหยุดยั้งการรุกคืบของกบฏได้นาน
🔸เเต่การมาของกองกำลังทหารท้องถิ่นนอกประจำการของขุนพลเจิง กั๋วฟาน (曾國藩) ที่เรียกว่า ทัพเซียง (湘軍) เป็นกลุ่มหลักในการต่อต้านการกบฏ เข้ามาเสริมจึงสามารถป้องกันไว้ได้
🔸เเต่ช่วงหลัง ไท่ผิงเทียนกั๋วเริ่มอ่อนแอลงเพราะการชิงอำนาจกันเอง
🔸เจิง กั๋วฟาน ได้โอกาส ก็มุ่งลงฉางเจียง (長江) ไปยึดอานชิ่ง (安慶) คืนจากกบฏได้ในวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1861
🔸ในปี ค.ศ. 1862 เจิง กั๋วฟาน เข้าปิดล้อมหนานจิง เมืองหลวงของกบฏ ปิดล้อมทำให้อาหารในเมืองขาดแคลน
🔸ทำให้ หง ซิ่วเฉฺวียน เก็บผักป่ามาบริโภค ทำให้เกิดภาวะอาหารเป็นพิษจนเขาล้มป่วยลงถึง 20 วันและเสียชีวิตในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1864 เมื่อหง ซิ่วเฉฺวียน สิ้นใจแล้ว หนานจิงก็ถูกตีแตกในยุทธการหนานจิง (南京之战) เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1864 ครั้นหนานจิงแตกแล้ว เจิง กั๋วฟาน พร้อมด้วยผู้สนับสนุน เช่น หลี่ หงจาง (李鴻章) กับจั่ว จงถัง (左宗棠) ก็ได้รับการสดุดีในฐานะผู้ช่วยราชวงศ์ชิงให้รอด และกลายเป็นผู้มีอิทธิพลมากที่สุดแห่งปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา
🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸
🐉สงครามฝิ่นครั้งที่สอง🐉
🔸สงครามฝิ่นครั้งที่สอง (第二次鴉片戰爭) ยังเป็นที่รู้จักกันคือ สงครามอังกฤษ-จีนครั้งที่สอง เป็นสงครามอาณานิคมซึ่งกินเวลา ตั้งแต่ ค.ศ. 1856 ถึง ค.ศ. 1860, ซึ่งจักรวรรดิบริติชและจักรวรรดิฝรั่งเศสร่วมมือกันทำสงครามกับราชวงศ์ชิงของจีน
🔸เป็นความขัดแย้งครั้งใหญ่ครั้งที่สองในสงครามฝิ่น ซึ่งต่อสู้รบเพื่อสิทธิ์ในการนำเข้าฝิ่นสู่จีน และส่งผลทำให้ราชวงศ์ชิงพ่ายแพ้เป็นครั้งที่สอง และการบีบบังคับให้การค้าฝิ่นถูกกฏหมาย ทำให้เหล่าข้าราชการจีนหลายคนเชื่อว่าความขัดแย้งกับมหาอำนาจตะวันตกไม่ใช่เป็นการทำสงครามแบบโบราณอีกต่อไป แต่เป็นส่วนหนึ่งของวิกฤตชาติที่กำลังใกล้เข้ามา
🔸ใน ค.ศ. 1860 กองกำลังทหารอังกฤษและฝรั่งเศสเข้าประชิดใกล้กับกรุงปักกิ่งและเข้าต่อสู้รบเพื่อบุกเข้าไปในเมือง การเจรจาสันติภาพได้ยุติลงอย่างรวดเร็ว และข้าหลวงใหญ่แห่งอังกฤษประจำจีนได้สั่งให้กองทหารต่างชาติบุกเข้าปล้นสะดมและทำลาย"พระราชวังฤดูร้อน" ซึ่งเป็นพระราชวังและสวนหลวงที่พระจักรพรรดิต้าชิงใช้เป็นสถานที่บริหารราชการแผ่นดิน
🔸ในระหว่างและหลังสงครามฝิ่นครั้งที่สอง รัฐบาลชิงถูกบีบบังคับให้ลงนามสนธิสัญญากับรัสเซีย เช่น สนธิสัญญาไอกุน และอนุสัญญาปักกิ่ง ส่งผลทำให้จีนต้องยกดินแดนที่มีพื้นที่ประมาณมากกว่า 1.5 ล้านตารางกิโลเมตรให้แก่รัสเซียในทางตะวันออกเฉียงเหนือและทางตะวันตกเฉียงเหนือ
🔸 เมื่อสงครามสิ้นสุดลง รัฐบาลชิงสามารถพุ่งความสนใจไปที่การปราบกบฎไท่ผิงและรักษาการปกครองของตนเองเอาไว้ได้ นอกเหนือสื่งอื่นใด อนุสัญญาปักกิ่งต้องยกคาบสมุทรเกาลูนให้กับอังกฤษซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของฮ่องกง
🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸�
🐉สวรรคต🐉
จักรพรรดิเสียนเฟิง สวรรคตในวันที่ 22 สิงหาคมปี ค.ศ. 1861 ด้วยพระชนมายุเพียง 30 พรรษา ด้วยพระโรคที่รุมเร้าจากทรงกลัดกลุ้มในปัญหาของบ้านเมือง
#jarnmooChannel