นักธุรกิจด่าเละ "การบินไทย" หลังเปลี่ยนที่ลง..กัปตันออกมาโต้กลับเจ็บๆ ทันที
ช่วงนี้รู้สึกว่า เกิดดราม่าขึ้นมาบ่อยครั้งสำหรับ "การบินไทย" อาจจะเป็นเพราะภาพลักษณ์ของสายการบินแห่งนี้ ที่ยังดูแย่ในสายตาของคนทั่วไป และก็ยังไม่ได้รับการปรับปรุงเท่าที่ควร ล่าสุด ก็มีประเด็นดราม่าขึ้นมาอีกจนได้ เมื่อมีนักธุรกิจรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ด่าทางการบินไทยอย่างรุนแรง โดยเที่ยวบินนี้ต้องออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย แต่ดันมาลงจอดที่ซิดนีย์แทน และยังได้กล่าวหาด้วยว่า ใส่น้ำมันมาไม่พอ กัปตันไม่มีความหนักแน่น หน่อมแน้มไปหน่อย ไม่ยอมรับความจริง งานนี้ก็เจอกัปตันตัวจริงออกมาสวนกลับทันที เนื่องจากทัศนวิสัยมันแย่ หมอกหนา จะให้ฝืนบินจริงๆ หรือ กรุณาให้เกียรติทางนักบินด้วย สุดท้ายเจ้าของโพสต์ไหวตัวทัน รีบซ่อนโพสต์ต้นตอทันที และรีบออกมาขอโทษก่อนปิดเฟซบุ๊กหนี เพราะกลัวทัวร์ลง
เมื่อวันที่ 29 มค.67 ที่ผ่านมา บนโลกโซเชียลถึงกับร้อนระอุขึ้นมาทันที เมื่อมีนักธุรกิจหนุ่มรายหนึ่งได้ออกมาวิจารณ์ "การบินไทย" อย่างรุนแรง หลังจากที่ได้โดยสารไปกับเที่ยวบินของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG465 เส้นทาง กรุงเทพฯ - เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2567 ที่ผ่านมา โดยออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวตำหนิว่า การบินไทยนั้นห่วยแตก ตั้งแต่การบริการ เครื่องบิน กัปตันและนักบิน กล่าวหาอีกว่า กัปตันโกหกว่าทัศนวิสัยไม่ดี เจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ (ATC) ให้วน 20 นาที น้ำมันไม่พอต้องลงจอดที่สนามบินซิดนีย์ ทั้งๆ ที่ตนนั้น เคยขึ้นลงสนามบินเมลเบิร์นมาไม่ต่ำกว่าพันรอบ
โดยนักธุรกิจหนุ่ม ได้อ้างว่า สรุปง่ายๆ ก็คือ ใส่น้ำมันมาไม่พอ ไม่ได้เผื่ออะไรเลยหรือ กัปตันไม่มีความหนักแน่น พูดภาษาอังกฤษอย่างไม่มั่นใจ สู้ความกระฉับกระเฉงของกัปตันชาวออสเตรเลียเที่ยวบินอื่นที่แย่งกันขอลงไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่น้ำมันลดลงแล้ว กล่าวหาว่ากัปตันหน่อมแน้มไปหน่อย และยังกล่าวหาว่า กัปตันไม่กล้าแอ่นอกรับผิด หรือพูดความจริงออกมา อ้างว่าตนบอกให้กัปตันออกมารับสารภาพแล้วก็ยังไม่กล้า ไม่พูดอะไรเลยสักคำ ผู้โดยสารก็โกรธ ต้องปล่อยให้ทางพนักงานต้อนรับต้องกลายเป็นแพะโดนด่าแทนกัปตัน ก่อนจะแคปฯ หน้าจอไอโฟนระบุว่าส ภาพอากาศแจ่มใส อุณหภูมิ 21 องศาเซลเซียส และยังอ้างเว็บไซต์พยากรณ์อากาศว่า ทัศนวิสัย 10 กิโลเมตร
ในเวลาต่อมา ก็ปรากฏว่ามีเฟซบุ๊กเพจที่ชื่อ "กัปตันไฟซอล บิน กิน เที่ยว Captain Faisal" ซึ่งเป็นนักบินของการบินไทย ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ระบุว่า "แม้ว่าท่านจะแสดงถึงความไม่รู้ ใช้คำดูถูกด้อยค่ากัปตัน และนักบินที่เพิ่งพาท่านรอดมาได้ แต่ผมขออธิบายเป็นวิทยาทาน เผื่อท่านอาจจะได้เข้าใจอะไรมากขึ้น ช่วงที่ท่านไปถึงเมลเบิร์น อากาศจริงๆ คือ Low visibility จัดมาทัศนวิสัย 200 เมตร และหมอกหนา Fog เอาว่าขนาดขับรถยังแทบไม่เห็นทาง และจากเมนต์ด้านล่าง ช่วงเวลาเดียวกัน มีเครื่องบิน Divert กันบานเลย ข่าวอากาศการบินมันเป็นข่าวเฉพาะ ไม่ได้มีแถมมาในมือถือ ท่านลองไปดูในแอปฯ Airport มันบอกท่านชัดเจนว่าอากาศเมืองที่ท่านอยากรู้มันเป็นไง อัปเดตทุก 30 นาที อะตอบคำถามที่ถูกสรุปจากความไม่รู้ของท่าน
1. ใส่น้ำมันมาไม่พอ ไม่เผื่ออะไรเลย ตอบ การเติมน้ำมันเครื่องบิน เติมตามกฎหมายที่กำหนดครับ ต่ำกว่านี้ไม่ได้ โดยทั้งหมดมันเผื่อมาให้ระดับหนึ่งแล้ว แต่ถ้าไม่พอ สุดวิสัย ก็ต้องไปลงสนามบินสำรอง เป็นหลักสากลที่คนเดินทางเขาเข้าใจ การไดเวิร์ดโดยเฉพาะจากสภาพอากาศเป็นของคู่กับการบิน
2. กัปตันไม่มีความหนักแน่น หรือ Pushy พอกับ ATC อาจเป็นเพราะพูดภาษาอังกฤษไม่มั่นใจ สู้ความ Hustle ของกัปตัน Aussie เที่ยวบินอื่นที่แย่งกันขอลงไม่ได้ ทั้งที่ low fuel แล้ว ความหน่อมแน้มที่ไม่ควรมีในผู้ชายสักคน ตอบ เรื่องภาษาอังกฤษ นักบินตัองมีการสอบ aviation english ทุกคนและ “ต้องผ่าน” ถ้าไม่ผ่านก็บินไม่ได้ และสอบกับสถาบันกลาง ไม่ได้งุบงิบสอบกันเอง
เรื่องการลงสนามก็ตามคิวครับ ถ้าเจออากาศปิดแบบนี้มาถึงก่อน วนรอก่อน อากาศดีขึ้นก็ลงก่อน มาถึงช้าบินวนรอเพื่อลงตามคิว รอได้รอ รอไม่ได้ไปลงสนามบินสำรอง จะมาขอแซงคิวไม่ได้ ไม่มีต่อรองครับ ยกเว้น วนจนน้ำมันเหลือต่ำที่เราเรียกว่า Mayday Fuel อันนั้นคืออันตรายสุด คือต่ำกว่าน้ำมันสำรองก้นถัง อันนี้ขอลงก่อนได้ แต่โดนสอบสวนไส้แตกแน่ว่าทำไมเอาตัวไปเสี่ยงแบบนั้น
ถ้านักบินกล้าหาญอย่างที่ท่านว่า เอ๊า วนไป แล้วไปต่อรองเอา ต่อไปเรื่อย ๆ ถ้า Low fuel จริงๆ ผลลัพธ์ที่ได้คงไม่ทำให้ท่านปากแจ๋วได้แบบนี้ครับ
นักบินหน่อมแน้ม ที่ท่านดูแคลนพวกนี้แหละครับที่พาท่านรอด ส่วนพวก Macho หรือ มานะชาย เหมือนที่ท่านว่า ส่วนใหญ่ตายห่าก่อนเกษียณครับ ตอนนี้เขาถอดเคสพวกมานะชายเหมือนที่ท่านว่ามาให้นักบินทั่วโลกเขาเรียนชื่อวิชา CRM หรือ Crew Resource Management เพราะ Macho เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอันตราย
สุดท้ายก่อนจบ นักบินการบินไทยมาตรฐานระดับโลก ไปสอบที่ไหนเขาก็รับ อยู่เมืองนอกกันก็เยอะแยะครับ นักบินเราบินกันด้วยมาตรฐานที่สูงสุด เพราะเราก็กลัวตาย นักบินมีลูก เมีย พ่อ แม่ คนรักที่รอเรากลับบ้านอยู่เช่นกัน กรุณาให้เกียรตินักบินคนที่ดูแลชีวิตท่านด้วย"
ในขณะที่นักบินหลายคนก็ต่างออกมาแชร์ข้อมูลการบิน และพบว่าในช่วงเวลาดังกล่าว สายการบินอื่นๆ ที่ลงจอดปลายทางสนามบินเมลเบิร์นก็ลงสนามบินอื่นๆ (Divert) ทั้งหมด และจากรายงานข่าวอากาศทางการบิน พบว่าขณะนั้นที่สนามบินเมลเบิร์น เวลา 20.30 น. ตามเวลา UTC ทัศนวิสัย 200 เมตร มีเมฆปกคลุมทั้งหมด ส่วนชาวเน็ตก็สังเกตเห็นนักธุรกิจหนุ่มรายดังกล่าว ได้ทำการตั้งค่าโพสต์ต้นตอเป็นเฉพาะเพื่อน (Friends Only) เท่านั้น เพื่อไม่ให้สาธารณชนมองเห็น
ภายหลังนักธุรกิจหนุ่มรายดังกล่าว ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความ เพื่อขอโทษการบินไทย โดยระบุว่า "หลังจากโพสต์ของผม ซึ่งเป็นความรู้สึกส่วนบุคคล และกำลังมีอารมณ์อยู่นั้น และตั้งใจที่จะสื่อว่า การสื่อสารกับทางผู้โดยสารไม่เพียงพอสำหรับผมในเหตุการณ์นั้น ถึงกระนั้นก็ตาม ข้อความที่ได้ปรากฏนั้น มันไม่เหมาะสม และผมต้องขอประทานโทษมา ณ ที่นี้ กับทุกคนที่ได้รับผลกระทบครับ" และล่าสุดก็ได้ปิดเฟซบุ๊กส่วนตัวหนีหายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว ส่วนอินสตาแกรมนั้นก็ตั้งค่าเป็นส่วนตัวด้วย