ดอกระฆังแก้ว หรือ ลิลลี่แห่งหุบเขา
ดอกระฆังแก้ว หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ลิลลี่แห่งหุบเขา (Lily of the Valley) สันนิษฐานว่าชื่อ ลิลลี่แห่งหุบเขา มาจากภาษาโปแลนด์ในรัสเซีย ดอกลิลลี่แห่งหุบเขาเป็นที่รู้จักเพราะตัวดอกไม้สีขาวรูปทรงระฆัง
เป็นดอกไม้ที่บานในฤดูใบไม้ผลิ ถึงต้นฤดูร้อน ใบเป็นมันและผลเบอร์รี่สีแดงอมส้มขนาดเล็ก เป็นดอกไม้ที่มักจะปลูกกันในถิ่นอากาศเย็น ปลูกในที่ร่ม แดดไม่จัดมาก เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่ชอบความเย็น เพราะไม่สามารถทนต่อสภาพอากาศร้อนได้
ดอกจะมีสีขาวบริสุทธิ์ มีลักษณะเป็นทรงระฆัง จะออกดอกเล็กๆ มากมายรวมกันเป็นช่อๆ นอกจากนั้นแล้วยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆอีกด้วย จึงขึ้นชื่อว่าเป็นดอกไม้แห่งเทพนิยาย เพราะเมื่อได้เห็นและได้กลิ่นของดอกระฆังแก้ว จะเหมือนตกอยู่ในภวังค์แห่งเทพนิยาย
ความหมายของดอกไม้ชนิดนี้ หมายถึง คุณจะค้นพบความสุข / คุณเป็นผู้เติมเต็มความสุขให้ฉัน / ความอ่อนหวาน นอบน้อม และ อาจหมายถึงน้ำตาของหญิงสาวได้อีกด้วย
และด้วยสัญลักษณ์แห่งการเติมเต็มความหอมหวานและความสมบูรณ์ให้กับชีวิตคู่ ดอกไม้ชนิดนี้ จึงมักจะนิยมนำมาใช้กันมากในงานแต่งงาน
ลิลลี่แห่งหุบเขาทุกสายพันธุ์มีดอกสีขาว ยกเว้น rosea ซึ่งมีสีชมพูอมชมพู ดอกรูประฆังขนาดเล็กเหล่านี้สามารถพบเห็นได้เป็นกลุ่มห้อยลงมารอบๆ ลำต้น แต่ละดอกมีหกถึงสิบสองดอก
แพร่กระจายโดยเหง้าที่เติบโตในใต้พื้นดิน แต่น่าเสียดายที่ดอกลิลลี่แห่งหุบเขามักถูกมองว่ารุกรานในบางส่วนของอเมริกาเหนือ เนื่องจากรากของต้นสามารถเบียดเสียดกับพืชพื้นเมืองได้
ลิลลี่แห่งหุบเขา จะบานในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน จะกินเวลาประมาณครึ่งเดือน เป็นพุ่มไม้เตี้ยสูงประมาณ 20-25 เซนติเมตร
เหง้าเลื้อยค่อนข้างบางและรากจำนวนมากมีโครงสร้างเป็นเส้นใย แผ่นใบจะเติบโตจาก 1 ถึง 3 เป็นรูปใบหอกกว้างและมีรูปรีเป็นวงรี จนถึงเดือนกรกฎาคมจะยังคงมีสีเขียวที่สมบูรณ์ หลังจากนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและตายไป
ก้านช่อดอกเติบโตจากตาดอกส่วนบนมีหน้าตัดเป็นรูปสามเหลี่ยม และก้านช่อดอกบิดเป็นเกลียว ดอกไม้สีขาวราวกับหิมะ มีกลิ่นหอมเป็นส่วนหนึ่งของช่อดอกที่มีช่อดอก 8 -12 ดอก
ดอกไม้มีลักษณะคล้ายระฆังขนาดเล็กซึ่งกว้าง 0.5 ซม. และยาว 0.4 ซม. เช่นเดียวกับเกสรตัวผู้สั้น เมื่อดอกบานเต็มที่ช่อดอกจะเปลี่ยนเป็นสีเข้มและมีรังไข่เกิดขึ้นซึ่งเป็นผลไม้เล็ก ๆ สามช่อ ภายในผลไม้ดังกล่าวมีเมล็ดตั้งแต่ 3 ถึง 6 เมล็ด
LOMA 🐬🐬