กบดาน
กบดาน
"กบเอ๋ย ทำไมจึงร้อง
กบร้อง เพราะท้องมันปวด
ท้องเอ๋ย ทำไมจึงปวด
ท้องปวด เพราะข้าวมันดิบ
ข้าวเอ๋ย ทำไมจึงดิบ
ข้าวดิบ เพราะไฟมันดับ
ไฟเอ๋ย ทำไมจึงดับ
ไฟดับ เพราะฟืนมันเปียก
ฟืนเอ๋ย ทำไมจึงเปียก
ฟืนเปียก เพราะฝนมันตก
ฝนเอ๋ย ทำไมจึงตก
ฝนตก เพราะกบมันร้อง
กบเอ๋ย ทำไมจึงร้อง..."
เราคงเคยได้ยินเพลงร้องเล่นบทนี้ตั้งแต่ครั้งยังเด็ก รู้สึกชอบในความมหัศจรรย์ของบทร้องเล่นนี้มาก เพราะมันจะเวียนกลับมาร้องวนซ้ำๆ ไม่รู้จบ
บทร้องเล่นนี้ก็เป็นหนึ่งในนิทานร้องเล่นที่เรียกว่า "นิทานไม่รู้จบ"
นี่ก็ยังอยู่ในช่วงฤดูฝน พูดแล้วชวนให้คิดถึงบรรยากาศ ท้องไร่ท้องนาในฤดูฝน
ที่เวลาฝนตก มักจะได้เสียงอึ่งอ่าง กบ เขียด ร้องระงม ตามธรรมชาติ และแล้วเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวถัดไปเขาจะจำศีล หลบอยู่ใต้โพรงดิน อาศัยไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกาย เพื่อยังชีวิตรอด เพราะเมื่อยามฤดูแล้งการไม่ออกไปหากินดีกว่า
นึกถึงสำนวน กบดาน! คือซ่อนตัวไม่ให้ใครพบ แต่สำนวนนี้ไม่ได้มีที่มาจากกบโดยตรง กลับมีที่มาจากจระเข้ ซึ่งเป็นอาการนอนแนบแช่ตัวอยู่ใต้พื้นน้ำของจระเข้ เมื่อกินอิ่ม หรือตื่นกลัวอันตราย
กบ ถ้าเป็นคำกริยา มาจากภาษาเขมร มีความหมายว่า อุบเอาไว้,ปกปิดเอาไว้
ส่วนคำว่า ดาน นั้น อาจารย์บุญเลิศ วิวรรณ์ ให้ความเห็นไว้ใน"รายการเพียงคำเดียว" ว่าที่จริงน่าจะเป็น ดาล ที่เขียนสะกดด้วยตัว ล ลิง มาจากภาษาเขมร ที่มีความหมายว่า พื้น อาจารย์บอกว่า คำว่ากบดาน ยังเคยใช้กับคางคกจำศีลด้วย
ในความคิด จริงๆ แล้ว กบที่เป็นสัตว์ ก็มีลักษณะกบดาน (ดาล) นะคะ เมื่อเวลาจำศีลในฤดูแล้งนั่นแหละ
สำนวนกบดาน มักใช้ในทางลบ ถึงคนที่ทำความผิดแต่ไม่ยอมออกมาปรากฏตัว
สำหรับบางคนเป็นคน Introvert จะเรียกว่ากบดานก็คงไม่ถูกนัก
ก็คือเป็นคนชอบหลบอยู่ที่ไหนสักแห่ง มีมุมของตัวเอง ขอไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครชั่วขณะ เวลานั้นรู้สึกได้สะสมพลังงานมากกว่า เพื่อพร้อมไปเผชิญสิ่งภายนอกต่อไป แล้วกลับมาทำแบบเดิมซ้ำ อย่างไม่รู้จบ
ขอแค่ได้หลบๆ มีมุมของตัวเองบ้าง อาจด้วยการใช้เวลาอ่านหนังสือ ฟังเพลง ทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองมีแรงบันดาลใจที่จะทำ เป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่าสุดแล้ว ที่จะมอบให้กับตัวเองในทุกๆ วัน
ใครเป็นบ้าง ? 😄