พญายัสมัญนาคราช
พญายัสมัญนาคราช
กำเนิดในตระกูลวิรูปักษ์ พระวรกายเขียวอมน้ำเงิน ปล้องพระนาภีสีทอง ปลายหางสีแสด สีพระเนตรสีแดงแสด
พญานาคยอดนักรบ นักเวทย์ผู้เกียงไกรแห่งวังบาดาลใต้ ท่านเป็น พระราชโอรสของพญาอนันตนาคราช และ เจ้านางสรัอยแสงคีรี อยู่ในตระกูลวิรูปักษ์ และทรงเป็นพระอนุชา สหายร่วมรบกับ พญาเพชรภัทรนาคราช พญาภาคินทร์นาคราช และ พญานฤบดินทร์นาคราช
พญายัสมันนาคราชที่ไม่มีพระชายาเพราะท่านมิทรงสมหวังกับพระนางผู้เป็นที่รัก คือ พระนางมุญารินทร์รณีเทวี ราชธิดาใน พญาภุชงค์นาคราช และ พระนางทองคำศรีปางตาล เนื่องจากเจ้าปู่ภุชงค์ทรงหวงราชธิดาองค์เล็กมาก จนทำให้พญายัสมันมิอาจครองรักกัน และ มิอาจจะขัดพระประสงค์ของเจ้าปู่ภุชงค์จึงทรงจำศีล
ต่อมาพระองค์ได้ถวายตนเป็นนาคเทวราชรับใช้ท้าวสักการะเทวราช ผู้เป็นใหญ่แห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และด้วยพญายัสมัน เป็นผู้มีจริตเรียบร้อย อ้อนน้อมถ่อมตนและรู้จักงานราชประเพณี ธรรมเนียมอย่างดี มีกริยามารยาทที่อ่อนช้อย แต่อีกด้านหนึ่งก็เก่งกาจในเชิงรบและเชิงวิชามนต์อย่างหาผู้ใดเปรียบมิได้ จึงเป็นที่โปรดปรานของท้าวสักกะยิ่งนัก
พญายัสมันนาคราช เป็นพญานาคที่เชี่ยวชาญศาสตร์แห่งมนตรา “วิชาทิพย์มนต์นาวี” ที่ท่านได้บำเพ็ญด้วยอภิญญา ท่านเป็นผู้ขึ้นชื่อเรื่องการฝักใฝ่ ศิลปะการต่อสู้ การรบ และ เวทมนต์อย่างยิ่ง และฝีมือการสู้รบของท่านไม่เป็นสองรองใคร และวิชาอาคมก็เป็นเอกในเหล่าพญานาคทั้งมวล เพราะท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาการต่อสู้และคัมภีร์มนตรานาคราชมาจาก เทพเจ้าแห่งมหาสมุทร ซึ่งได้ถ่ายทอดวิชาสุดยอดแห่งการใช้ “ทิพยมนต์นาวี” ให้ จนไม่อาจมีผู้ใดต่อกรกับท่านได้เลย
กิตติศัพท์ของ พญายัสมัน เป็นที่เลื่องลือ จาก มหาสงครามระหว่างพญานาค กับ เหล่าคนธรรพ์ ซึ่งนำทัพโดย เพชรพญาธรอัคคี ซึ่งปรารถนาจะได้พระคัมภีร์อันเป็นสุดยอดวิชาทางเวท ของพระฤาษีสีหโคดม ที่บำเพ็ญพรตจนได้สำเร็จวิชาสุดยอดบนยอดเขา จนได้จารึกวิชานี้ไว้ในพระคัมภีร์ และมีเหล่าพญานาค และ คนธรรพ์ที่ปรารถนาจะครอบครองคัมภีร์นี้ เพื่อตนจะได้เป็นใหญ่ในโลกา และเป็น เพชรพญาธรอัคคี ซึ่งได้ถือโอกาสที่ พระฤาษีสีหโคดมที่ไปบำเพ็ญตบะขั้นสูงและเก็บคัมภีร์ไว้ในหอมนต์ ขโมยพระคัมภีร์ออกมาได้ และเมื่อได้คัมภีร์ไปแล้ว ได้ศึกษาเรียนรู้จนได้บรรลุวิชาขั้นสูง จึงเกิดความเหิมเกริมที่จะยึดครองโลกและสวรรค์ รวมถึงวังบาดาลไว้ในอำนาจตนเอง เพชรพญาธรอัคคี กรีทาทัพคนธรรพ์ ไปเปิดศึกกับเหล่าพญานาคในวังบาดาล เหล่าพญานาคผู้ทรงฤทธิ์ไม่อาจต้านทานพลังของเพชรพญาธรอัคคีได้ จนได้พ่ายแพ้ไปและหนีกระเจิดกระเจิง จนวังบาดาลได้ถูกยึดครองไว้ถึง ๔ แห่ง
เรื่องนี้ร้อนไปถึง หัวหน้าเทวดา คือ ท้าวสักการะเทวราช หรือ พระอินทร์ ผู้ครองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งทรงเห็นว่า หากขืนปล่อยให้ เพชรพญาธรอัคคี เหิมเกริมเช่นนี้ ต่อไปมิช้า วังบาดาล และ สวรรค์ จะต้องถูกยึดครองไปในที่สุด และเห็นว่า จะมีผู้ใดที่มีฝีมือการสู้รบที่เก่งกาจบ้าง จึงได้นึกถึง พญายัสมัน พญานาคหนุ่ม บริวารคู่พระทัยผู้ไร้เทียมทาน จึงได้รับสั่ง พญายัสมัน ให้ออกรบกับ เพชรพญาธรอัคคี
พญายัสมัน เมื่อได้รับบัญชามาเช่นนี้ ใจเดิมท่านเองก็โกรธเพชรพญาธรอัคคีเป็นอันมากที่ได้มาทำลายล้าง เหล่าพญานาคอันเป็นวงเครือญาติของท่านให้วอดวายไป แต่ตนเองได้รับใช้ท้าวองค์อินทร์อยู่ จะทำการใดโดยพลการ เกรงจะขัดต่อราชประเพณี ต่อเมื่อได้รับอนุญาตให้ไปรบเช่นนี้ ท่านจึงไม่รีรอที่จะออกศึก
ศึกระหว่าง พญายัสมัน กับ เพชรพญาธรอัคคี เป็นมหาศึกทีกล่าวขานไปทั้งสามโลก เพชรพญาธรอัคคี ยกทัพคนธรรพ์ออกมารบพุ่งกับ พญายัสมัน ที่นำทัพมาพร้อมกับเหล่านักรบพญานาคน้อยใหญ่ การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือด การปะทะกันนั้นสั่นสะท้านไปทั่วโลกา และมีเหล่าทหารไพร่พลของทั้งสองฝ่าย ต่างบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก พญายัสมันนั้น ไม่ปรารถนาจะเห็นไพร่พลของทั้งสองฝ่ายต้องล้มตายไปมากกว่านี้ จึงขอท้าประลองกับ เพชรพญาธรอัคคี เป็นการสู้รบกันแบบตัวต่อตัว เชื่อว่าหากได้กำจัดเพชรพญาธรอัคคีได้แค่องค์เดียว ก็จะยุติสงครามนี้ได้ ส่วนเพชรพญาธรอัคคี นั้นได้ฟังคำท้าเช่นนั้น ก็เชื่อมั่นในวิชารบและวิชามนต์ของตนเองที่หาผู้ใดต่อกรได้ จึงรับตกลงใจรับปาก
ทั้งสองนั้นได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือด โดยเป็นการประทะทางกำลัง และ วิชาการรบ ทั้งต่อสู้ระยะประชิด และการใช้ศาสตราวุธ ปรากฏว่า ทั้งสองเสมอกันไม่อาจหาผู้แพ้ชนะได้ จึงต้องใช้วิชาไม้ตายของแต่ละคนวิชามนตราอันสูงสุด เพชรพญาธรอัคคี ใช้มนตราที่ตนเองที่ขโมยมาจากฤาษีสีหโคดม เป็นมนต์อัคคีที่ผาผลาญทุกสิ่งให้แหลกเป็นผุยผง ที่ปราบศัตรูให้พ่ายแพ้ทั้งหมด ส่วนพญายัสมัน ได้ใช้ วิชาสูงสุดคือ ทิพยมนต์นาวี เข้าต่อกรด้วย
ระหว่าง เปลวไฟและสายน้ำ ได้ปะทะกันอย่างหนักหน่วงแรงปะทะส่งเสียงก้องกัมปนาท ดั่งปฐพีจะแตกยกเป็นเสี่ยง และสั่นสะเทือนไปถึงสวรรค์ชั้นพรหม การปะทะกันเพียงครั้งเดียวนี้ เองก็ส่งผลถึงการแพ้ชนะได้แล้ว ผลปรากฏว่า พญายัสมัน เป็นฝ่ายชนะ ด้วยทิพย์มนต์นาวีอันทรงมหิทธิฤทธิ์เกินกว่าจะหาวิชาใดมาต่อกรได้ เพชรพญาธรอัคคี ถูกซัดจนร่างแหลกละเอียด และสิ้นชีพในบัดดล ส่วนเหล่าไพร่พลคนธรรพ์ต่างเสียขวัญและไม่มีกะใจต่อสู้ด้วย ทำให้กองทัพพญานาค รุกต่อรบด้วยความห้าวหาญ จนแหล่าคนธรรพ์พ่ายแพ้ย่อยยับ
เหล่าพญานาคได้กอบกู้เอกราชของตนเองกลับคืนมาได้ วังบาดาลทั้งสี่ได้กลับสู่อธิปไตยอีกครั้ง หลังมหาศึกครั้งนี้ พญายัสมัน ซึ่งเป็นพียงพญานาคหนุ่มน้อย ได้รับการสรรเสริญแซ่ซ้องไปทั่วแดนสามโลก ท้าวสักการะเทวราช ทรงทราบว่า พญายัสมัน บริวารคู่ใจ ชนะศึกครั้งนี้อย่างยิ่งใหญ่ ก็ปลายปลื้มยินดีที่ที่สุด จึงได้พระราชทาน รางวัลให้ด้วยการ แต่งตั้งยศสูงสุดของพญานาคขึ้นเถลิงราชเป็น นาคาธิบดี พระนามว่า “พญายัสมันนาคราช” หรือ จอมกษัตริย์แห่งพญานาค ซึ่งเป็น ๑ ใน ๙ นาคาธิบดี
ท้าวสักการะเทวราช ทรงเลือกวังบาดาลให้ พญายัสมันนาคราช ไปปกครอง ซึ่งขณะนั้น แถบลุ่มแม่น้ำโขงมี พญาศรีสุทโธ ปกครอง ณ พรหมประกายโลก ป่าคำชะโนด จึงทรงพินิจ เมืองทางตอนใต้ ก็มี ปู่ภุชงค์ ปกครอง ณ แถบภาคใต้ จึงได้ทรงเลือกเมืองบาดาลทางใต้สุด คือ แถบแหลมมาลายู คือ เขตประเทศประเทศ มาเลเซียและสิงคโปร์ ให้ปกครอง
พญายัสมันนาคราช เมื่อได้รับการแต่งตั้งให้ไปครองวังบาดาลแล้ว ก็ทรงปกครองด้วยเมตตาจิต จึงเป็นที่รักใคร่ของปวงพญานาคน้อยใหญ่ทั้งหลาย ไม่เพียงแค่พระองค์ทรงมีพระทัย เมตตาต่อพญานาค แม้แต่มนุษย์เอง พระองค์ก็ทรงเมตตาและช่วยเหลือให้คนในแถบบริเวณนั้น ได้รับโชคลาภ การทำมาหากิน เจริญก้าวหน้าด้วยพระพรที่ประทานให้ จนบริเวณประเทศ มาเลเซียและสิงคโปร์ เป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรืองอย่างมากจนถึงปัจจุบัน