แสง, ไมโครเวฟ, คลื่นวิทยุ และรังสีอัลตราไวโอเลต เป็นสิ่งเดียวกัน ?
แสง, ไมโครเวฟ, คลื่นวิทยุ และรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) เป็นส่วนหนึ่งของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีลักษณะพื้นฐานที่เหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่ความถี่และความยาวคลื่น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทั้งหมดนี้สามารถเดินทางผ่านสุญญากาศและสื่อกลางต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องอาศัยตัวกลางในการส่งผ่าน
แสงที่มองเห็นได้เป็นส่วนหนึ่งของสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่อยู่ในช่วงประมาณ 430–770 เทระเฮิรตซ์ (THz) หรือความยาวคลื่นประมาณ 400-700 นาโนเมตร (nm) เป็นแสงที่ตามนุษย์สามารถรับรู้และมองเห็นเป็นสีต่าง ๆ ได้แก่ แดง ส้ม เหลือง เขียว น้ำเงิน และม่วง
ไมโครเวฟเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่อยู่ในช่วงประมาณ 1–300 กิกะเฮิรตซ์ (GHz) หรือความยาวคลื่นประมาณ 1 มิลลิเมตร (mm) ถึง 30 เซนติเมตร (cm) ไมโครเวฟถูกใช้งานในหลายด้าน เช่น การสื่อสารผ่านดาวเทียม การอบอาหารในเตาไมโครเวฟ และการตรวจวัดในระบบเรดาร์
คลื่นวิทยุมีความถี่ต่ำกว่าไมโครเวฟ โดยอยู่ในช่วงประมาณ 3 เฮิรตซ์ (Hz) ถึง 300 กิกะเฮิรตซ์ (GHz) หรือความยาวคลื่นตั้งแต่ 1 มิลลิเมตร (mm) ถึงหลายกิโลเมตร (km) คลื่นวิทยุถูกใช้งานในการสื่อสารวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ และระบบการนำทาง GPS
รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) มีความถี่สูงกว่าแสงที่มองเห็นได้ โดยอยู่ในช่วงประมาณ 800 เทระเฮิรตซ์ (THz) ถึง 30 เพตาเฮิรตซ์ (PHz) หรือความยาวคลื่นประมาณ 10–400 นาโนเมตร (nm) รังสี UV ถูกใช้งานในหลายด้าน เช่น การฆ่าเชื้อโรค การตรวจสอบเอกสารปลอม และการศึกษาเกี่ยวกับดาราศาสตร์ รังสี UV ที่มีพลังงานสูงสามารถทำลายเซลล์และเป็นอันตรายต่อผิวหนังและดวงตาได้
แม้ว่าแสง ไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ และรังสี UV จะมีคุณสมบัติพื้นฐานที่เหมือนกัน แต่พวกมันแตกต่างกันที่ความถี่และความยาวคลื่น ความถี่ที่แตกต่างกันนี้ทำให้พวกมันมีการใช้งานและคุณสมบัติที่เฉพาะเจาะจง
สรุปได้ว่า แสง ไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ และรังสี UV เป็นส่วนหนึ่งของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งแตกต่างกันที่ความถี่และความยาวคลื่น ความแตกต่างนี้ทำให้พวกมันมีคุณสมบัติและการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การสื่อสาร การทำอาหาร การตรวจสอบ การฆ่าเชื้อโรค และการใช้งานในทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์