ทำไมละครพีเรียดต้องทำผมทรงดอกกระทุ่ม
ใครเป็นแฟนละครไทยทรงผมโบราณที่คุ้นเคยสำหรับสาวๆคงไม่พ้นผมทรงดอกกระทุ่มที่ไม่ว่าจะละครเรื่องไหนถ้าเป็นละครย้อนยุคก็ต้องทรงผมทรงนี้..ทั้งที่จริงแล้วผมทรงนี้เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นานนี้เอง
ผมทรงดอกกระทุ่ม ถือกำเนิดในช่วงกลางถึงปลายสมัยรัชกาลที่ 5 นับว่าเป็นแฟชั่นทรงผมที่งดงามในยุคนั้น ได้แบบอย่างมาจาก ดอกกระทุ่ม ที่มีลักษณะกลม มีสีเหลืองอ่อนอยู่ด้านใน ด้านนอกปกคลุมด้วยเกสรสีขาวเส้นเล็กๆ และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ โดยเริ่มต้นจากหญิงสาวชาววังที่แต่เดิมนิยมไว้ผมยาวประบ่า แล้วค่อยๆ หันมานิยมทรงผมสั้น โดยตัดผมสั้น โดยตัดผมสั้นเกรียนทั้งศีรษะ ปล่อยให้ยาวชี้ขึ้นเล็กน้อย ลักษณะคล้ายกับดอกกระทุ่ม บางคนอาจจะไว้ให้ยาวอีกนิดแล้วหวีเสยขึ้นไป ใช้น้ำมันแต่งผมให้ตั้งสูงได้รูป ซึ่งก็เรียกว่าเป็นทรงดอกกระทุ่มได้เช่นกัน
สาเหตุที่หญิงไทยโบราณทั้งในวังและหญิงชาวบ้านนิยมตัดผมทรงดอกกระทุ่ม เพราะเชื่อว่าเป็นทรงผมที่ช่วยเสริมสิริมงคล โดยมาจากความเชื่อของชาวอินเดียที่เผยแพร่มาสู่ชาวสยามในช่วงนั้นว่า ‘กระทุ่มคือต้นไม้อมตะ เป็นสิ่งศักดิ์และของมงคล’ ตามตำนานโบราณที่ว่า ในคราวกวนเกษียรสมุทรบนสรวงสวรรค์ พญาครุฑซึ่งได้ดื่มน้ำอมฤตนั้นบินมาเกาะที่กิ่งของต้นกระทุ่ม และน้ำอมฤตที่ติดอยู่ตรงจงอยปากได้หยดลงมาบนต้นไม้ จึงส่งผลให้ต้นกระทุ่มกลายเป็นต้นไม้อมตะไปด้วย นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อว่าดอกกระทุ่มเป็นสัญลักษณ์ประจำองค์พระกฤษณะ ผู้ที่เคารพบูชาพระกฤษณะในอินเดีย มักนิยมใช้ดอกไม้นี้บูชาถวายเมื่อถึงช่วงเทศกาลต่างๆ เรียกได้ว่าทรงผมหญิงไทยโบราณมีวิวัฒนาการน่าสนใจ ผสมผสานทั้งความเชื่อและความงาม กลายเป็นแฟชั่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
หญิงชาวบ้านจะนุ่งโจงกระเบน มีคาดอกเพียงผืนเดียว แต่ไปงานมงคลจะนิยม ห่มผ้าแถบทับด้วยสะไบ หรือผ้าคาดอยู่ตามเดิม “หญิงโดยทั่วไปใช้ผืนแพรคล้องคอมาข้างหน้า ตลบชายให้ตกไหล่ไปทางเบื้องหลัง” ซึ่งเป็นการอธิบายถึงวิธี ห่มสไบของหญิงไทยนั่นเอง สำหรับเสื้อนั้นจะสวมเสื้อรัดรูป แขนทรงกระบอก ส่วนหญิงที่มีลูกแล้วหรือแก่แล้ว จะนุ่งแต่โจงกระเบนอย่างเดียว ผ้าสไบหรือผ้าคาดอกไม่มี คือ เปลือยท่อนบน แบบห่มผ้า การห่มผ้าของคนไทยมีหลายลักษณะ ซึ่งแบ่งออกได้ดังต่อไปนี้
๑. ห่มสไบเฉียง ปล่อยชายไปข้างหลัง
๒. ห่มสไบเฉียง ปล่อยชายมาข้างหน้า
๓. ใช้ผ้าคาดอก
๔. ใช้ผ้าคล้องคอและเปิดหน้าอก
เอาเป็นว่าทั้งการทำผมและการแต่งกายของไทยล้วนแล้วจะให้สอดคล้องกับสภาพอากาศถ้าเราได้ลองนุ่งแบบนี้ก็จะรู้ว่าใส่สบายโดยเฉพาะช่วงอากาศร้อนๆแบบนี้ยิ่งทำให้นุ่งห่มได้สบายมากยิ่งขึ้นกว่าการแต่งชุดแบบยุโรป ซึ่งเดี๋ยวนี้หลายๆคนก็หันมานิยมใส่ชุดไทยก็ถือว่าเป็นอีกปรากฏการณ์ที่ดีค่ะ
อ้างอิงจาก: วิกิพีเดีย, กระทรวงวัฒนธรรม