จักรพรรดิหงอู่ (จูหยวนจาง) จักรพรรดิพระองค์แรกราชวงศ์หมิง
🐉จักรพรรดิหงอู่ จักรพรรดิพระองค์แรกราชวงศ์หมิง
#มหากาพย์ราชวงศ์หมิงตอนที่1 สามัญชนสู่จักรพรรดิ
สมเด็จพระจักรพรรดิหงอู่ หรือ จูหยวนจาง(洪武帝)21 ตุลาคม ค.ศ. 1328– 24 มิถุนายน ค.ศ. 1398)
🐉สมัยวัยเยาว์🐉
🔸จูหยวนจาง (朱元璋) เป็นพระนามเดิมของ จักรพรรดิหงอู่ ผู้สถาปนาราชวงศ์หมิงของจีน เกิดในครอบครัวชาวนาที่หมู่บ้านกูจวง ตำบลจงหลี อำเภอเหาโจว มณฑลอันฮุย บิดามีชื่อว่า จูซื่อเจิน มารดามีชื่อว่า เฉินสี
🔹ในวันที่เขาเกิดนั้นมีเรื่องเล่าว่าพ่อไปตักน้ำได้พบผ้าแพรแดงผืนหนึ่งซึ่งคนในหมู่บ้านต่างเห็นว่าเป็นมงคลนิมิต บิดาตั้งชื่อบุตรชายคนนี้ให้มีชื่อว่า "จูหยวนจาง" แปลว่า "แผ่นหยกชั้นเลิศ" ครับ และยังมีชื่อรองอีก คือ "จูฉงปา" แปลว่า "แปดซ้ำสอง" หรือ "จูปาปา" แปลว่า "แปดแปด"
🔸ต่อมาในปี ค.ศ. 1338 ได้เกิดโรคระบาดซ้ำเติมความแห้งแล้งที่มีติดต่อกันนานหลายปี จูซื่อเจินกับนางเฉินสีและพี่ชายคนโตจูจ้งซื่อได้เสียชีวิตลง เพื่อนบ้านที่พอมีฐานะเกิดความสงสารจึงแบ่งที่ดินให้ใช้ฝังศพคนทั้งสาม
🔹จากนั้นบุตรที่เหลือจึงแยกย้ายเร่ร่อนไปรับจ้างหาเลี้ยงชีพ จูหยวนจางจำต้องไปบวชเป็นเณรที่วัดหวางเจวี๋ยซื่อ แต่ภัยแล้งที่มีติดต่อกันอย่างยาวนานทำให้วัดเองประสบปัญหามาโดยตลอก พระและเณรในวัดต่างต้องออกธุดงค์ไปเที่ยวภิกขาจารต่างถิ่นซึ่งรวมถึงเณรจูหยวนจางด้วยเช่นกัน จนมาถึง ค.ศ.1348 จึงได้บวชเป็นพระแต่บวชได้เพียงสี่ปี ก็สึกออกมาเนื่องจากในขณะนั้นเกิดขบวนการหลายกลุ่มขับไล่จักรวรรดิมองโกลออกไปจากแผ่นดินจีน
🔸จูหยวนจางจึงไปร่วมกับสาวกลัทธิบัวขาว ของกัวจื่อซิง (郭子兴) ซึ่งใช้เมืองเหาโจวเป็นที่มั่นก่อ กบฏโพกผ้าแดงโค่นล้มราชวงศ์หยวน
🐉การโจมตี🐉
🔸กัวจื่อซิงเห็นแววความสามารถของเขาจึงได้ยกหม่าชิวเซียงธิดาบุญธรรมให้เป็นภรรยา ในปี ค.ศ.1352 จูหยวนจางปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็งมีผลงานโดดเด่นกว่าผู้อื่นจึงได้รับเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว แต่ทำให้ถูกกัวจื่อซิงกับบุตรชายระแวงอยู่เสมอ
🔹ครั้งหนึ่งกัวจื่อซิงจับเขาไปขังแต่หม่าชิวเซียงกับมารดาไปอ้อนวอนขอจึงได้รับการปล่อยตัว จูหยวนจางจึงตัดสินใจพาภรรยากลับไปอยู่ที่ตำบลจงหลีบ้านเกิดและได้ชักชวนเพื่อนในวัยเยาว์กับคนอื่น ๆ จัดตั้งกองกำลังเป็นของตนเอง จาก 700 คนก็เพิ่มจำนวนมากกว่า 20,000 คนภายในระยะเวลา 2 ปี
🔸ในปี ค.ศ. 1355 กัวจื่อซิงพ่อตาของเขาเสียชีวิตลง บุตรชายทั้งสองไม่มีความสามารถพอ จูหยวนจางจึงได้ขึ้นเป็นผู้นำกองกำลังแทน
🔹ในปีค.ศ. 1356 จูหยวนจางยกกำลังบุกเมืองจี้ซิงเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองอิ้งเทียน (ปัจจุบันคือเมืองหนานจิง) ใช้เป็นที่ตั้งกองบัญชาการทยอยกำจัดกลุ่มอำนาจอื่น ๆ ที่ตั้งตัวเป็นอิสระเช่นกัน พร้อมกับใช้คำสั่ง "สามไม่" คือ ไม่เผาบ้าน ไม่ฆ่าคน ไม่ปล้นชิง ทำให้ชาวเมืองพากันยินยอมอย่างง่ายดาย
🔸ในปีค.ศ. 1363 ทำยุทธนาวีทะเลสาบโผหยาง (鄱陽湖之戰) กับกองกำลังแคว้นฮั่นของเฉินโหย่วเลี่ยง(陳友諒) สามารถเอาชนะสังหารเฉินโหยวเลี่ยง ทำให้แคว้นหมิงของจูหยวนจางกลายเป็นกลุ่มกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด
🔹ในปี ค.ศ. 1364 สถาปนาตนเองขึ้นเป็นอู่หวาง ปกครองดินแดนแถบใต้แม่น้ำฉางเจียง
🐉กำเนิดราชวงศ์หมิง🐉
🔸ใน ค.ศ. 1368 จู หยวนจาง ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของกลุ่มกบฏโพกผ้าแดงและรวบรวมดินแดนบริเวณลุ่มแม่น้ำแยงซีเข้ามาในอาณัตของตนแล้วนั้น ได้ทำการปราบดาภิเษกก่อตั้งราชวงศ์หมิง ขึ้นที่เมืองนานกิงอันเป็นฐานที่มั่นของจู หยวนจาง โดยมีพระนามว่า พระจักรพรรดิหงอู่ (หมิงไท่จู่)
นอกจากนั้นโปรดให้โอรสให้ไปครองเมืองต่าง ๆ เพื่อความมั่นคงของราชวงศ์ คือ ตั้งองค์ชายจูเพียวเป็นไท่จือ
-องค์ชายจูตี้เป็นเยียนหวางครองเมืองเป่ยผิง
-องค์ชายจูเฉวียนเป็นหนิงหวางครองเมืองต้าหนิง
- องค์ชายจูกุ้ยเป็นไต้หวางครองเมืองต้าถง
- องค์ชายจูกังเป็นจิ้นหวางครองเมืองไท่หยวน
-องค์ชายฝู่เป็นฉีหวางครองเมืองชิงโจว
- องค์ชายจูส่วงเป็นฉินหวางครองเมืองซีอาน
-องค์ชายจูอิงเป็นซู่หวางครองเมืองกานซู
🔸จากนั้นในปีเดียวกันได้ยกทัพเข้ายึดนครต้าตูอันเป็น ราชธานีของราชวงศ์หยวนได้สำเร็จ พระจักรพรรดิถั่วฮวัน เทียมู่เอ่อร์ พร้อมด้วยพระโอรสเจ้าชายอ้ายโหยวฉือหลี่ต๋าล่าเสด็จหลบหนีไปยังเมืองช่างตู (上都) ราชธานีฝ่ายเหนือของราชวงศ์หยวน
🔸หมิงไท่จู่ได้ดำเนินการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคม ด้วยความประหยัดมัธยัสถ์ ผ่อนปรน แก่ประชากรส่วนใหญ่ และทรงศึกษาถึงความล้มเหลวของราชวงศ์ต่าง ๆ ในอดีตเห็นว่าภัยสำคัญเกิดจากการที่ขันทีเข้าแทรกแซงการบริหารราชการ จึงมีพระราชโองการให้จารึกแผ่นเหล็กประกาศห้ามขันทีเข้ายุ่งเกี่ยวกับการบริหารราชการ ผู้ฝ่าฝืนกำหนดโทษประหารสถานเดียว
🔹นอกจากนั้นยังได้ลดบทบาทของอัครเสนาบดีรวบอำนาจไว้ที่พระองค์ฎีกาและข้อราชการต่าง ๆ ต้องถวายถึงพระองค์โดยตรง อัครเสนาบดีเป็นเพียงผู้รับราชโองการไปดำเนินการ ในด้านทหารการเลื่อนลดปลดย้ายแม่ทัพนายกองก็ต้องผ่านการพิจารณาจากพระองค์โดยตรง นอกจากนั้นพระองค์ยังได้จัดตั้งจินอีเว่ย (กองกำลังทหารเกราะทอง)ให้เป็นกองกำลังพิเศษคอยถวายอารักขาและสอดแนมความเคลื่อนไหวของขุนนางและราษฎร เรียกได้ว่าพระองค์กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอย่างแท้จริง
🔸ในรัชกาลของพระองค์กล่าวกันว่าทรงประหารขุนนางทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนรวมทั้งผู้เกี่ยวข้องหากสงสัยว่าจะเป็นภัยต่อราชบัลลังก์กว่าห้าหมื่นคน โดยเฉพาะปลายรัชกาลหลังจากที่สถาปนาองค์ชายจูหยุนเหวิน(朱 允文)พระราชนัดดาเป็นไท่จือแทนองค์ชายจูเพียว (朱標) พระบิดาที่สิ้นพระชนม์ไปก่อน แม่ทัพหลายคนต้องถูกประหารเนื่องจากเกรงจะเป็นภัยในอนาคต
🔹ไม่เว้นแม้แต่แม่ทัพสีต๋าหรือฉีต๊ะผู้เคยออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพระองค์แต่การตัดสินพระทัยของพระองค์กลับส่งผลร้ายมาให้ความมั่นคงของพระราชนัดดาอย่างแรงในภายหลัง
🐉สวรรคต🐉
จักรพรรดิหงอู่ทรง(หมิงไท่จู่) ครองราชย์สมบัติเป็นเวลายาวนานถึง 30 ปี เสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1398 สิริพระชนมพรรษา 70 พรรษา พระบรมศพได้รับการเชิญไปประดิษฐานไว้ที่สุสานหลวงหมิงเซี่ยว เชิงเขาจื่อจินซาน ชานกรุงหนานจิง
📌สมเด็จพระจักรพรรดิเจี้ยนเหวิน หรือ เจี้ยนเหวินฮ่องเต้ จักรพรรดิองค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์หมิง (ติดตามต่อในตอนที่2)นะครับ
🔻ข้อมูลส่วนไหนผิดพลาดไปขออภัยด้วยนะครับ เพื่อนๆที่มีข้อมูลเพิ่มเติมโพสต์ใต้คลิปได้เลยครับผมรับฟังทุกคนเเละพร้อมนำไปเเก้ไขครับ🫰❤️
#history
#jarnmooChannel
#ประวัติศาสตร์จีน
#มหากาพย์ราชวงค์หมิง