ตักดินที่ตัวเองขาย เหตุใดถึงมีความผิด?
นายวอ ขุดตักดินเป็นบ่อขนาดใหญ่ มีความลึกกว่า 5 เมตร มีรถบรรทุก 2 คัน ขนดินเหนียวเปียกน้ำ นำไปถมในที่ดินชาวบ้านลักษณะเป็นการนำไปขายเชิงพาณิชย์หลายเที่ยวรถ ติดตามต่อจนพบว่ามีการลักลอบขุดตักดิน ในพื้นที่หลังฟาร์มไก่แห่งหนึ่งใน ต.สำนักขุนเณร
จ.พิจิตร จากนั้นนายวอถูกตำรวจบุกรวบ
เหตุที่นายวอถูกตำรวจบุกรวบ เนื่องจากการขุดดินที่ตนเองขายนั้น เข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติการขุดดินและถมดิน พ.ศ.2543 ดังนี้
-
การขุดดินลึกเกิน 3 เมตร หรือพื้นที่ปากบ่อเกินกว่า 10,000 ตารางเมตร โดยปากบ่อดินมีระยะห่างถึงเขตที่ดินข้างเคียง เกิน 2 เท่าของความลึก “แม้จะเป็นที่ดินของตนเองก็ตาม” ต้องแจ้งการขุดต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น “ก่อนจะขุดดิน” การกระทำดังกล่าวมีความเสี่ยงต่อการพังทลายของดินส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและพื้นที่ข้างเคียง จึงต้องขออนุญาต เพื่อจัดการป้องกันการพังทลายของดิน โดยต้องได้รับการรับรองจากวิศวกรเสียก่อน หากไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น และกระทำการโดยพลการมีโทษตาม พ.ร.บ.การขุดดินและถมดิน พ.ศ.2543 อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
-
การขุดดินขายถึงแม้จะเป็นที่ดินตนเอง แต่ถือเป็นการประกอบกิจการพาณิชย์ เพราะได้รับผลประโยชน์ต่างตอบแทนกันทั้งเงินจากการขายดินในที่ดินของตนแก่บุคคลทั่วไป และได้ทั้งบ่อน้ำเพื่อการเกษตรในที่ดินของตนด้วย การใช้รถแบ็กโฮซึ่งมีแรงม้าสูงกว่า 50 แรงม้า ขุดตักดิน จึงเป็นการเข้าองค์ประกอบของการจัดตั้งโรงงานจำพวกที่ 3 ตามบัญชีจำแนกประเภทโรงงานท้ายพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 หากจะประกอบกิจการต้องขออนุญาตจากอุตสาหกรรมจังหวัดเสียก่อน ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โดยนายวออ้างว่า ตนทราบดี เพราะประกอบกิจการมานาน และเคยขออนุญาต แต่เข้าใจว่าพอเป็นที่ของตนเอง เลยเจตนาไม่ขอ เพราะคิดว่าเรื่องเล็กๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นความผิด จึงตรวจยึดของกลาง พร้อมนำตัว ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ดงเจริญ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ดังนั้น ผู้ที่ขุดดินไม่ว่าที่ตนเองหรือที่ผู้อื่น หากการขุดดินนั้นเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติการขุดดินและถมดิน พ.ศ.2543 หรือพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 จะต้องขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนจึงจะกระทำได้ มิฉะนั้นอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้