Chapter 4.1 : KILL เมื่อฉันต้องฆ่าสามีจอมอำมหิต
KILL เมื่อฉันต้องฆ่าสามีจอมอำมหิต
นามปากกา : Neptheduck
Chapter 4.1
รวมพลพยัคฆ์ 🔞
ช่วงเวลาปัจจุบัน
ณ คฤหาสน์ตระกูลนากามูระ
นายูกิที่กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ภายในห้องนอนที่ถูกล็อกกลอนไว้จากด้านนอก เธออยู่ในชุดคลุมอาบน้ำโดยไม่คิดจะแต่งตัว เพราะรู้ว่าจะต้องถูกชายผู้นั้นถอดมันออกอยู่ดี และทำเพียงครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของตนด้วยความชอกช้ำใจ
แกร๊ก!!!
เสียงสะเดาะกลอนประตูทำให้เธอสะดุ้งหลุดออกมาจากความคิด ก่อนที่แม่บ้านและคนคุ้มกันอีกสองคนจะเดินเข้ามา พร้อมกับชุดกิโมโนสีน้ำเงินลวดลายคลื่นมหาสมุทรสีขาว ที่ดูมีมูลค่าสูงมาวางไว้ที่ปลายเตียง และเครื่องประดับอื่นๆ อีกหลายชิ้น
"ชุดนี่มันอะไรคะ!?"
"นายท่านให้นำมาให้คุณนายูกิค่ะ"
"ให้...ฉันเหรอ!?"
แม้ว่าจะไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย แต่จะแปลกอะไรในเมื่อตัวเธอในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตา ที่ผู้ชายคนนั้นจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบอยู่แล้ว
'แต่วันนี้มันเป็นวันซ้อมใหญ่ของเราไม่ใช่เหรอ?'
'แล้วจะทำยังไงล่ะ!?'
2 ชั่วโมงต่อมา
ณ อีกฟากหนึ่งของมหานครโตเกียว มีคฤหาสน์ไม้โบราณหลังใหญ่ ตั้งอยู่ท่ามกลางอุทยานที่เต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ โดยซ่อนตัวอยู่ภายในรั้วเหล็กสูงกว่าสามเมตร ที่ปกคลุมไปด้วยพุ่มไม้สูง และแวดล้อมไปด้วยหน่วยรักษาความปลอดภัยนับร้อย จากต่างพวกที่มารวมตัวกันอย่างเฉพาะกิจ
ตึกตึก ตึกตึก
ครืดดด!!
ประตูเลื่อนบานใหญ่ทำจากไม้เนื้ออ่อน และกระดาษฉากกั้นที่ถูกเขียนภาพเอาไว้อย่างงดงาม ถูกสาวใช้เปิดเข้ามาพร้อมด้วยชุดน้ำชาและขนมหลากหลายชนิด นำมาเสิร์ฟให้กับผู้เข้าร่วมการประชุมที่มีมากกว่ายี่สิบคน
และแต่ละคนก็ดูเคร่งขรึมน่ากลัว แถมยังแผ่รังสีอันตรายออกมารอบตัว จนแม้แต่เธอเองก็ถึงกับขนหัวลุก ไม่กล้าจะสบตากับพวกเขาตรงๆ เลยสักคนเดียว
'นี่มันงานชุมนุมอะไรกัน?!'
ดวงตาคู่สวยของนายูกิกวาดมองรอบตัวด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม เรื่อยไปจนถึงประตูฝั่งสวนหินที่สามารถเห็นชายน่ากลัวนับร้อย ที่กำลังยืนจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่ด้านนอก ต่างจากภายในห้องที่เงียบสงบนี้อย่างสิ้นเชิง แม้แต่ชายข้างกายอย่างโยจิโร่ก็สงบนิ่ง ไม่หยอกเย้าทำลามกหรือกวนประสาทเธอเหมือนอย่างเคย
อีกทั้งชายอาวุโสท่าทางน่ายำเกรงในชุดกิโมโนสีดำ ที่ประดับตราสัญลักษณ์ของตระกูลดูสง่างาม กำลังนั่งอยู่บนพื้นหลังโต๊ะไม้แกะสลัก ที่มีกระดาษสีครีมและพู่กันวางไว้เบื้องหน้า ดูเปี่ยมไปด้วยอำนาจบารมีที่แผ่ออกมาจากกายของเขา
ทำให้นายูกิถึงกับขนลุกชันทุกเมื่อที่ได้บังเอิญสบตา จนต้องพยายามเก็บซ่อนสายตาหวาดหวั่นของตนเอาไว้อย่างมิดชิด
และงานสถาปนาภายในเรือนรับรองขนาดใหญ่ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยบรรยากาศชวนให้อึดอัดก็เริ่มต้นขึ้น
"..."
โยจิโร่ละสายตาออกมาจากผู้อาวุโส ที่กำลังจิบชาอยู่หน้าห้องก่อนจะมองมายังหญิงสาวข้างกาย ในชุดกิโมโนสีน้ำเงินลวดลายขาวที่ปักด้วยด้ายสีเงินอย่างประณีต ด้วยแววตาเรียบเฉยแต่แฝงความพึงพอใจไว้อย่างไม่ปิดบัง
"มองอะไรคะ?"
ดวงตาคู่สวยดุตวัดมองเขาด้วยความขุ่นใจ
"หน้าบึ้งอย่างกับถูกบังคับมา"
"ก็ถูกบังคับมาน่ะสิ!"
นายูกิวีนเสียงกระซิบและขบกรามแน่นด้วยความโกรธ เมื่อถูกโยจิโร่พรากช่วงเวลาสำคัญ ที่อาจจะส่งผลถึงชัยชนะในการแข่งรถวันพรุ่งนี้ของเธอไป
"ถ้าฉันแพ้ขึ้นมา อย่ามาบ่นทีหลังแล้วกัน"
"ฉันเคยบ่นเธอด้วยเหรอ?"
ประโยคนั้นทำให้นายูกิถึงกับหน้าร้อนผ่าว จริงอยู่ที่เขาไม่เคยเอ่ยปากบ่น แต่เขากลับทำโทษเธอด้วยวิธีอื่นที่นึกถึงทีไรก็ทำให้เข่าอ่อนทุกที
"เงียบไปเลย"
แม้ว่าจะถูกเธอเอ็ดเสียงดุ แต่โยจิโร่กลับหัวเราะในลำคอเบาๆ และหันกลับไปสนใจผู้อาวุโสเบื้องหน้าอีกครั้ง
"ตลอดสิบปีที่ผ่านมา เกิดความวุ่นวายภายในสมาคมขึ้นหลายครั้ง และนี่เป็นปีแรกที่เราได้พบกับผู้สืบทอดรุ่นใหม่ของ ตระกูลนากามูระ"
สายตาของทุกคนเบนมายังกลางห้องริมระเบียง ที่โยจิโร่และนายูกินั่งอยู่ ก่อนที่ชายหนุ่มจะค้อมศีรษะให้เหล่าผู้อาวุโสอย่างนอบน้อม ทำให้เธอจำต้องค้อมศีรษะตามเขาไปโดยปริยาย
"ท่านเก็นอิจิโร่คุณปู่ของเธอ คือหนึ่งในสี่จตุรเทพที่น่าเกรงขาม และเป็นที่เคารพรักของเราเสมอมา และหลานชายผู้นี้ก็คือมันสมองของพรรค ทั้งด้านธุรกิจและการเจรจามาตั้งแต่ตอนที่เขาถูกพามาที่นี่ เมื่อ 15 ปีก่อน"
"ผมยังอ่อนประสบการณ์อีกมาก ท่านอาวุโสโปรดชี้แนะกระผมด้วยขอรับ"
เขาเอ่ยอย่างถ่อมตนโดยที่ยังคงก้มศีรษะลงต่ำ ท่ามกลางแววตาเอ็นดูของผู้อาวุโส
"หวังว่าในภายภาคหน้า คนแก่ๆ อย่างพวกเราคงจะได้อาศัยไหว้วานเธอในอนาคต"
"ด้วยความยินดีขอรับ"
ท่าทีสง่างามและลุ่มลึก ทำให้นายูกิเผลอมองเสี้ยวหน้าคมของเขาอย่างลืมตัว
"ส่วนเรื่องที่มาขอคำปรึกษาเมื่อสัปดาห์ก่อน ตอนนี้ทางเราได้พิจารณาให้มีการแต่งตั้งขึ้นในอีกราวๆ 3 เดือนข้างหน้า เธอเห็นสมควรว่าอย่างไรโยจิโร่คุง"
"ครับ ผมจะเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันนั้น"
โยจิโร่ละสายตาจากผู้อาวุโส มายังหญิงสาวข้างกายช้าๆ
"ทั้งผมและนายูกิ"
30 นาทีผ่านไป
ในตอนนี้การประชุมยังคงดำเนินต่อไป ทั้งเรื่องการก่อความไม่สงบภายในของพรรคต่างๆ เรื่องการหารือเส้นทางการค้าของเถื่อนในยุโรป และยาตัวใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าฟิโลพอนของเกาหลี ซึ่งได้ถือกำเนิดขึ้นจากหนึ่งในแก๊งมืดของสภาอาวุโส ที่เปรียบเสมือนความหวังใหม่ในการเปิดเสรีกับต่างชาติ
"แล้วสินค้าตัวใหม่ ที่ซาคาโมโต้ยื่นเสนอในที่ประชุมคราวก่อนล่ะ?"
"ตัวนี้ขอรับนายท่าน"
ชายวัยกลางคนสวมแว่นตาหนาเตอะ ยื่นน้ำหนืดใสในขวดแก้วให้กับผู้อารักขา ก่อนที่มันจะถูกส่งต่อไปให้กับประธานอาวุโส
"ไม่ทิ้งร่องรอยในปัสสาวะเกิน 36 ชั่วโมง ไร้สี ไร้กลิ่น"
"อืม"
"เป็นอนุพันธ์ที่บริสุทธิ์ที่สุดของเราครับ"
ชายชราส่องขวดแก้วใบน้อยเท่านิ้วก้อยของตนกับแสงไฟด้วยใบหน้าพึงพอใจ แต่สำหรับนายูกิสายตาของเธอที่กำลังมองของสิ่งนี้ ดูแล้วไม่ต่างอะไรกับยาพิษที่จุดชนวนให้เกิดสงคราม และคร่าชีวิตผู้คนมาแล้วตั้งมากมาย
"ดีมาก"
"คงจะดีกว่า ถ้าตอนนี้ผู้บัญชาการตำรวจไม่ได้กำลังจะหมดวาระ"
จู่ๆ ความปรีดาของเหล่าหัวหน้าพรรคก็ค่อยๆ เลือนหายไป เมื่อหัวหน้าพรรคผมยาววัยกลางคน ที่นั่งอยู่เกือบท้ายสุดของห้องนี้เอ่ยขึ้น
"ทางสภาอาวุโสมีความเห็นอย่างไรครับ?"
"จริงอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงนี้ อาจทำให้การขนส่งของเราหยุดชะงักแต่เรายังมีไพ่ในมืออีกใบ"
ทุกคนมองตามสายตาของประธานอาวุโส มายังทิศทางที่โยจิโร่อยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความงุนงงและตื่นตระหนกให้กับนายูกิเป็นอย่างมาก
"ขอรับ"
เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้หญิงสาวสะดุ้ง รีบหันไปยังชายหนุ่มร่างผอมบาง ที่กำลังคุกเข่าคำนับจนศีรษะจรดพื้น ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นสบตากับหัวหน้าโยจิโร่ ผู้ปูทางเส้นนี้ให้เขาด้วยแววตาเคารพและเทิดทูนจนหมดหัวใจ
"กระผมจะไม่ทำให้ทุกท่านผิดหวัง"
โปรดติดตามตอนต่อไป...
หากชื่นชอบโปรดคอมเม้น กดแชร์ให้เพื่อนๆ มาอ่านเรื่องนี้กันเยอะๆ นะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
___________________________
E-BOOK มาแล้วค่า
สื่งที่ได้รับใน E-BOOK
- เนื้อหาที่ผ่านการรีไรท์แล้ว
- เนื้อหาตอนปกติ +1 ตอน และตอนพิเศษบทสรุปความรัก +7 ตอน จบบริบูรณ์ค่ะ
|