หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

สัตว์ที่ทำทั้งโลกต้องผวา !!! แต่ทำอะไรคนไทยไม่ได้ ???

เนื้อหาโดย teetete

        สัตว์ที่มีผลกระทบต่อระบบนิเวศเมื่อพวกมันไปแพร่พันธุ์หรือเจริญเติบโตที่ไหนก็จะส่งผลกระทบให้สถานที่แห่งนั้นเกิดความเสียหายซึ่งวันนี้ช่องมาดูก็จะนำเรื่องราวของสัตว์แต่ละชนิดที่ทำเอาคนต่างประเทศนั้นปวดหัวหนักมากและคิดหาวิธีว่าจะเอายังไงกับพวกมันดี

 

 ตั๊กแตนปาทังก้า

        ตั๊กแตนปาทังก้าพวกมันขึ้นชื่อว่าเป็นศัตรูพืชตัวฉกาศที่สร้างความเสียหายมาแล้วทั่วทุกมุมโลกหากฝูงบินแมลงเหล่านี้บินไปลงที่ไหนรับรองได้ว่าวอดวายในชั่วข้ามคืนแน่นอนพวกมันคือนรกโดยแท้ของเหล่าบรรดาเกษตรกรชาวสวนแมลงเหล่านี้มีถิ่นกำเนิดในอินเดียปากีสถานและบังกลาเทศก่อนที่พวกมันจะแพร่กระจายไปยังประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยตั๊กแตนสายพันธุ์นี้จัดอยู่ในกลุ่มตั๊กแตนหนวดสั้นพวกมันมีลำตัวยาวประมาณ 6-8 เซนติเมตร

โดยวงจรชีวิตของพวกมันนั้นมี 4 ระยะได้แก่

        1.ไข่

        2.ตัวอ่อน

        3.ตัวหนอน และ

        4.ตัวเต็มวัย      

        ตัวเมียจะสามารถวางไข่ได้ครั้งละ 1-3 ฝักซึ่งรวมๆแล้วก็จะมีไข่ที่ฝังอยู่ในดินราวๆ 200-450 ฟองโดยพวกมันจะเลือกวางไข่ลงในดินที่มีความร่วนซุยหรือประมาณ 2-7 เซนติเมตรโดย ตัวอ่อนของตั๊กแตนปาทังก้านั้นจะมีสีเขียวหรือสีเหลืองและเมืองพวกมันโตเต็มวัยก็จะมีสีน้ำตาลอ่อนหรือสีน้ำตาลเข้มโดยการระบาดของตั๊กแตนปาทังก้า นั้นก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงทางเศรษฐกิจและสังคมยกตัวอย่างเช่นเมื่อปี 2560 ฝูงตั๊กแตนปาทังก้าได้อพยพมาจากทวีปแอฟริกาและได้เริ่มระบาดในตะวันออกกลางและเอเชียกลางโดยฝูงตั๊กแตนบายแต่ข่าวโจมตีพื้นที่การเกษตรในอินเดียและปากีสถานตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนปี 2560 พวกมันได้ทำลายพืชผลไปมากกว่า 10 ล้านไร่และส่งผลทำให้ผู้คนนับล้านต้องตกอยู่ในสภาวะที่อดอยากซึ่งการโจมตีในครั้งนั้นนับเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ และสาเหตุของการระบาดในครั้งนั้นมีการคาดการณ์ว่าเป็นผลมาจากสภาพอากาศที่แห้งและร้อนอบอ้าวซึ่งส่งผลให้ตั๊กแตนสายพันธุ์นี้สามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง

  

        โดยเหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ใช่แค่ต่างประเทศเท่านั้นครับที่โดนมาเล่นงานไทยเราเองก็เคยตกอยู่ในสภาวะเฝ้าระหว่างเรื่องนี้ด้วยเช่นกันซึ่งเหตุการณ์ได้ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปีพ.ศ 2530 มีตั๊กแตนปะทังก้า ฝูงใหญ่อพยพจากปากีสถานและอินเดียจนเข้ามาถึงประเทศไทยทำให้หลายจังหวัดถูกประกาศให้เป็นเขตระบาดของตั๊กแตนซึ่งรัฐบาลในสมัยของพลเอกเปรมติณสูลานนท์ก็  ได้มีการเตรียมตัวรับมือการระบาดในครั้งนี้อย่างเต็มที่โดยในครั้งนั้นได้มีการเตรียมใช้เครื่องบินเพื่อพ่นยาฆ่าแมลงซึ่งแผนการนี้ยังไม่ทันได้เริ่มก็ต้องถูกพับไปเนื่องจากได้มีเสียงเรียกร้องจากชาวบ้านและเกษตรกรให้ทางการระงับการใช้ยาฆ่าแมลงไปก่อนเหตุก็เพราะชาวบ้านนั้นมีไอเดียที่ว่าการกำจัดตั๊กแตนที่ดีที่สุดไม่ใช่ยาฆ่าแมลงแต่หากเป็นน้ำมันร้อนๆและซอสแม็กกี้บวกกับพริกไทยป่นทำเอาตั๊กแตนเหล่านั้นบินกับอินเดียแทบไม่ทัน

 

        เมื่อพวกมันได้รับความนิยมมากขึ้นทำให้พวกมันมีราคาสูงขึ้นตามไปด้วยจนทำให้ชาวบ้านสามารถสร้างรายได้จากการจับตั๊กแตนขายได้เงินมากกว่าการปลูกพืชซะอีกครับโดยหลังจากการระบาดได้ไม่นานชาวบ้านจึงเริ่มรู้ว่าตั๊กแตนเหล่านี้พวกมันจะวางไข่ไว้ใต้ดินซึ่งขายของพวกมันเนี่ยก็มีราคาแพงอีกซะด้วยจึงทำให้ชาวบ้านเริ่มขุดหาไข่พวกมันมาขายเลยครับคราวนี้เรียกได้ว่าตั๊กแตนสายพันธุ์นี้ยังไม่ทันได้เกิดเลยโดนคนไทยเนี่ยคุมกำเนิดซะละซึ่งข้อมูลที่แน่ชัดเรื่องการระบาดของตั๊กแตนพวกนี้ในไทยเรายังไม่ชัดเจน  ว่าพวกมันระบาดอยู่ในไทยได้นานแค่ไหนแต่ที่รู้ชัดแน่ๆคือพวกมันเนี่ยมาจบชีวิตที่ประเทศไทยเราแถมยังไม่สามารถขยายพันธุ์ต่อเหมือนกับที่ทำในประเทศอื่นได้อีกด้วยเพราะแม้แต่ไข่ก็ยังโดนคนไทยขุดขึ้นมาขายกันจน ณ ตอนนี้ตั๊กแตนประทังก้าเกือบทั้งหมดในไทยเป็นตั๊กแตนที่ถูกเพาะเลี้ยงขึ้นมา

 


หอยเชอรี่

        หอยเชอรี่เป็นหอยทากน้ำจืดชนิดหนึ่งมีแหล่งกำเนิดอยู่ทางแถบอเมริกาใต้โดยมีลักษณะคล้ายกันกับหอยโข่งซึ่งโดยทั่วไปแล้วพวกมันมีความยาวประมาณ 2-4 ซม. โดยตัวเมียนั้นจะวางไข่ในพื้นที่แห้งเหนือระดับน้ำซึ่งพวกมันนั้นสามารถวางไข่ได้ตลอดทั้งปีครับคุณผู้ชมและยิ่งถ้าเป็นฤดูฝนพวกมันจะสามารถวางไข่ได้สูงสุดถึง 14 ครั้งต่อเดือนครับโดยขายของพวกมันนั้นจะมีสีชมพูเกาะติดกันเป็นกลุ่มกลุ่มละประมาณ 300-3,000 ฟองมากน้อยตามขนาดของหอยตัวเมียด้วยจำนวนในการวางไข่ที่มากและความถี่ในการวางไข่ของหอยเชอรี่นี้เล่นเอาเกษตรกรน้ำตาตกกันเป็นแถวเนื่องจากพวกมันสามารถทำลายนาข้าวได้เพียงเวลาชั่วข้ามคืนเท่านั้นโดยในต่างประเทศได้มีการระบาดอย่างหนักของหอยสายพันธุ์นี้ 

        ยกตัวอย่างเช่นอย่างในประเทศญี่ปุ่นที่ประสบปัญหานี้เมื่อปีพ.ศ 2562 โดยปริมาณของหอยเชอรี่ได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนมากถึง 5 เท่า  ส่งผลให้ชาวนาต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในโซนภาคกลางและภาคตะวันออก การระบาทในครั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าเกิดจากการนำเข้าหอยเชอรี่จากต่างประเทศโดยไม่รู้ตัว

        ส่วนทางด้านประเทศไทยเรานั้นมีการบันทึกว่าหอยเชอรี่เริ่มระบาดในไทยครั้งแรกเมื่อปี  พ.ศ 2525 โดยมีการบันทึกพบหอยเชอรี่ในนาข้าวบริเวณคลองบางพลีจังหวัดสมุทรปราการและต่อมาในปี    พ.ศ 2531 หอยเชอรี่ได้ระบาดอย่างรุนแรงในหลายพื้นที่ทั่วประเทศโดยเฉพาะในโซนภาคกลางและภาคตะวันออกซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวที่สำคัญของประเทศไทยโดยมีการคาดการณ์ว่าพวกมันถูกนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์และเนื่องด้วยพวกมันนั้นสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วจึงทำให้เป็นปัญหาของเกษตรกรอยู่ไม่น้อยเลยจนในที่สุดปัญหานี้ก็ถูกแก้ไขเนื่องจากประเทศไทยเรานั้นขึ้นชื่อว่าเป็นครัวโลกขนาดตั๊กแตนปาทังก้ายังต้องเลี้ยวกลับนับประสาอะไรกับหอยเชอรี่โดยในเนื้อหอยเชอรี่นั้นเป็นแหล่งโปรตีนและไขมันที่ดีมากๆซึ่งสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิดยกตัวอย่างเช่นส้มตำและในที่สุดจากศัตรูของเกษตรกรก็ได้กลับกลายไปเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างเป็นกอบเป็นกำ

 

 

ปูสีฟ้าหรือว่า Blue Cab

ปูสีฟ้าหรือว่า Blue Cab พวกมันเป็นปูทะเลชนิดหนึ่งเป็นยาเดียวกันกับปูม้าในบ้านเรา ปูสีฟ้านั้นมีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบตะวันออกของประเทศสหรัฐอเมริกา  ปูสีฟ้านั้นขึ้นชื่อว่าเป็นจอมเขมือบที่กินทุกอย่างที่ขวางหน้า  ยกตัวอย่างเช่นปลาพื้นเมืองในแถบนั้นซากสัตว์หรือแม้กระทั่งพวกเดียวกันเองมันยังกินเลย  พวกมันจะวางไข่ได้ครั้งละประมาณ 800,000 ถึง 1 ล้านฟองซึ่งในปีปีนึงพวกมันสามารถวางไข่ได้ 2-3 ครั้งเลยทีเดียวซึ่งเจ้าปูสายพันธุ์นี้พวกมันก็มีอายุเฉลี่ยประมาณ 2-4 ปีและถึงแม้มันจะเป็นสัตว์ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศสหรัฐอเมริกา

         

        แต่ในปี 2012 เจ้าปูสายพันธุ์นี้ก็ถูกค้นพบครั้งแรกที่ทางตอนเหนือของประเทศสเปนโดยมีการคาดการณ์ว่าปูเหล่านี้อาจจะติดมากับเรือประมงและเมื่อมันมาอาศัยอยู่ในทะเลของประเทศนั้นๆกลับกลายเป็นว่าพวกมันสามารถขยายพันธุ์และเจริญเติบโตได้ดีเกินไปจนกลายเป็นปัญหาครับโดยชาวสเปนก็พยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยการจับพวกมันมากินซึ่งรสชาตินั้นก็นับว่าถูกปากคนสเปนอยู่ไม่น้อยเลยโดยในปี 2023 ในแต่ละสัปดาห์นั้นชาวประมงสามารถจับพวกมันได้มากกว่า 12 ตันเลยทีเดียวซึ่งมันเป็นจำนวนที่เยอะมากๆ  โดย 12 ตันที่ว่านี้เทียบเท่ากับการจับปูตลอดทั้งปี 2017 เลยครับซึ่งนอกจากสเปนที่โดนปูสายพันธุ์นี้เล่นงานแล้วเหล่ากองทัพปูสีฟ้าก็ยังบุกประเทศตูนีเซียสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวประมงเป็นอย่างมากเนื่องด้วยกล้ามเนื้ออันทรงพลังที่สร้างความเสียหายให้กับแผลอวนของชาวประมงจนในที่สุดทางการตูนีเซียก็ได้พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสพวกเขาจับปูสีฟ้าส่งมาขายยังบ้านเราสร้างรายได้นับพันล้านบาทเลยทีเดียว

        ซึ่งถ้าหากพวกมันระบาดในบ้านเราต้องมาดูคิดว่าคงส่งขายไม่ได้เพราะแค่กินในประเทศเราก็ยังจะไม่พอ ประเทศที่ขายปูสีฟ้าถูกที่สุดคือประเทศ ladenia โดยปูสีฟ้าที่ขายจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 13 บาทเท่านั้นสาเหตุที่ถูกก็เนื่องจากคนที่นั่นไม่นิยมกินกันและพวกมันก็หาได้ง่ายนั่นเอง

 

 

หอยนางรม 

        หอยนางรม  ขึ้นชื่อว่าหอยนางรมแล้วและหลายคนคงจะน้ำลายไหลกันละซึ่งพวกมันจัดเป็นสัตว์จำพวกหอย 2 ฝา  และเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูงอุดมไปด้วยโปรตีนวิตามินและเกลือแร่ซึ่งในประเทศไทยเรานั้นหอยนางรมได้รับความนิยมเป็นอย่างมากไม่ว่าจะกินแบบดิบๆออนเดอะร็อคไปเลยหรือจะนำมาปรุงสุกเป็นหอยนางรมผัดฉ่าหรือหอยนางรมอบชีสก็ย่อมได้ถึงแม้มันจะได้รับความนิยมในประเทศไทยเป็นอย่างมาก

        

        แต่จะเอาสิ่งนี้ครับเป็นปัญหาระดับชาติของประเทศนอร์เวย์ที่พวกเขานั้นกำลังประสบปัญหาหอยนางรม Pacific ระบาดเป็นจำนวนมากโดยทางการของนอร์เวย์ต้องการลดจำนวนของพวกมันลงซึ่งทุกคนอาจเข้าใจผิดว่าพวกเขาเนี่ยไม่กินหอยนางรมกันนะครับแต่การบริโภคของประชากรภายในประเทศพวกเขาทำได้เพียง 50-100 ตันต่อปีเท่านั้นซึ่งถ้าหากคนภายในประเทศจะกินเพื่อควบคุมปริมาณของมันจริงๆต้องกินให้มากถึง 25,000 ตันต่อปีซึ่งนั่นแหละครับการบริโภคกับการเจริญเติบโตของหอยเหล่านี้มันไม่สัมพันธ์กันเลยทำให้ทางการที่นั่นต้องเอาพวกมันไปกำจัดทิ้งอยู่เรื่อยๆเลยครับแต่จะเอามันไปทิ้งอย่างนั้นก็เสียดายแย่เลยใช่ไหมล่ะครับ 

 

        ตามข้อมูลของกรมประมงนั้นประเทศไทยของเราบริโภคหอยนางรมได้ปีละประมาณ 22,000 ตันโดยคิดเป็นปริมาณเฉลี่ยของคนไทยที่บริโภคหอยนางรมคือ 700 กรัมต่อคนต่อปีครับซึ่งถ้าหากนำหอยจากประเทศดังกล่าวมาเพิ่มอีก 25,000 ตันลองมาดูคิดว่าคงไม่เกินฝีมือคนไทยเราอย่างแน่นอนครับ

เนื้อหาโดย: teetete
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
teetete's profile


โพสท์โดย: teetete
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
15 VOTES (5/5 จาก 3 คน)
VOTED: เป็ดปักกิ่ง, sairung11, teetete
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ทำไม BTS สถานีชิดลม บนชานชาลา ถึงมีกำแพงรั้วมาปิดกั้น?สวนป่าไผ่ชื่อดังของไต้หวัน ถูกลิงแสมบุกทำลายรู้หรือไม่...กาแฟขี้ช้างไทย ณ ตอนนี้คือกาแฟที่แพงที่สุดในโลก
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ไม้เรียวอยู่ไหนสวนป่าไผ่ชื่อดังของไต้หวัน ถูกลิงแสมบุกทำลายชาวบ้านสุดทน!ร้องน้ำเน่าในสวนหลวงร.9 กระทบสุขภาวะของชุมชน และท่องเที่ยวคอนเสิร์ต AREA 52 "แบมแบม" สุดยิ่งใหญ่ ราชมังแตกเลยจ้า
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
5 อันดับนาฬิกาแขวนผนัง ยี่ห้อไหนดี เลือกใช้ให้เข้ากับสไตล์การแต่งบ้าน10 วิธีลดน้ำหนักแบบค่อยเป็นค่อยไป มีโอกาสสำเร็จมากกว่ารู้หรือไม่! โรคลมแดด หรือ Heat Stroke อันตรายถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้เป็นเมนส์เล่นน้ำได้ไหม ประจำเดือนมาแต่อยากเล่นทะเล ทำไงดี
ตั้งกระทู้ใหม่