กลรักสาวมีนกร ตอนที่ 3 ผู้ช่วยนักวิจัย ( ต่อ )
“ พอดีเลยกำลังหิวน้ำอยู่พอดี แกช่วยป้อนฉันหน่อยสิ ฉันขี้เกียจเดินขึ้นไป ” ชลธียิ้มเปิดขวดน้ำยื่นมือไปป้อนมัจฉา มัจฉาแกล้งดึงมือชลธีทำให้เขาตกลงมาในน้ำ มัจฉาได้โอกาสใช้แขนคล้องคอชลธีเอาไว้โน้มตัวลงไปหอมแก้มชลธี ก้องภพมองหน้าด้วยความไม่พอใจ
“ ฉันขอโทษ ดูสิแกเปียกหมดเลย ”
“ ไม่เป็นไรมันเป็นเหตุสุดวิสัย ฉันรู้ว่าแกไม่ได้ตั้งใจ ”
“ ก้องรอชลอยู่ตรงนี้ก่อนนะ ชลขอตัวไปช่วยมัจฉาทำกระชังก่อน ”
“ ตามสบายเลย ” ก้องภพยิ้มเป็นการตอบรับแต่ในใจอยากจะกระชากผมแล้วกดหัวมัจฉาลงในน้ำให้หายแค้น ชลธีช่วยมัจฉาทำกระชังจนเสร็จทั้งสองพากันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากมัจฉาแต่งตัวเสร็จแวะเข้าไปหามัจฉาในห้องน้ำชาย ในขณะนั้นชลธีนุ่งผ้าขนหนูเพียงผืนเดียวเผยให้เห็นแผงอกขาวเนียนอย่างชัดเจน มัจฉาเห็นแล้วใจละลายอยากเข้าไปซบตรงแผงอกนั้น
“ แกเข้ามาทำไมฉันกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ใครมาเห็นเข้ามันจะดูไม่ดี ”
“ ฉันแวะมาดูน้องชายของแกต่างหาก ไหนดูสิโตเท่าไหนแล้ว ” มัจฉามองไปที่เป้าขาชลธีอายรีบหันหลังให้มัจฉาทันทีแต่เขาไม่ทันระวังเผลอทำผ้าขนหนูหลุดทำให้เห็นมัจฉาเนื้อใจอย่างชัดเจน
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไอ้ชลอกไม่ต้องเขิน วันนี้ฉันเห็นเนื้อในของแกหมดแล้ว ”
“ มัวแต่หัวเราะอยู่นั้นแหละหยิบผ้าขนหนูมาให้ฉันด้วยสิ ฉันไม่กล้าขยับตัวกลัวแกจะเห็นตรงนั้นของฉัน ฉันอาย ” มัจฉาเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูคลุมท่อนล่างของชลธี ชลธีหันกลับมาด้วยความเขินอายทั้งสองหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน พรศรีเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างนำเรื่องนี้ไปเล่าให้สุปราณีย์ฟัง
“ ลูกสาวฉันไปช่วยเพื่อนผู้ชายแต่งตัวกันสองคนในห้องน้ำ เธอรู้จักไหมเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใคร ”
“ ชลธี ฉันรู้จักเป็นเพื่อนสนิทของมัจฉา เพ็ญจันทร์ก็รู้จักเป็นอย่างดีทั้งสองคนสนิทกันมาก ”
“ เดี๋ยวเจอตัวฉันจะต้องอบรมเสียยกใหญ่แล้วเป็นผู้หญิงจะทำตัวสนิทใกล้ชิดกับผู้ชายแบบนี้ได้ยังไงกัน ”
“ เธออย่าไปดุหลานนาน ๆ สักทีฉันจะได้เห็นมัจฉาหัวเราะเหมือนกับคนอื่น ๆ ทุกวันนี้เหมือนกับคนแบกโลกอยู่คนเดียว ”
“ ตามใจหลานอีกแล้วนะเธอ ฉันขับรถผ่านไปทางร้านสามเกลอฉันเห็นร้านปิดตลอด มัจฉามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ฉันโทรหาติดต่อไม่ได้เลย ฉันเป็นห่วงเลยแวะมาหา ”
“ โทรศัพท์ของมัจฉาหล่นลงในบ่อเลี้ยงปลานิลในชั่วโมงเรียนของฉัน ” สุปราณีย์หยิบโทรศัพท์ของมัจฉายื่นให้พรศรี
“ มัจยังใช่โทรศัพท์แบบนี้อยู่อีกหรอ ทำไมเพ็ญจันทร์ถึงลำเอียงแบบนี้ ทำไมรักและสนใจแต่พุทธชาดคนเดียว ทำเหมือนมัจฉาไม่ใช่ ”
“ ไม่ใช่หลานใช่ไหมคะ มัจคงเป็นเด็กที่คุณนายเก็บมาจากขยะ ”
“ มาก็ดีแล้ว เรามีเรื่องจะต้องคุยกันยาวเลย ” พรศรีทำเสียงดุ มัจฉาหันไปมองหน้าสุปราณีย์ด้วยความไม่เข้าใจ
“ ไปทำอะไรผิดไว้ละคุยกันเอาเองแล้วกัน ป้าขอตัวไปสอนก่อนใกล้ถึงเวลาแล้ว ” สุปราณีย์เดินออกไป มัจฉาไม่เข้าใจคำพูดของพรศรี
“เป็นผู้หญิงทำไมไปอยู่กับผู้ชายสองต่อสองในที่ลับตาคนแบบนั้นได้ยังไง เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใคร ”
“ เมื่อกี้ป้าศรีเห็นมัจกับไอ้ชล ”
“ เห็นเต็มสองตาเลย น่าตีจริงเลย ทำไมถึงทำแบบนั้น ”
“ มัจกับชลเป็นแค่เพื่อนกันไม่ได้คิดอะไรเกินเลยคำว่าเพื่อน ”
“ สัญชาติสันดานดิบของมนุษย์เมื่อถึงเวลามันไม่หักห้ามความต้องการของร่างกายไม่ได้หรอกนะลูก ”
“ ไม่เห็นเป็นอะไรเลยมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ”
“ ในตอนนี้เป็นช่วงเวลาของการเรียน วัยเรียนก็ต้องตั้งใจเรียน อย่าริรักในวัยเรียนเกิดท้องขึ้นมาจะทำยังไง ”
“ มีสองทางให้เลือกเก็บเอาไว้หรือไม่ก็ทำแท้งไป ”
“ ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับมัจ มัจจะทำยังไง ”
“ จบชีวิตด้วยตนเอง มัจเลือกที่จะตายไปพร้อมกับลูก คุณนายคงไม่ให้อภัย ทุกวันนี้มัจยังทำให้คุณนายรักไม่ได้เลย ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่อใครเหมือนกัน ”
“ อยู่เพื่อป้า ป้าพร้อมที่จะดูแลมัจไปตลอดชีวิตของป้า ป้ารักมัจเหมือนกับลูกของป้าคนหนึ่งเพียงแต่มัจเปิดใจยอมรับป้า ”
“ มัจไม่ค่าพอที่จะให้ใครมารัก ”
“ ป้าไม่รู้หรอกว่ามัจเจออะไรบ้างนับตั้งแต่วันป้าจะดูแลมัจให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ญิงคนหนึ่งจะทำได้ ”
น้ำหวานพาวีนัสมาแนะนำให้มัจฉาและทุกคนได้รู้จัก น้ำหวานคบกับวีนัสได้สักพักแล้วทั้งสองคนเจอกันในผับ มัจฉาเตือนให้น้ำหวานระวังตัวอย่าเผลอมอบกายให้ผู้ชายได้เชยชมก่อนเวลาอันควร น้ำหวานบอกกับมัจฉาว่าคบกับวีนัสไว้คลายเหงาพร้อมกับเล่าเรื่องเปิดใจเล่าเรื่องปัญหาชีวิตของตนเองให้มัจฉาฟัง
“ ฉันเป็นลูกคนเดียว พ่อเป็นตำรวจมีหน้ามีตาในสังคม วัน ๆ ทำแต่งาน แม่เป็นเจ้าของบริษัทบ้างานยิ่งกว่าพ่อของฉันทั้งสองคนเลี้ยงฉันมาด้วยเงิน ไม่มีใครมีเวลาให้ฉันเลย ตั้งแต่เล็กจนโตฉันอยู่กับพี่เลี้ยง ฉันยังนึกอิจฉาแกเลยที่ยังมีป้าคอยห่วงใย เชื่อฉันป้าเพ็ญรักแกมากเพียงแต่ไม่แสดงออก ถ้าไม่รักไม่ห่วงใยป้าเพ็ญคงไม่คุยกับแกหรอก ”
“ ฉันไม่เชื่อว่าคุณนายจะรักฉัน ในวันที่ฉันลืมตามาดูโลกเป็นวันที่แม่ต้องลาจากโลกนี้ไป คุณนายรักแม่ป้าเพราะเหตุนี้ทำให้คุณนายไม่สนใจอะไรฉันเลยอยากได้อะไรคุณนายไม่เคยซื้อให้ ฉันต้องเก็บเงินซื้อเองตลอดเมื่อก่อนฉันพยายามปรับตัวเข้าหาคุณนายหวังว่าสักวันคุณนายจะรักฉันบ้างแต่มันสูญเปล่า ทำดีสักเท่าไหร่คุณนายก็ไม่เคยเห็นว่ามีค่า ”
“ ฉันได้ทุกอย่างจากพ่อและแม่ยกเว้นเวลา พ่อกับแม่ไม่เคยมีเวลาให้ฉันเลยตั้งแต่เล็กจนโตฉันไม่เคยลำบาก อยากได้อะไรฉันก็ได้ ฉันไม่อยากกลับบ้านกลับไปทีไรไม่เคยเจอใครยกเว้นแม่บ้าน คนสวน คนขับรถไม่มีแม้แต่เงาของพ่อกับแม่ ฉันเหงาวีนัสเข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาด ”
“ อย่าเล่นกับไฟเดี๋ยวความร้อนจากเปลวไฟจะย้อนกลับมาแผดเผาตัวเรา ฉันบอกได้แค่นี้ ”
“ ทำไม แกรู้จักวีนัสมาก่อนหรอ ”
“ รู้จักดีเลย ฉันรู้จักมันมานานแล้วแต่มันจำฉันไม่ได้ เจ๊เล้งนี่แหละแม่ของมัน แกกรู้นิว่าเจ๊เล้งมีธุรกิจผิดกฏหมายตั้งเยอะแยะหนึ่งในนั้นคือส่งผู้หญิงไปขายซ่อง บางทีนี่อาจเป็นแผนของเจ๊เล้งกับวีนัส แกลองคิดดูสิว่า ชีวิตของแกมีค่ามากเท่าไหร่ในชีวิตของพ่อ บางทีทั้งสองคนอาจใช้แกเป็นข้อต่อรองในการทำธุรกิจก็เป็นไปได้ ”
“ แกคิดมากไปแล้ว ”
“ คิดมากดีกว่าคิดน้อยฉันเตือนแกด้วยความหวังดี ถ้าแกมีอะไรโทรหาฉันได้ตลอดเลยนะ อย่าลืมละไม่ว่าแกจะตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายขนาดไหน เพื่อนคนนี้พร้อมจะช่วยทุกเมื่อ ”
“ ขอบใจนะ เป็นไงบ้างงานใหม่ แกชอบไหมเหนื่อยมากไหม ”
“ ฉันชอบงานนี้มาก เหนื่อยกว่าขายก๋วยเตี๋ยวอีกแต่เป็นการเหนื่อยคนละแบบกัน อันนี้เหนื่อยแบบใช้สมองเหมือนกับการเรียนต้องคิดรวบรวมข้อมูลทำการทดลอง สนุกไปอีกแบบ ” พรศรีชวนสุปราณีย์ไปซื้อโทรศัพท์ใหม่กับมัจฉาหลังจากนั้นค่อยแวะเอาไปให้มัจฉาที่บ้านในวันรุ่งขึ้น เสมอใจติดต่อมัจฉาได้โทรมาหาสุปราณีย์ด้วยความเป็นห่วง สุปราณีย์นึกคำในท่าทีของเพื่อน
“ มัจเป็นอะไรทำไมฉันติดต่อไม่ได้เลย ”
“ มัจปลอดภัยดีไม่ได้เป็นอะไรโทรศัพท์ของมัจหล่นตกน้ำ ฉันกับพรศรีเพิ่งไปซื้อเครื่องใหม่ให้ วันพรุ่งนี้จะเอาไปให้ที่บ้าน ”
“ ค่อยโล่งใจหน่อย ฉันก็นึกว่ามัจเป็นอะไรไปเสียอีก ”
“ เด็กคนนี้มีอะไรดีมีแต่คนรักยกเว้นป้าตัวเอง ”
“ ขอบใจมากนะ ” ความรักของน้ำหวานไปได้ด้วยดี วีนัสคอยดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีความบังตาทำให้น้ำหวานลืมคำเตือนของมัจฉา ความอ้างว้างบวกกับความเหงาของใจทำให้น้ำหวานทดลองเสพยาตามคำเชิญชวนของวีนัส ด้วยฤทธิ์ของยาอีทำให้น้ำหวานเคลิบเคลิ้มตกอยู่ในภวังค์ของความสุขลืมสิ้นความทุกข์ยากในใจที่เก็บสะสมมากอย่างยาวนานหลายสิบปี พรศรีพร้อมกับสุปราณีย์มาหามัจฉาที่บ้าน เพ็ญจันทร์ดีใจมากที่เพื่อนทั้งสองคนมาที่บ้าน เพ็ญจันทร์ชวนสุปราณีย์กับพรศรีไปนั่งคุยที่ศาลาริมน้ำ
“ เป็นไงบ้าง สบายดีไหม ”
“ ฉันสบายดี ศรีละเป็นไงบ้าง ช่วงนี้งานยุ่งไหม ”
“ นิดหน่อย ”
“ มัจอยู่บ้านไหมตั้งแต่มาฉันยังไม่เห็นเลย ”
“ ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้ว ทำไมหรอสุมีอะไรหรือเปล่า ”
“ ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่ถามเฉย ๆ ”
“ จี๊ด ! ถ้าหากมัจกลับมาบ้านบอกให้มาหาฉันด้วย ”
“ ได้ค่ะ คุณผู้หญิง ” จี๊ดนั่งรอมัจฉาอยู่ที่หน้าบ้านเผลอหลับฟุบลงบนโต๊ะ เสียงเรียกของมัจฉาทำให้จี้ดสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ มัจฉาหัวเราะในอัปกริยาของจี๊ดที่แสดงออกมา ”
“ ตะเถนกะละมังคว่ำ ไหระเบิด คุณหนูพี่ตกใจหมดเลย ทำไมมาเงียบแบบนี้ละคะ ”
“ มัจเดินมาปกติ พี่ต่างหากละที่ตกใจไปเอง ”
“ คุณผู้หญิงรอเจอคุณหนูที่ศาลาริมน้ำ วันนี้คุณพรศรีกับคุณสุมามาค่ะอยู่กับคุณผู้หญิงที่ศาลาริมน้ำ ” มัจฉายิ้มรีบเดินไปที่ศาลาริมน้ำทันที
“ สวัสดีคะนัดกันหรือเปล่ามาพร้อมกันเลย ”
“ ป้ากับศรีนัดกัน มัจไปไหนมา ”
“ เหมือนเดิม ” สุปราณีย์เข้าใจในคำตอบ พรศรียื่นกล่องโทรศัพท์ให้มัจฉา
“ ป้าซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่มาให้มัจแทนเครื่องเก่าที่ตกน้ำไป เปิดดูสิว่าชอบไหม ”
“ โทรศัพท์รุ่นนี้แพงมากนะคะ ป้าศรีซื้อมาให้มัจทำไมเปลืองเงินเปล่า รุ่นธรรมดาก็ใช้ได้แล้ว ”
“ รุ่นนี้แหละดีแล้วมีมีแอปพลิเคชั่นหลายอย่างทั้งไลน์และเฟสบุค ป้าจะได้คุยกับมัจมากขึ้น ”
“ ขอบคุณมากนะคะ ”
“ มัจไม่สบายหรอลูกซื้อยามาเต็มถุงเลย ”
“ ยาแก้แพ้กับยาทา ป้าสุนี่ตาไว ๆ จริง ๆ ” มัจฉาโน้มตัวลงนอนบนตักของพรศรีด้วยความเหนื่อย พรศรีลูบหัวมัจฉาเบา ๆ พร้อมกับยิ้มให้
“ เหนื่อยไหมลูก กินข้าวแล้วยังไม่ใช่ทำแต่งานจนลืมกินข้าว อาหารเช้าสำคัญต่อร่างกาย ” มัจฉาเงียบ
“ เงียบแบบนี้แสดงว่ายังไม่กินข้าว ”
“ ค่ะแต่มัจกินนมกับขนมรองท้องก่อนไปทำงานแล้วนะคะ ”
“ ป้าซื้อขนมมาเยอะเลยหรือมัจจะกินข้าวละเดี๋ยวป้าให้จี๊ดยกมาให้ ”
“ ค่ะป้า มัจขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะเริ่มคันแล้ว ”
“ ศรี ! ฉันฝากดูมัจด้วยนะ คราวนี้เธอก็ได้เจอมัจทุกวันแล้ว ” พรศรียิ้ม
“ นี่แหละที่ฉันต้องการ ฉันจะดูแลเป็นอย่างดีประคับประคองไม่ให้เดินนอกลู่นอกทาง มัจไม่ชอบให้ใครมาบังคับต้องค่อย ๆ พูดด้วยเหตุผล มัจถึงจะยอมฟัง ”
“ มัจได้งานใหม่แล้วหรอ ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง ”
“ เพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่กี่วัน มัจฉาคงไม่อยากเธอเพราะงานที่ได้เธอคงไม่ชอบและกลัวเธอไม่ยอมให้ไปทำเพราะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาเรียน ” สุปราณีย์พูดตรง ๆ
“ งานอะไรหรอ ”
“ เป็นผู้ช่วยนักวิจัยเพื่อนของฉันเองที่คณะประมง มัจฉาชอบงานนี้มากเลย ฉันบอกเธอแบบนี้แล้วหวังว่าเธอจะไม่ไปชวนหลานทะเลาะ ”
“ ทำเหมือนฉันเป็นคนใจร้ายขนาดนั้นเลย ”
“ เธอใจร้ายกับมัจฉามาก ”
“ สุ ! เธอพูดตรงไปไหม ” พรศรีทำเสียงเข้ม
“ ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ พุดเป็นไงบ้าง ช่วงนี้พุดไม่ค่อยกลับบ้านแถมฉันโทรไม่ค่อยรับสาย ”
“ พุดสบายดี ฉันขอพูดกับเธอตรงๆ พุดหลานรักของเธอกำลังมีความรัก มีแฟนเป็นตัวเป็นตน ฉันไม่กล้าเตือนพุด พุทธชาดกับมัจฉามีนิสัยที่ต่างกันถึงมัจฉาจะเป็นเด็กดื้อแต่เวลาผู้ใหญ่เตือนหรือแนะนำอะไรมัจฉาจะฟัง พุทธชาดไม่ดื้อแต่เชื่อในความคิดของตัวเองไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องของตนเอง ถ้าไม่พอใจจะเถียงกลับมาทันที มัจฉาเถียงเธอคนเดียวกับคนอื่นไม่เคยเถียง ”
“ พุดมีแฟนแต่ไม่เห็นบอกฉัน ”
“ กลัวเธอดุ ถ้าเป็นมัจคงโดนเธอเล่นงานจนน่วมไปทั้งตัวไปนานแล้วมีความรักในวัยเรียน ”
“ ดูพูดเข้าซิเห็นฉันเป็นคนไม่มีหัวใจ มัจเป็นหลานของฉันคนหนึ่งเหมือนกันไม่ใช่เด็กกำพร้าที่ฉันเก็บมาเลี้ยง ”
“ ฉันรู้แต่ว่าการกระทำของเธอที่แสดงออกระหว่างมัจฉาและพุทธชาดมันต่างกันจนทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเธอไม่รักมัจฉาแต่กลับรักพุทธชาดเพียงคนเดียว ”
“ สุพูดตรงไปมั้ย อ้อมๆหน่อยก็ดีนะ ”
“มัจฉาเป็นหลานของฉันคนหนึ่งไม่ใช่คนอื่นไกลทำไมฉันจะไม่ ”
“ มัจเป็นหลานที่คุณนายไม่เคยรัก ” คำพูดของมัจฉาเหมือนระเบิดลูกใหญ่ตกลงบนหัวใจของเพ็ญจันทร์ใจแตกสลายในพริบตา สุปราณีย์ และพรศรีตกใจในคำพูดของมัจฉา เพ็ญจันทร์ใจหายวาบแต่เก็บอาการเอาไว้แกล้งทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ มัจทำไมพูดอย่างนั้น นรกจะกินหัวเอา ”
“ ทุกวันมัจก็ตกนรกไปทั้งตัวแล้ว นรกบนดินที่ต้องทนอยู่ทุกวัน ”
“ ไอ้เด็กคนนี้ ” พรศรีเสียงเข้มทำหน้าดุ มัจฉาทำไม่รู้ไม่ชี้ยื่นกระปุกยาให้พรศรี
“ ทายาที่หลังให้มัจหน่อยคันมากเลย ”
“ ผื่นขึ้นเต็มหลังเลย มัจไปทำอะไรมาละลูกแบบนี้ต้องกินยาด้วยทายาอย่างเดียวไม่หาย ” มัจฉาส่ายหน้า
“ เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่บอกป้า คราวหลังบอกป้าก็ได้ไม่ต้องรอให้ป้าสุกับป้าศรีมาที่บ้าน ”
“ มัจไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของคุณนาย ”
“ ดีขึ้นไหมลูก พรุ่งนี้ป้าแวะเอายาไปให้ที่คณะ ”
“ มัจไปชอบกินยาเปลี่ยนเป็นฉีดยาแทนได้ไหม ”
“ เสพยานั้นได้นึกจะทำตอนไหนก็ได้แต่ฉีดยาเพื่อรักษาโรคมันมีองค์ประกอบหลายอย่างไม่ใช่นึกอยากฉีดตอนไหนก็ฉีดได้ ” คำพูดของมัจฉาเมื่อตอนกลางวันทำให้เพ็ญจันทร์นอนไม่หลับลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปเดินเล่นในสวนหน้าบ้าน ลมเย็นพัดมาปะทะร่างของเพ็ญจันทร์เบาๆทำให้เพ็ญจันทร์ถึงกับต้องใช้มือทั้งสองมารวบเข้าด้วยกันแต่แล้วกลับมีผ้าผืนหนามาคลุมตัวร่างของตัวเองเอาไว้ เพ็ญจันทร์หันหลังกลับไปดู มัจฉายืนอยู่ด้านหลังตัวเอง
“ มัจ ! ดึกแล้วยังไม่นอนอีกหรอลูก ”
“ คนเพิ่งตื่นนอน คุณนายยังจะให้มัจไปนอนอีกแล้ว มัจต้องถามคุณนายว่าทำไมยังไม่ไปนอนอีก ”
“ ทำไมมัจไม่บอกป้าสักคำว่าเลิกขายก๋วยเตี๋ยวไปทำงานเป็นผู้ช่วยของเพื่อนสุปล่อยให้ป้ารู้เรื่องเป็นคนสุดท้าย ”
“ มัจเห็นคุณนายยุ่งเรื่องงานเลยไม่ได้บอกและอีกอย่างหนึ่งมันไม่ได้สำคัญอะไรแค่เปลี่ยนงานเท่านั้นเอง คุณนายทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ ”
“ ถ้าเป็นเมื่อก่อนป้ายุ่งขนาดไหนมีอะไรมัจบอกป้าทุกเรื่องแต่ทำไมตอนนี้มัจถึงไม่ยอมปริปากบอกป้าแม้แต่คำเดียวเลยละ ”
“ มัจไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของคุณนาย คุณนายได้มีสมาธิในการทำงานไม่มีใครมาวุ่นวายคอยกวน คุณนายบอกมัจเองว่าเวลาทำงานไม่ต้องหาที่ห้อง คุณนายทำงานทั้งวันมัจจะเอาเวลาไหนไปบอกคุณนายละ มัจหน้าด้านไม่พอหรอกนะที่จะเสนอหน้าเข้าไปหาหรอกนะ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนคงใช่แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว มัจโตพอที่จะเข้าใจอะไรมากขึ้นกว่าเดิม ” เพ็ญจันทร์พูดไม่ออกในตอบของมัจฉา คำพูดของมัจฉาเหมือนหอกแหลมทิ่มแทงใจของเพ็ญจันทร์ที่ต้องให้รู้สึกเจ็บ ความรู้สึกต่าง ๆ ถาโถมเข้ามาทำให้เพ็ญจันทร์ต้องกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้ไม่ให้มัจฉาเห็น
“ มัจสัญญากับป้าได้มั้ยว่าต่อไปนี้ไม่ว่ามีเรื่องอะไร มัจต้องมาบอกป้าทุกเรื่องอย่างเช่นที่เคยทำเหมือนเมื่อก่อน ”
“ มัจไม่อยากเชื่อว่าคุณนายจะฟังมัจ ตอนนี้คุณนายอาจกำลังเหงาเพราะพี่พุดไม่ค่อยได้กลับบ้านแต่ถ้าพี่พุดกลับมาเมื่อไหร่ มัจก็กลายเป็นหัวเน่าอยู่ดี ”
“ โธ่ลูกทำไมถึงได้คิดอย่างนั้นล่ะ ”
“ มัจไม่คิดแต่การกระทำของคุณนายมันฟ้องจนทำให้มัจอดคิดไม่ได้ว่ามัจเป็นส่วนเกิดของชีวิตคุณนาย มัจเข้าใจดีว่ามัจเกิดมาในช่วงเวลาที่ต่างกันกับพี่พุด ทุกคนดีใจที่พี่พุดเกิดมาแต่ทุกคนต้องเสียในวันที่มัจเกิด มัจทำให้น้องสาวของป้าต้องตาย มัจเกิดมาพร้อมกับคราบน้ำตาของทุกคน มัจเข้าใจและยอมรับเหตุผลข้อนี้ดี ป้าไม่ต้องอธิบายเหตุผลให้มัจฟัง ”
“ มันไม่ได้เป็นอย่างที่มัจคิดนะลูก ป้ารักมัจไม่น้อยกว่ารักพุดเลยนะลูก ”
“ คุณนายไม่ต้องมาปลอบใจมัจ มัจไม่เชื่อหรอกว่าคุณนายจะรักมัจจริง คุณนายแค่แสดงแกล้งทำไม่ให้มัจคิดมากแต่เหตุการณ์และเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมามันทำให้มัจคิดได้และเลิกหลอกตัวเองว่าคุณนายรักมัจ ”
“ มัจฟังป้าอธิบายก่อนลูกมันไม่ใช่อย่างที่มัจคิด ป้าอธิบายได้ ”
“ มัจไม่ฟังคำแก้ตัวของคุณนายเก็บความรักของคุณนายไว้ให้พี่พุดคนเดียวเถอะ เด็กดื้อเกเรอย่างมัจมันไม่มีค่าพอให้คนอย่างคุณนายเพ็ญจันทร์มารักหรอก ” มัจฉาพูดทิ้งท้ายเดินกลับขึ้นไปบนห้อง เพ็ญจันทร์ถึงกับทรุดฮวบกองลงกับพื้น น้ำตาไหลรินอาบทั้งสองแก้ม ความเจ็บปวดภายในใจถูกระบายออกมาเป็นน้ำตา ชีวิตนี้ไม่เคยคิดเลยว่าความรักที่มีให้กลับถูกแทนที่ด้วยความเฉยชา หัวใจของเพ็ญจันทร์บอบช้ำเกินกว่าจะมียาตัวใดรักษาได้มีเพียงมัจฉาเท่านั้นที่รักษาแผลใจของเพ็ญจันทร์ได้