โรงทาน จุดเริ่มต้นจากการเป็นผู้รับ สู่ผู้ให้
โรงทาน จุดเริ่มต้นจากการเป็นผู้รับ สู่ผู้ให้
เราคิดว่าเกือบทุกคนต้องรู้จักคำว่าโรงทานหรือการออกโรงทาน กันอยู่แล้วเพราะว่าเวลามีงานทำบุญที่วัด หลังออกพรรษา งานกฐิน ผ้าป่า ก็จะมีออกโรงทาน เลี้ยงอาหารกันที่วัด ไม่ว่าจะเป็นจากร้านของตัวเองหรือ จะเป็นการรวมเงินกันกับเพื่อนๆ ญาติ พี่น้อง หรือที่ทำงาน ร่วมกันซื้อของเพื่อที่จะมาทำบุญออกโรงทานกัน
ส่วนของที่จะนำมาออกโรงทานก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ขนมหวาน ไอศครีมขนมแห้งต่างๆ น้ำดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม น้ำเปล่า แต่ละชนิด ขนมจีน ก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้นทอด ไก่ทอด หอยทอด อีกสารพัด เมนู แล้วแต่ที่จะมีคนนำมาทำบุญเลี้ยงพระ และ ออกโรงทาน
และบางส่วนก็ได้มีการแจกทานด้วย คนนำของไปแจกก็มีความสุข คนได้รับก็มีความสุข ใครจะเคยคิดว่าบางครั้งการให้เพียงเล็กน้อย ในบ้างเวลากลับกลายเป็นการได้ช่วยใครบางคนในช่วงที่เขากำลังลำบาก ซึ่งสำหรับคนบางคนในเวลานั้นเขาอาจจะกำลังไม่มีเงิน หรือมีเงินแต่ไม่สามารถนำมาใช้จ่ายได้ เขาอาจจะกำลังลำบากอยู่ ณ. เวลานั้นๆ ก็ได้ไม่มีใครจะรู้
จำได้ว่าเคยมีคนมารับของออกโรงทานแล้วเล่าให้ฟังว่าตัวเค้าตกงาน แทบไม่มีเงินเหลือติดตัว เลยต้องมากินข้าวที่โรงทานให้อิ่ม แล้วเก็บของบ้างอย่าง ที่พอจะกินได้ในมื้อต่อไป สัก 2 - 3 มื้อ
ตัวเราพอได้ยินแบบนั้นแล้วก็เข้าใจเลยในสิ่งที่เขาต้องการบอกเล่าให้ฟัง เพราะในช่วงเวลานั้นตัวเค้าเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่าตัวเขาจะหางานทำได้ในเร็วเมื่อไหร่หรือสามารถหางานทำได้ในเร็ววันนี้ไหม แต่วันนี้ตัวเขาได้กินอิ่มและสามารถเก็บเอาของกินไว้สำหรับมื้อต่อไปได้ก่อนก็พอแล้ว
มันทำให้ตัวเรานั้นย้อนกลับไปนึกถึงวันแรกที่ตัวเราและแฟนได้ไปรับของกินจากโรงทานที่มีคนทำมาเลี้ยงในวัดลาดปลาเค้า วันนั้นเราสองคนไปวิ่งงานเครสลูกค้า แล้วไม่จบ ทั้งตัวมีเงินอยู่ 200 บาท ซึ่งก็ไม่สามารถใช้จ่ายอะไรได้ เพราะต้องเตรียมเอาไว้เติมทำมันรถเพื่อวิ่งลูกค้าเครสต่อไปในวันรุ่งขึ้น
วันนั้นเราทั้งคู่รู้สึกทั้งเหนื่อยและก็ท้อมากๆ และหิวด้วยเพราะวิ่งงานกันมาตั้งแต่เช้าจนบ่ายกว่าๆแล้วยังไม่ได้กินอะไรกันเลย และพวกเราก็วิ่งงานกันมาเป็นเดือนๆ แต่ก็ยังไม่ปิดจบสักเครส ซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกว่าวิ่งงานพรุ่งนี้จะจบดิวได้หรือเปล่าด้วย แต่ในเมื่อมีลูกค้าเราก็ต้องวิ่งเพราะมันคือความหวัง ว่าถ้ายังมีลูกค้าให้วิ่งและถ้าวิ่งแล้วจบดิวก็คือได้ค่าคอม
วันนั้นหลังจากเสร็จเครสลูกค้า แล้วแฟนเราขับรถผ่านวัดเราสองคนเลยตั้งใจแวะเข้าไปไหว้พระในวัดลาดปลาเค้าเพื่อให้ตัวเราสองคนรู้สึกใจเย็นและสงบจิตใจตัวเองลงบ้าง พร้อมทั้งจะเข้าไปขอพรให้เครสลูกค้าที่จะต้องวิ่งพรุ่งนี้จบดิวเราจะไม่เงินค่าคอมมาไว้กินและมีไว้ใช้ทำทุนต่อไป
หลังจากเราสองคนไหว้พระกับเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดินออกจากโบสถ์มาเจอหลวงพ่อเข้าพอดี หลวงพ่อบอกว่าให้ไปรับของกินที่ศาลาวัดสิมีคนเขาเอาของมาออกโรงทานเลี้ยงนะ
ตอนแรกเราสองคนก็ไม่กล้าเข้าไปรับของที่เขาเอามาเลี้ยงเพราะกลัวเขาจะว่าเอา ( ในใจตอนแรกเราคิดว่าเขาคงเอามาเลี้ยงคนลำบากคนไม่พร้อมมั้ง แล้วถ้าเราสองคนเดินเข้าไปรับของแจกเขาจะให้ไหมเป็นความคิดส่วนตัวของเราเองคะ ซึ่งจริงๆในตอนนั้นเราก็ลำบากหล่ะแต่ไม่กล้าเข้าไปรับ เพราะด้วยการแต่งตัวด้วยชุดทำงานที่ดูเรียบร้อยมองว่าไม่น่าจะไม่มีเงินติดตัวกันประมาณนั้นหล่ะ )
เราเลยถามหลวงพ่อว่า เราสองคนเขาไปรับของกินได้ด้วยหรอ คนมาแจกเขาจะไม่ว่าอะไรหรอคะ หลวงพ่อบอกว่ารับได้สิในเมื่อเขาตั้งใจมาแจก ใครไปรับเขาก็แจกหมดหล่ะ แถมเขายังจะรู้สึกดีอีกด้วยที่เขาเอามาแจกแล้วมีคนไปรับนะ
หลวงพ่อยังบอกอีกว่าเขาไปรับเถอะ คนที่เขาตั้งใจทำมาแจกเขาจะได้รับบุญด้วยถ้าเราเขาไปรับนะ ไปรับให้เขาได้บุญสมใจหน่อย คนแจกเขาได้อิ่มบุญ ส่วนคนรับได้อิ่มท้องอิ่มใจไง
หลังจากได้ฟังหลวงพ่อบอกเราสองคนเลยเดินเข้าไปรับของแจกซึ่งก็คือเป็นจริงอย่างที่หลวงพ่อบอก คนแจกบอกขอบใจที่เรามารับ และบอกว่าให้ทานให้อร่อยให้อิ่มนะ ไม่พอมารับเพิ่มได้อีก ส่วนเราสองคนเอ่ยกล่าวขอบคุณและอวยพรให้เขาพบเจอแต่สิ่งดีๆ เพื่อขอบคุณที่เขามาแจกของกินในวันนั้น เขาทำให้เราสองคนได้มีอาหารทานหลังจากไม่ได้ทานอะไรกันมาตั้งแต่เช้าจนบ่าย
วันนั้นเราสองคนทานขนมจีนแกงเขียวหวานกันจนอิ่ม เรายังได้ลูกชิ้นทอด และ ข้าวโพดหวานต้ม เก็บเอามาไว้ทานเป็นมื้อเย็นของวันอีกด้วย เราสองคนรู้สึกดีใจมากเพราะตอนแรกเราสองคนยังคิดไม่ออกว่าจะเอายังไง จะต้องอดข้าวกันเพื่อนเอาเงินไว้เติมน้ำมัน หรือจะทำยังไงกันดี ครั้งนั้นคือครั้งแรกที่เราได้ไปรับของกินจากโรงทานเลย
หลังจากวันนั้นเราบอกแฟนว่าถ้ามีโอกาสเราอยากเอาของมาแจกโรงทานแบบนี้บ้าง แฟนเราบอกว่าน่าจะต้องใช้เงินเยอะนะเพราะดูของที่เขาเอามาแจกเยอะอยู่ ( ด้วยความที่ไม่รู้ว่าการแจกโรงทานสามารถทำได้หลายอย่างและหลายแบบคะในตอนแรก ในความคิดเรากับแฟนคือไม่รู้ว่าคนจะมารับของโรงทานมากน้อยแค่ไหนและต้องเตรียมของมาแจกยังไงให้พอเลยคิดว่าต้องใช้เงินเยอะแน่ๆ )
หลังจากครั้งนั้นก็ผ่านมาอีกหลายเดือน เพื่อนก็ชวนเรากับแฟนไปงานกฐินวัดเศรษฐีเรือทอง เขาก็มีออกโรงทานเหมือนกับทุกปี เราสองคนก็ไปรถเพื่อนเพราะเพื่อนเอา แม่เศรษฐีเรือทองไปไหว้เป็นประจำทุกปี
หลังจากทำพิธีเสร็จพวกเราก็เดินทางดูอะไรทานกันตรงที่เขาออกโรงทานกัน นี้เป็นครั้งที่สองที่เราได้มารับของกินที่โรงทาน และก็เป็นที่นี้เหมือนกันที่ทำให้เรารู้ว่าการออกโรงทานเราสามารถทำแบบไหน ออกโรงทานอะไรก็ได้ จะเอาของมาแจกมากน้อยแค่ไหนก็ได้
เพราะที่นี่เราเห็นมีพี่คนหนึ่งเขาเอาไข่ต้มมะเขือเปราะ แตงกวาและน้ำพริกเผามัดใส่ถุงรวมกันเพื่อแจกโรงทาน และก็มีคนไปรับของแจกเหมือนกัน เลยทำให้เรารู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องเอาของสำเร็จรูปเสร็จพร้อมทานมาแจกอย่างเดียว เพราะบางคนก็คงมีเหมือนเราตอนนั้นที่ต้องการของเก็บไว้ทานในมื้ออื่นๆอีกเหมือนกัน
ในครั้งนั้นทำให้เรารู้ว่าเราสามารถเอาของอะไรมาออกโรงทานก็ได้ทุกอย่าง จะมากน้อยแค่ไหนก็ได้ตามกำลังที่เรามีเลยจะมากจะน้อยมันก็ได้ทำเหมือนกัน
หลังจากนั้นก็มีงานกฐินที่วัดสวนหลวงอัมพวา ซึ่งเรากับแฟนก็เป็นลูกศิษย์วัดนี้เหมือนกัน เพราะเราไป บูชาพี่จุก ที่วัดนี้มามันทำให้เราสองคนตั้งใจว่าเราจะไปออกโรงทานที่วัดสวนหลวงเป็นที่แรก
และของอย่างแรกที่เรานำไปออกโรงทานคือนมเปรี้ยวและขนมแห้ง ขนมปัง เพราะมันเป็นของที่เราสองคนคิดว่าคนที่ไปรับของแจกไม่จำเป็นต้องทานให้หมดในวันนี้เขาสามารถเก็บไว้ไปทานที่บ้านหรือมื้อต่อๆไปได้
ด้วยความที่ไม่เคยออกโรงทานเลยไม่รู้ว่าเราต้องแจ้งกับทางวัดว่าเราจะเอาของมาแจกโรงทานเพราะทางวัดจะได้เตรียมโต๊ะไว้ให้ตั้งของแจก แต่ก็มีโต๊ะว่างที่ร้านข้างๆบอกว่าเอามาวางแจกด้วยกันได้เพราะเราเตรียมของไปไม่เยอะเท่าไหร่
ในครั้งแรกเราเตรียมของไปออกโรงทานประมาณ 200 ชุด ในตอนแรกเราก็ไม่มั่นใจว่าจะมีคนมารับของของเราไหม เพราะของเราเป็นนมเปรี้ยวพร้อมกับขนมแห้ง ส่วนคนอื่นที่มาแจกโรงทานก็จะเป็นของปรุงพร้อมทานไม่ว่าจะเป็นขนมจีน / ขนมหวาน /ไก่ทอด / ชากาแฟ / ส้มตำก็ยังมี
แต่วันนั้นก็มีคนมารับของที่เราออกโรงทานจนหมด บางคนมาขอ 2 ชุดบอกว่าจะเอาไปฝากหลานที่อยู่บ้าน เราก็ให้นะเพราะเราไม่เคยจำกัดว่าต่อคนรับของได้แค่ชุดเดียว สำหรับเราเตรียมไปแจกหมดแค่ไหนคือหมดแค่นั้น เพราะว่าถ้าของเราหมดก็ยังมีของที่คนอื่นเอามาออกโรงทานอีกหลายร้าน ถ้าของเราแจกหมดแล้ว เขาก็สามารถไปเอาของแจกของคนอื่นได้อีก
ด้วยเหตุการณ์ที่เราสองคนเคยเจอมากับตัวและสิ่งที่พี่เขามาเล่าให้ฟัง มันทำให้เราไม่จำเป็นต้องพูดว่า อย่ามารับของไปเยอะหรืออย่าวนรับของหลายรอบนะ แบ่งให้คนอื่นเขาได้กินบ้าง
ของแบบนี้มันก็มี 2 มุมให้คิดนะว่า ที่เขาต้องการเพิ่ม เพราะลำบากจริงๆ จำเป็นต้องเก็บเอาไว้กินมื้อต่อไป หรือ จำเป็นต้องเอาไปฝากคนที่บ้าน ส่วนตัวเราคิดว่าคนที่เค้าพร้อมอยู่แล้ว เค้าคงไม่ต้องการ กินเยอะหรือรับของเยอะเกินไปหรอก เพราะเค้าสามารถซื้อหาในสิ่งที่ต้องการได้
แต่เราก็ไม่ได้ว่าคนที่เขาเอาไปแจกแล้วพูดบอกแบบนั้นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรพูดนะคะ เราเข้าใจว่าเขาก็อย่าให้หลายๆคนได้ทานของที่เขาเอามาแจกด้วยเหมือนกัน มันคือความคิดส่วนตัวของแต่ละคนคะ ส่วนเรากับแฟนคิดแบบนี้เพราะสิ่งที่เราสองคนเคยเจอกับตัวมาคะ
การแบ่งปันได้ทั้งความสุข ได้ทั้งได้อิ่มท้อง ได้ทั้งความอิ่มใจ คนรับมีความสุขที่ได้กิน อิ่ม ได้มีทานมื้อต่อไป สำหรับบางคน ส่วนเราคนให้ได้รับความอิ่มใจและอิ่มบุญอิ่มคำอวยพรต่างๆ ที่คนรับทุกคนเขาต่างอวยพรให้เรามีแต่ความสุข ความเจริญ ที่เราเอาของมาแบ่งปัญในครั้งนี้
เพียงเท่านี้ก็ทำให้เรารู้สึกอิ่มอกอิ่มใจที่สุดแล้ว เราให้โดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน แต่คนรับกับพร้อมใจกันให้คำอวยพรกลับมา แค่นี้ก็ถือว่าเป็นคำอวยพรที่ทำให้เรามีความสุขที่สุดแล้ว
ถ้ามีโอกาสเรากับแฟนจะไปออกโรงทานกันเป็นประจำ เวลาไปห้างแล้วเจอขนมจัดโปรซื้อ 1 แถม 1 เป็นขนมที่้เราชอบทานเพราะอร่อยเราจะซื้อมาเก็บเตรียมกันไว้ เก็บสะสมเรื่อยๆ วันไหนสะดวกก็เอาไปแจกที่วัดโดยไม่ต้องรอทำพร้อมงานกฐินอย่างเดียวด้วย
และด้วยความที่เราไปแจกของเรื่อยๆ วันนั้นมีน้องผู้หญิงคนหนึ่งเดินถือส้มมา 1 ถุง เข้ามาถามว่า พี่คะหนูฝากส้มไว้แจกด้วยได้ไหมคะ แต่หนูมีส้มแค่ 1 โล มีไม่กี่ลูกเองนะคะ หนูเอามาร่วมแจกด้วยได้ไหม เราได้ยินแบบนั้นเลยบอกน้องผู้หญิงไปว่าแจกได้เลยคะจะมากหรือน้อยอยู่ที่้เราตั้งใจเลย แล้วเราก็ให้น้องเขามายืนแจกเองเพื่อที่น้องเขาจะได้รู้สึกดีเวลาที่คนรับเขาให้คำอวยพรกลับมา
การออกโรงทานจะของมากหรือน้อยเราก็สามารถเอามาร่วมแจกได้คะ อยู่ที่ความตั้งใจและความพร้อมของแต่ละบุคคล แค่เรามีใจที่คิดจะแบ่งปันให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแค่นี้ใจเราก็มีความสุข และได้บุญแล้วคะ
วัดที่เราจะไปทำโรงทานกันประจำก็จะมี วัดสวนหลวง อัมพวา / วัดเสนานนท์ คลองสามวา มีนบุรี / วัดวีระโชติธรรมาราม คลองหลวงแพ่ง ฉะเชิงเทรา คะ วัดนี้ไปบ่อยที่สุด เพราะทางวัดเขาจะมีจัดพื้นที่ไว้ให้สำหรับใครที่จะเอาของไปแจกเฉพาะเลยคะ
และด้วยความที่เราไปแจกที่วัดวีระโชติเรื่อยๆเวลาสะดวกก็ทำให้เราได้พบเจอและได้ยินคำพูดอีกหลากหลายอย่าง หลากหลายแบบเลยคะ มีทั้งคนมารับของแจกแล้วอวยพรให้เรามีความสุข ร่ำรวยเงินทองเยอะๆ บางคนเดินเข้ามาเอาเงินมาฝากทำบุญโรงทานด้วยซึ่งเราก็รับนะ รับแล้วเราก็เดินเอาไปให้ทางวัดคะ เพราะทางวัดเขาก็มีออกโรงทานของวัดด้วยอยู่แล้ว
และมีอยู่วันหนึ่งเราเอาของไปแจกแล้วมีคนเดินเข้ามารับขนมแจกของเราหลังจากเขามาทำบุญ หรือ มาไหว้พระเสร็จแล้ว ตอนแรกเขาหยิบห่อเดียวแล้วเขาถามเราว่าหยิบอีกได้ไหม เราได้ยินก็เลยตอบไปว่าหยิบได้อีกคะหยิบไปได้หลายๆห่อเลย เขาบอกขอบคุณนะขอให้เจริญนะ เรากับแฟนก็ตอบว่ากลับว่าขอบคุณคะ แล้วเขาก็เดินออกไปเราได้ยินที่เขากับเพื่อนๆ คุยกันว่าดีเลยจะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อข้าวข้างหน้ากินซื้อแค่น้ำดื่มอย่างเดียวพอ จะได้ยังมีเงินเหลือติดตัวกันไว้บ้าง
มันเป็นอีกหนึ่งครั้งที่ทำให้เราสองคนมีความสุขมากๆ ที่ได้ยินแบบนั้นและวันที่ 5 พฤศจิกายน 2566 เราสองคนและเพื่อนๆก็จะไปออกโรงทานกันที่ วัดเสนานนท์ คลองสามวา กันคะที่วัดมีกฐินเราสองคนเตรียมขนมบัวลอย ขนมแห้ง และน้ำเปล่าไปแจกคะ ส่วนเพื่อนก็เตรียมขนมหวานและน้ำดื่มพวกชาไปแจกรวมกันคะ
ใครอยู่แถวนี้หรือไม่ไกลแวะไปร่วมทำบุญและรับของกินที่หลายๆท่านไปออกโรงทานกันได้นะคะ ส่วนใครที่อ่าบบทความนี้แล้วได้ไปที่วัดเจอร้านแจกบัวลอย ขนมแห้งน้ำดื่มแวะทักทายหรือถามกันได้นะคะว่าใช่คนเขียน นามว่า " โชคอนันต์ " หรือเปล่าคะ😊
หลักๆของที่เราเอาไปออกโรงทานก็จะเป็นของที่เรากับแฟนชอบกินกันคะ ทำบุญเผื่อไว้เผื่อไปอยู่อีกโลกหนึ่งจะได้มีแต่ของอร่อยๆ ที่เราชอบไว้กินเยอะๆ ทั้งขนม น้ำ ชา กาแฟ ผลไม้ ทำไว้ครบ จะได้ไม่ต้องรอให้ใครเขาทำไปให้ด้วย 555
** งานบุญกฐิน ผ้าป่า สามัคคี เป็นประเพณีดีๆ ที่สอนให้เรารู้จักการ เผื่อแผ่ และ แบ่งปัน ให้แก่กันและกันคะ **
LOMA 🐬🐬