ป้าขายถ่านไม้ 6 ตัน ไม่รู้ผิดกฎหมาย เตือนประชาชนศึกษาข้อกฎหมาย
ตำรวจป่าไม้จับป้าขายถ่านไม้ไม่มีใบอนุญาต ยึดของกลาง 6 ตัน เตือนโทษหนักจำคุก 1 ปี ปรับ10,000 บาท
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ตำรวจป่าไม้ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) จับกุมนางลมัยพร วงศ์จันทร์ อายุ 60 ปี เจ้าของร้านขายถ่านไม้ไม่มีใบอนุญาต ที่อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร
เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีร้านขายถ่านไม้แห่งหนึ่งเปิดขายโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบนางลมัยพร กำลังขายถ่านไม้อยู่ภายในร้าน เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจค้น พบถ่านไม้รวมน้ำหนักกว่า 6 ตัน
นางลมัยพร ให้การว่า ตนได้ซื้อถ่านไม้มาจากพ่อค้ารายหนึ่งมาขายต่อ โดยไม่ทราบมาก่อนว่าจะต้องได้รับใบอนุญาตในการครอบครองถ่านไม้ เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหา “ครอบครองซึ่งของป่าหวงห้าม เกินปริมาณที่กําหนด โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” แก่นางลมัยพร และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์ประทับช้าง ดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากข่าวดังกล่าว พบว่า กฎหมายเกี่ยวกับถ่านไม้มีความชัดเจน โดยถ่านไม้ทุกชนิดถือเป็นของป่าหวงห้าม เว้นแต่ถ่านไม้ที่ได้จากการเผาไม้ที่ปลูกขึ้นในที่ดินกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง (นอกจากไม้สักและไม้ยาง) ดังนั้น ผู้ที่ต้องการครอบครองถ่านไม้จึงควรศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจ เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำความผิดทางกฎหมาย
โทษของการครอบครองถ่านไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตค่อนข้างสูง จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้น ผู้ที่ต้องการครอบครองถ่านไม้ที่มีปริมาณเกิน 130 กิโลกรัม จึงควรขออนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงโทษทางกฎหมาย
กรณีของนางลมัยพร พบว่า ตนได้ซื้อถ่านไม้มาจากพ่อค้ารายหนึ่งมาขายต่อ โดยไม่ทราบมาก่อนว่าจะต้องได้รับใบอนุญาตในการครอบครองถ่านไม้ แสดงให้เห็นว่า ประชาชนยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายเกี่ยวกับถ่านไม้ไม่มากนัก ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงกฎหมายและโทษของการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างแพร่หลาย
นอกจากนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวยังสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งถือเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทยมาตลอด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรเร่งดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ
ข้อกฎหมายเกี่ยวกับถ่านไม้ กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
- พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507
- พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504
- พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
โดยหลักแล้ว ถ่านไม้ถือเป็นของป่าหวงห้ามตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 เว้นแต่ถ่านไม้ที่ได้จากการเผาไม้ที่ปลูกขึ้นในที่ดินกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง (นอกจากไม้สักและไม้ยาง)
ดังนั้น การครอบครองถ่านไม้จึงมีหลักเกณฑ์ดังนี้
- การครอบครองถ่านไม้ที่มีปริมาณไม่เกิน 130 กิโลกรัม สามารถทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
- การครอบครองถ่านไม้ที่มีปริมาณเกิน 130 กิโลกรัม จะต้องขออนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยสามารถขออนุญาตได้ที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่
สำหรับกรณีการขนส่งถ่านไม้ จะต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การส่งถ่านไม้ออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. 2549 โดยถ่านไม้ทุกชนิด (ยกเว้น ผงถ่าน ถ่านอัด และถ่านที่ได้จากวัสดุอื่นที่ไม่ใช่ไม้) เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร
หากผู้ใดฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับถ่านไม้ จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ดังนี้
- กรณีครอบครองถ่านไม้ที่มีปริมาณเกิน 130 กิโลกรัม โดยไม่ได้รับอนุญาต จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- กรณีส่งออกถ่านไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 หากผู้ใดตัดไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 หากผู้ใดตัดไม้ในเขตอุทยานแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 หากผู้ใดตัดไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ดังนั้น ผู้ที่ต้องการครอบครองหรือขนส่งถ่านไม้ ควรศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจ เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำความผิดทางกฎหมาย
เหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ประชาชนยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายเกี่ยวกับถ่านไม้ไม่มากนัก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงกฎหมายและโทษของการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งดำเนินการปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ
ที่มาของข้อมูลสำหรับกระทู้นี้ ได้แก่
* ข่าวจากเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ เช่น ผู้จัดการออนไลน์, ไทยรัฐออนไลน์, เดลินิวส์ออนไลน์ เป็นต้น
* พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484
* ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การส่งถ่านไม้ออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. 2549
นอกจากนี้ ข้อมูลบางส่วนอาจมาจากความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเอง เพื่อให้กระทู้มีความน่าสนใจและมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
"ธรรมนัส" สวนดราม่าจัดซีเกมส์ ย้ำไทยพร้อม 100% แต่ขอทำแบบ "พึ่งตัวเองล้วนๆ"
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
ซาอุฯ สั่ง "มันอัดเม็ดไทย" เพิ่ม 30,000 ตัน! เกษตรกรเฮลั่น
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoia
เฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับของจีน ทดสอบบินและยิงกระสุนจริงครั้งแรกแล้ว
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
“ย้อนวันวานอาหารจานละ 2-3 บาท กินอิ่มทั้งบ้านด้วยเงินไม่กี่บาท ราคาน่ารักที่วันนี้หาไม่ได้แล้ว”
ทำไมต้องหย่ากัน หลังถูกคดีความ? เหตุผลที่ฟังดูดราม่า…แต่จริงกว่าที่คิด
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoia
Unseen ไทยแลนด์ เกาะรูปหัวใจ "ทุ่งทะเลหลวง" สุโขทัย