เรื่องราวความเป็นมาของชีส
Cheese นั้นได้ถูกค้นพบด้วยความบังเอิญ จากการได้พบเห็นการเดินทางของกลุ่มชนเผ่าเร่ร่อนที่มีชื่อว่า เบดูอิน ในแถบทะเลทราย จนได้พบเห็นชาวอาหรับคนหนึ่งได้บรรทุกน้ำนมไว้บนหลังเพื่อเป็นเสบียงอาหารในระหว่างการเดินทาง โดยภาชนะที่ใช้บรรจุน้ำนมนั้นได้ทำมาจากกระเพาะอาหารของแพะ พอได้รับความร้อนจากสภาพอากาศของทะเลทรายในระหว่างที่เดินทางอยู่นั้นก็ถูกเขย่าอยู่ตลอดเวลา จนทำให้เกิดเอนไซม์เรนนิน ที่อยู่ในกระเพาะของสัตว์จนได้ทำการแยกส่วนของน้ำและไขมันออกจากกันเป็นชั้นได้อย่างชัดเจน
จนกระทั่งชายผู้นั้นเกิดความหิวกระหายจนอยากที่จะดื่มน้ำนมแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็น ก้อนนมแทน จึงได้ทำการหยิบขึ้นมารับประทานแทนการดื่มนมและนี่แหละค่ะคือที่มาของการผลิตนมและชีสที่พวกเรานั้นได้รับประทานกันอยู่ทุกวันนี้ในเมื่อเราทราบประวัติความเป็นมาของชีสแล้วต่อไปเรามาทำการรู้จักประเภทของชีสกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้างไปดูกันเลย
ประเภทของชีสนั้น จะแบ่งได้เป็น 5 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้
- Fresh cheese
- Soft-white Cheese
- Nantural-Rind Cheese
- Wash-RindCheese
- HardCheese
กลุ่มที่ 1Fresh cheese
อย่างFresh cheese จัดเป็นชีสที่ไม่ต้องผ่านความร้อนและไม่ต้องการการหมักบ่ม จะมีกลิ่นและรสชาติที่ไม่จัดมาก ส่วนตัวของรสชาตินั้นจะมีรสเปรี้ยวอ่อนๆ ส่วนตัวเนื้อด้านในนั้น จะมีความเป็นครีมนิ่มและมีความชื้นค่อนข้างสูง
นั้นมีดังต่อไปนี้
- Cream cheese ครีมชีส
- Feta เฟต้า
- Mozzarella มอสซาเรลล่า
- Ricotta ริคอตตา
- Cottage cheese กอทเทจชีส
- Mascarpone มาสคาร์โปน
กลุ่มที่ 2 Soft-white Cheese
ประเภทนี้จัดได้ว่ามีความเข้มข้นของครีมที่สูง และตัวเนื้อด้านในนั้นจะเป็นครีมแข็ง ส่วนตัวผิวด้านนอกนั้นจะค่อนข้างบาง พอได้รับประทานเข้าไปนั้น ก็จะค่อยๆละลายอยู่ภายในปาก เนื่องจากมีความชื้นมากกว่ากลุ่มแรกอย่างFresh cheese แต่ก็ต้องผ่านกระบวนการบ่มด้วยเชื้อราสีขาวก่อนที่จะนำมารับประทาน มีดังต่อไปนี้
- Brie บรี
- Camebert กามาแบร์
กลุ่มที่ 3Nantural-Rind Cheese
ชีสกลุ่มนี้นั้นส่วนมากจะผลิกับ
ตมาจากนมแพะตามแบบประเทศฝรั่งเศสและได้พัฒนามาจากกลุ่มแรกอย่างFresh cheese แต่ก็ต้องผ่านกระบวนการการขับน้ำออกมาทิ้งในปริมาณที่มาก จนทำให้มีความเสี่ยงที่น้อยกว่า หลังจากที่ผ่านกระบวนการบ่มแล้ว ก็จะมีรอยย่นอยู่ตามผิวหนังรอบนอกเป็นจำนวนมาก และในเรื่องของรสชาตินั้นก็ดีขึ้นตามไปด้วย ซึ่งการบ่มเนยและชีสประเภทนี้จะใช้เชื้อราสีฟ้าที่ค่อนข้างเทามีจุดสีน้ำเงินออกน้ำตาลที่ตัวผิวด้านนอก และเมื่อมีอายุมากขึ้นก็จะมีกลิ่นที่แรงมากขึ้นกว่าเดิม
มีดังต่อไปนี้
- crottin de Chavignol
- Sainte-Maure de Touaine
กลุ่มที่ 4Wash-RindCheese
นั้นจะมีตัวผิวด้านนอก นั้นจะมีสีน้ำตาลส้ม ซึ่งนั้นมันเกิดจากกระบวนกางล้างด้วยน้ำเกลือ ในระหว่างที่ทำการบ่มอยู่นั้น ก็จะมีกลิ่นที่หอมของเครื่องเทศ หรือบางครั้งก็จะมีกลิ่นที่ฉุด อย่าง
- Herve
- Limburger
- Munster
กลุ่มที่5 HardCheese
นั้นจะมีตัวผิวด้านนอก นั้นจะมีสีน้ำตาลส้ม ซึ่งนั้นมันเกิดจากกระบวนกางล้างด้วยน้ำเกลือ ในระหว่างที่ทำการบ่มอยู่นั้น ก็จะมีกลิ่นที่หอมของเครื่องเทศ หรือบางครั้งก็จะมีกลิ่นที่ฉุด อย่าง
- Herve
- Limburger
- Munster
กลุ่มที่5 HardCheese
เกิดมาจากการนำหางนมออกไปใน ปริมาณมาก จนกระทั่งความชื่นที่อยู่ด้านในนั้น เหลือเพียงเล็กน้อย จนตัวผิวด้านนอกนั้นมีความเเข็งและหนา ส่วนตัวเนื้อที่อยู่ด้านในนั้นจะมีความแข็งและหนา ตัวเนื้อด้านในนั้นก็จะมีความแข็งด้วยเช่นกัน จึงใช้เวลาในการบ่มค่อนข้างนาน
อย่าง
- Cheddar
- Emmental
- Gouda
- Pecorino
- Romano
- Beaufort
นอกจากนี้ยังสามารถใช้หลักเกณฑ์อื่นในการแบ่งได้อีกด้วยเช่น ประเทศที่ผลิต กรดที่ใช้ในการปรุงแต่ง หรือแม้กระทั่งแบ่งตามใยที่ใช้หุ้มเชื้อรา เป็นต้น จบกันไปแล้วนะคะ ทุกคนกับเรื่องรามของชีส ในวันนี้ เราก็หวังว่า ทุกคนจะชอบกันน้า ไว้เจอกันใหม่ในบทความหน้า นะคะ
foodforfooservice.com