✨เที่ยวพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณสามเศียร ที่ใหญ่ที่สุดในโลก!!!พร้อมเลขเด็ด…👍
✨เที่ยวพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณสามเศียร ที่ใหญ่ที่สุดในโลก!!!พร้อมเลขเด็ด…👍
เรามีโอกาสเข้าไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ จ. สมุทรปราการ การเดินทางก็ชุ่มฉ่ำมาก เพราะฝนตกค่ะ อากาศจากร้อนๆกลายเป็นเย็นสบาย แต่เราขอนั่ง BTS ไปลงสถานี ช้างเอราวัณ ลงทางออกที่ 2 แล้วเดิน ไปขึ้นสะพานทางเชื่อมที่จะไปพิพิธภัณฑ์ ประมาณ 10-15 นาที พอข้ามสะพานก็เดินต่อ 7-8 นาทีก็ถึงค่ะ เดินสนุกเลย เพราะอากาศไม่ร้อน ฝนหยุดตกพอดีค่ะ
ก่อนใกล้ถึงพิพิธภัณฑ์ก็จะมีคนขายพวงมาลัยรออยู่ บางท่านขาย 100 บาท บางท่านขายพวงละ 10 บาท แต่ในเมื่อเราเสียเงินเข้าชมแล้วก็สามารถไปรับดอกไม้ธูปเทียนที่จุดบริการได้เลยค่ะ แต่ละสถานที่ไหว้ จะมีธูปเตรียมไว้บริการเรียบร้อยแล้วค่ะ
ประวัติการสร้างพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ 3 เศียร เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2537 โดยคุณพากเพียร วิริยะพันธุ์ อดีตวุฒิสมาชิก ท่านเป็นผู้สานต่อแนวคิดการสร้างพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ จากคุณพ่อ ท่านชื่อคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ เป็นผสมผสานแนวคิดและศิลปะหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การสร้างปฏิมากรรมลอยตัวด้วยการเคาะโลหะทองแดงด้วยมือเป็นแห่งแรกและมีขนาด “ใหญ่ที่สุดในโลก”ศิลปะปูนปั้นโดยช่างเมืองเพชรบุรี กระจกสเตนกลาสและจิตรกรรมฝาผนังสีฝุ่น ฝีมือศิลปินชาวเยอรมัน และศิลปะการดุนโลหะ เป็นต้น แต่แล้วคุณพากเพียรได้ถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ โดยที่พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ คุณรอบรู้ วิริยะพันธุ์ ซึ้งเป็นน้องชายของคุณพากเพียร เป็นบุตรคนที่ ๔ ในจำนวนทายาท 5 คน ของคุณเล็ก ได้มีสานต่อปณิธานของคุณพ่อและคุณพากเพียรจนพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ สามารถเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมจนถึงทุกวันนี้
โครงสร้างภายนอกขององค์ช้างเอราวัณ คือใช้ทองแดงบริสุทธิ์เป็นพื้นผิวของช้างเอราวัน เพราะเป็นวัสดุที่มีความคงทน ระบายความร้อนได้ดี เคาะขึ้นรูปได้ง่าย ส่วนลำตัวและเศียรช้างเป็นเหล็กเส้นรูปตัว H และ 1 เชื่อมต่อกัน ส่วนขาทั้งสี่เป็น คอนกรีตเสริมเหล็กเพื่อรับน้ำหนักตัวช้าง
ในโบราณเชื่อว่า ช้างเอราวันเป็นยานพาหนะที่นำเสด็จพระอินทร์ไปยังสถานที่ต่าง ๆ ทั้งบนสวรรค์และโลกมนุษย์ เพื่อดูแลทุกข์สุขของชาวโลก เนื่องจากพระอินทร์ทรงเป็นหัวหน้าเทวดาที่คอยดูแลดินฟ้าอากาศ มีวัชระสายฟ้าเป็นอาวุธ ท่านทรงบันดาลความอุดมสมบูรณ์สู่โลกมนุษย์ ช้างเอราวัณจึงมีหน้าที่คอยดูดน้ำจากโลกขึ้นไปสวรรค์ ให้พระอินทร์บันดาลเกิดน้ำฝนตกลงสู่โลกมนุษย์
ช้างเอราวัณ จึงถือว่าเป็นเจ้าแห่งช้างทั้งปวงในสากลจักรวาล สัญลักษณ์ของการกระทำความดี และเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์
ในส่วนของสถานที่ทั่งภายในและภายนอกอาคารมีการตกแต่งอย่างสวยงามไม่แพ้กันค่ะ ด้านนอกก็เน้นธรรมชาติ เหมือนอยู่ในป่าหิมพานต์ รายล้อมไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้หลายชนิด และสายน้ำ ส่วนข้างในก็ร่มเย็นมาก เป็นการจัดแบ่งพื้นที่หลักออกเป็นสามส่วน แบ่งเป็น 3 ภพภูมิคือ เมืองบาดาล โลกมนุษย์ และสวรรค์ และด้านบนสุดยังมีพระพุทธรูปเก่าแกประดิษฐานให้เราได้กราบไหว้บูชา พร้อมนำน้ำมนต์ไปดื่มเพื่อความสบายใจได้นะคะ ทำบุญตามศัทธา
ในพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณแห่งนี้ เปิดให้สักการะกราบไหว้เพื่อความเป็นมงคล และให้ขอพรกันถึง 9 จุด โดยอยู่บริเวณรอบ ๆ ของตัวอาคารช้างเอราวัณ
จุดที่ 1 : พระเกศจุฬามณีเจดีย์ สร้างขึ้นเพื่อแทนพระเกศจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ที่บรรจุพระจุฬา(จุก) กับพระเมาลี (มวยผม) เครื่องรัดมวยผมและพระเขี้ยวแก้วเบื้องขวาของพระพุทธเจ้าโคดม ชั้นล่างขององค์เจดีย์ประดิษฐานด้วยพระพุทธรูปแสดงปางต่างๆ ประจำวันเกิดในแต่ละวัน และจะมีการจารึกรายชื่อลงบนผ้าห่มพระเกศจุฬามณีเจดีย์อีกด้วย
จุดที่ 2 : ศาลาพระพรหม ประดิษฐานพระพรหมปางประทับนั่ง พระพรหมเป็นเทพชั้นผู้ใหญ่ร่วมกับพระศิวะ และพระวิษณุ ในความเชื่อพราหมณ์ – ฮินดู เป็นเทพผู้มี สี่พักตร์ สี่กร ในพระหัตถ์ถือ คัมภีร์ สร้อยประคำ หม้อน้ำ และช้อนตักเนย พระพรหมเป็นสัญลักษณ์ของผู้สร้าง ผู้คนนิยมกราบไหว้ขอพรด้านความสำเร็จและความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน
จุดที่ 3 : ช้างตระกูลวิษณุพงศ์ เป็นช้างของเทวดาที่ จากการบันดาลของพระวิษณุให้กำเนิดขึ้นมา ตามตำราคชลักษณ์ ช้างตระกูลนี้ มีทั้งหมด 8 องค์ มีคุณวิเศษในการบันดาลทรัพย์สมบัติและความมั่งคั่งร่ำรวย ระหว่างเดินลอดท้องช้าง ก็จะมีเสียงช้างร้องออกมาด้วย
จุดที่ 4 : พระตรีมูรติ เป็นการสร้างเทพผู้เป็นใหญ่ทั้งสามคือพราหมณ์ – ฮินดู คือ พระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหม รวมร่างผสานลักษณะทางสรีระและเทวูปโภคของเทพแต่ละองค์รวมกันในรูปหนึ่งเดียว พระตรีมูรติทรงแสดงในท่าประทับนั่ง มีห้าเศียร หกพระกร พระกรหน้าคู่แรกแสดงมุทราประทานพร อีกสองคู่ถัดไปถือเทวูปโภคประจำพระองค์ของเทพทั้งสาม คือ หม้อน้ำ บัณเฑาะว์ ตรีและจักร พระตรีมูรติองค์นี้ถือเป็นปางประทานมหาสมบัติ จะอำนวยพรให้ในทุก ๆ ด้าน ทั้งการงาน การเงิน สุขภาพความรัก โชคลาภ และความสำเร็จสมหวังทุกประการ
จุดที่ 5 : ช้างตระกูลอิศวรพงศ์ เป็นหนึ่งในตระกูลของช้างเทวดาที่เทพบันดาลขึ้นมา คือพระอิศวรหรือพระศิวะ ช้างตระกูลนี้มีทั้งหมด 8 องค์ มีคุณวิเศษคือความแข็งแรงด้านสุขภาพ มีอำนาจวาสนาและความเจริญในตำแหน่งหน้าที่การงาน
จุดที่ 6 : พระพิฆเนศวร เป็นเทพตามคติแบบพราหมณ์ – ฮินดู ลักษณะพิเศษคือ เศียรเป็นช้าง พระพิฆเณศองค์นี้ทรงประทับนั่งบนบัลลังก์ท่า “ลลิตาสนะ” มี 4 พระกร เป็นเทพที่ช่วยขจัดอุปสรรคให้ผู้ทำความดีและสร้างอุปสรรคให้ผู้ทำชั่ว ถือเป็นเทพแห่งศิลปศาสตร์ทั้งปวง และประทานพรด้านความสำเร็จทุกด้าน
จุดที่ 7 : พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรหรือเจ้าแม่กวนอิม เป็นพระโพธิสัตว์ในคติของศาสนาพุทธมหายาน เป็นสัญลักษณ์แห่งความเมตตาและความกรุณา มีรูปลักษณะยืนท่าประทานพร พระหัตถ์ซ้ายถือเต้าน้ำมนต์และแสดงอาการหลั่งน้ำมนต์ ปางนี้ทรงประทานพรด้านสุขภาพให้แข็งแรงปราศจากโรคภัย
จุดที่ 8 : พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ซึ้งท่านประทับอยู่ด้านหน้าชั้น 1 นอกอาคารของช้างเอราวัณ ประติมากรรมนี้แสดงท่าพระอินทร์เทวดาผู้ปกครองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์กำลังทรงเทวพาหนะคู่พระทัยคือ ช้างเอราวัณ เพื่อตรวจความสงบเรียบร้อยบนสวรรค์และในโลกมนุษย์ ท่านจะประทานพรช่วยเหลือผู้กระทำความดีแก้ไขเหตุการณ์ร้ายให้เป็นปกติสุข
จุดที่ 9 : ช้างตระกูลพรหมพงศ์ เป็นหนึ่งในตระกูลของช้างเทวดาที่สร้างขึ้นจากการบันดาลของพระพรหม จากตำราคชลักษณ์ ช้างตระกูลนี้มีทั้งหมด 10 องค์ มีคุณวิเศษในการบันดาลความรู้ สติปัญญาและความเฉลียวฉลาด
▪️ สถานที่ตั้ง : 99/9 หมู่ 1 ถ.สุขุมวิท ต.บางเมืองใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 10270
▪️ เวลาเข้าชมทุกวัน : 09.00-18.00 น.
▪️ราคาบัตร
คนไทย : ผู้ใหญ่ 250 บาท , เด็ก 125 บาท
ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 400 บาท , เด็ก 200 บาท
เป็นยังไงกันบ้างค่ะกับการไปเที่ยวเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณสามเศียรที่ จ. สมุทรปราการ อยู่ติดกรุงเทพ ฯ เดินทางสะดวก จะไปโดยรถส่วนตัว หรือไปโดย BTS ก็ได้ เป็นการพักผ่อนพร้อมทำบุญเสริมสิริมงคลชีวิตไปพร้อมกันเลย ภายในยังมีร้านอาหาร เครื่องดื่ม กาแฟ และของที่ระลึกอีกด้วยค่ะ