ขุดบ่อน้ำ เจอวัตถุโบราณ อายุเกือบ 2,500 ปี "ปลายยุคบ้านเชียง"
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ชาวบ้านเชียงยืน ตำบลเชียงยืน อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี ขณะขุดบ่อเก็บน้ำภายในที่ดินของตนเอง พบเศษภาชนะดินเผาและกระดูกมนุษย์ จำนวน 2 โครง จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรทราบ
เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและทำการขุดค้นบริเวณดังกล่าวเพิ่มเติม พบเศษภาชนะดินเผาจำนวนหนึ่ง และโครงกระดูกมนุษย์จำนวน 2 โครง โครงแรกเป็นโครงกระดูกผู้ใหญ่ เพศชาย โครงที่สองเป็นโครงกระดูกเด็ก เพศหญิง ทั้งสองโครงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ดี
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเศษภาชนะดินเผาที่พบเป็นภาชนะดินเผาแบบบ้านเชียง มีอายุประมาณ 2,500-3,000 ปีมาแล้ว สันนิษฐานว่าโครงกระดูกมนุษย์ทั้งสองโครงมีอายุในยุคเดียวกัน
เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้ทำการย้ายโครงกระดูกมนุษย์ทั้งสองโครงไปยังห้องเก็บรักษาโบราณวัตถุของกรมศิลปากรที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อดำเนินการศึกษาและอนุรักษ์ต่อไป
การค้นพบครั้งนี้นับเป็นหลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญ บ่งชี้ว่าพื้นที่บริเวณตำบลเชียงยืน อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี เคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีการดำรงชีวิตแบบเกษตรกรรมและทำเครื่องปั้นดินเผา
กรมศิลปากรจะดำเนินการศึกษาและอนุรักษ์โครงกระดูกมนุษย์ทั้งสองโครงอย่างละเอียดต่อไป เพื่อให้ทราบถึงลักษณะทางกายภาพ สภาพความเป็นอยู่ และความสัมพันธ์ทางสังคมของมนุษย์ในยุคนั้น