เปรตทิดอึ่ง
เปรตทิดอึ่งกับผ่าป่าช่วยชาติ
เรื่องเปรตทิดอึ่งนี้ เป็นเรื่องที่ครูบาอาจารย์หลายๆรูปเล่าให้ฟังเรื่องมีอยู่ว่า ทิดอึ่ง เป็นโยมหลานชายของหลวงพ่อบุญเพ็ง ขันติโก วัดป่าหนองแสง อ.นาหว้า จ.นครพนม แม่ทิดอึ่งเป็นโยมพี่สาวของหลวงพ่อบุญเพ็ง ทิดอึ่งเองเคยบวชเรียนอยู่วัดป่าทาง จ.นครพนม แต่ได้สึกหาลาเพศไปประกอบอาชีพ ขับวินมอเตอร์ไซค์อยู่ในกรุงเทพฯ
วันหนึ่งทิดอึ่งประสบอุบัติเหตุ ขับรถมอเตอร์ไซค์เป๋ไปชนท้ายรถสิบล้อที่เค้าจอดไว้ข้างทาง ทิดอึ่งเสียชีวิตลงทันที งานนี้ไม่ได้ค่าเสียหายอะไร เพราะรถสิบล้อเค้าจอดไว้เฉยๆ ทิดอึ่งขับไปชนเอง ประกันก็ไม่มี พรบ.ก็ขาด เมื่อทิดอึ่งตายแล้ว ก็มาเป็นเปรตอยู่ที่วัดป่าหนองแสง ที่ตนเองเคยบวชเรียน
ทั้งโยม ทั้งพระ ทั้งแม่ชี ต่างถูกเปรตทิดอึ่งรบกวน เช่น มาคอยเปิดปิดไฟที่ศาลา มาเดินผ่านให้เห็นบ้าง ลักษณะร่างของทิดอึ่ง เป็นผิดกายสีดำแบบรอยไหม้ และมีรอยแตกของผิว มีน้ำเหลืองแทรกรอยแตกนั้นออกมา ผู้พบเห็นก็หวาดกลัว และสลดสังเวช ที่วัดนี้นอกจากมีหลวงพ่อบุญเพ็ง ขันติโก ซึ่งเป็นหลวงอาแล้ว ยังมีคุณยายทิดอึ่งที่บวชเป็นแม่ชีที่ปฏิบัติธรรมอยู่ในสำนักนี้อีกด้วย (แม่ชีท่านนี้เป็นโยมมารดาของหลวงพ่อบุญเพ็ง สมัยมีชีวิตหลวงตามหาบัว เคยชมว่าแม่ชี ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เมื่อละขันธ์ ปรากฏอัฐิเป็นพระธาตุ)
หลวงพ่อบุญเพ็ง ท่านเห็นเปรตทิดอึ่งแล้วก็สลดสังเวช จึงตั้งใจทำบุญอุทิศไปให้ วันหนึ่งท่านเดินบิณฑบาตในหมู่บ้าน มารับบาตรที่บ้านโยมพี่สาว แม่ของทิดอึ่ง จึงปรารภว่าจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ ทิดอึ่งมีทรัพย์สมบัติอะไรเหลือไว้มั่งมั้ย ขณะพูดกับโยมพี่สาว หลวงพ่อบุญเพ็งก็เหลือบไปเห็นสร้อยทองคำที่คอของพี่สาว จึงถามว่า นั่น..ทองใครนะ พี่สาวจึงระลึกได้ว่า โอ้ นี่ไง ทองของเจ้าอึ่งมันแระ มันมาฝากไว้ที่ชั้น ก่อนจะเข้าไปกรุงเทพฯ
หลวงพ่อบุญเพ็งบอก ดีล่ะ จะได้เอาทองเจ้าอึ่งไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้มัน เมื่อท่านกลับมาก็พิจารณาดู ว่าสร้อยทองน้ำหนักบาทหนึ่งนี้ ถ้าขายก็มีมูลค่า ราวๆ ๔,๕๐๐ บาท (ช่วงราวๆ ปี ๔๐-๔๒) จะนำเงินส่วนนึงไปซื้ออาหารถวายพระ และจะนิมนต์พระจากวัดถ้ำยานาโพธิ์ภูลังกา จ.นครพนม (เป็นวัดเก่าหลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ) ที่ทิดอึ่งเคยบวชมาฉันด้วย ปัจจัยบางส่วนจะซื้อของมาทำสังฆทานอุทิศให้โยมอึ่ง
หลวงพ่อบุญเพ็งท่านครุ่นคิดอยู่สักพัก ก็เปลี่ยนใจว่า เงินนี้ก็มีไม่มาก ถ้าไปซื้อของมาทำอาหาร ก็จะไปเบียดเบียนสัตว์ในตลาดอีก อานิสงส์ที่ทิดอึ่งจะได้ ก็จะน้อยลง ช่วงนั้นมีโครงการช่วยชาติที่หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ระดมศรัทธาจัดผ้าป่าทองคำเข้าคลังหลวงเพื่อช่วยชาติ จากวัดป่ากัมมัฏฐานต่างๆ ทั่วประเทศให้มาร่วมกันเกื้อหนุนช่วยชาติ
เมื่อหลวงพ่อบุญเพ็ง ระลึกได้ดังนี้ จึงตัดสินใจ ไปบอกโยมพี่สาว แม่ของทิดอึ่งว่า สร้อยทองทิดอึ่งบาทหนึ่ง เราจะเอาไปถวายหลวงตามหาบัว โครงการช่วยชาติเข้าคลังหลวงนะ แม่ทิดอึ่งก็เห็นดีเห็นงามด้วย เมื่อถึงวันงานผ้าป่าช่วยชาติ มีโยมที่วัดเอาทองอีก ๑ สลึง มาร่วมสมทบด้วย เป็น ๑ บาท ๑ สลึง เมื่อถึงเวลา หลวงพ่อบุญเพ็ง ขันติโก ได้นำใบปวารณาไปถวายหลวงตามหาบัว ท่านถวายเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร เพราะวันนั้นมีครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่มามาก แต่ละองค์ก็ระดมทุนจากศรัทธาได้ทองคำเป็นตันๆ บางองค์ก็ได้เป็นสิบล้าน หลายองค์ที่นำผ้าป่ามาเป็นหลักล้านขึ้นไป
หลวงตามหาบัว ท่านเห็นหลวงพ่อบุญเพ็ง ท่านก็จ้องมอง และหยิบใบปวารณามาดู มาอ่าน แล้วประกาศว่า... "อ้าว ฟังๆๆ ฟังๆๆ ฟังๆๆ"
เสียงญาติโยมและโฆษกที่อึกทึกอยู่ขณะนั่นก็เงียบลง
"..ท่านบุญเพ็ง นำทองคำมาถวาย ๑ บาท กะ ๑ สลึง พอใจๆ ท่านเป็นนักปราชญ์นะ ทองนี่ แทนที่จะขายเอาไปซื้ออาหารทำบุญกับพระ ก็ต้องไปรบกวนชีวิตสัตว์ในตลาด ท่านจึงล้มเลิก เอาทองมาเข้าคลังหลวง เป็นอานิสงส์ใหญ่ เอ้า พอใจๆ "
เสียงญาติโยมในศาลา ก็สาธุการเป็นการใหญ่
หลวงพ่อบุญเพ็งท่านเล่าว่า ช่วงนั้นพ่อแม่ครูอาจารย์องค์ใหญ่ๆ ทั้งหลวงปู่แบน ทั้งหลวงปู่ลี ก็นำผ้าป่าถวายทองคำเข้าคลังหลวงกันเป็นจำนวนมาก แต่หลวงตาท่านก็ไม่ประกาศเอง ให้โฆษกประกาศ แต่เรามีทองเพียงน้อยนิด แต่หลวงตาท่านกลับมองเห็นแล้วหยิบใบปวารณามาอ่าน ก็รู้สึกทั้งเขินๆ ทั้งปีติ แถมท่านยังรู้เรื่องที่หลวงพ่อบุญเพ็งคิดอีกว่า จะไม่ขายทองไปซื้ออาหารมาเลี้ยงพระ แต่จะเอาทองมาเข้าโครงการช่วยชาติแทน
หลังจากนั้น ตกกลางคืน ทิดอึ่งได้มาเข้าฝันแม่ท่านว่า แม่ๆ ทองคำที่ถวายหลวงตานั้น ผมได้บุญแล้วนะ หลวงตาท่านมาจับแขนผมดึงขึ้นไปสวรรค์ ผมค่อยๆ ลอยตามหลวงตามหาบัวไปบนสวรรค์ ระหว่างทางมีเทวดาจำนวนมหาศาลสุดลูกหูลูกตา มานั่งรอหลวงตา ลักษณะอย่างกับคนมานั่งรอรับเสด็จในหลวงอย่างใดอย่างนั้นเลย หลวงตาพาผมไปส่งถึงบนสวรรค์เลย ผมเป็นเทวดาแล้วด้วยอานิสงส์ที่ถวายทองคำช่วยชาตินะ แม่ไม่ต้องห่วงผมแล้ว ต่อจากนี้ ถ้าแม่จะทำบุญ แม่ทำบุญให้ตัวเองเลยนะ ไม่ต้องห่วงผมแล้วนะ แม่นะ
Cr. จากหนังสือท่องถิ่นธรรมพระกรรมฐาน
เครดิตภาพ :
https://images.app.goo.gl/QKCuFKT53hLQLGt38