ทำไมเจ้าของธุรกิจ ต้องมีระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้?

ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Fire Alarm System) เป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อตรวจจับเหตุการณ์ไฟไหม้และแจ้งเตือนให้คนในพื้นที่ทราบถึงเหตุการณ์นี้เพื่อรักษาความปลอดภัยและชีวิตคนในอาคารหรือพื้นที่นั้น ระบบนี้มีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากไฟไหม้มีความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สิน ดังนั้นการตรวจจับไฟไหม้และแจ้งเตือนที่เร็วที่สุดมีความสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงและรักษาความปลอดภัยของคนและทรัพย์สินที่อยู่ในพื้นที่นั้น

สาเหตุที่ทำให้ต้องมีระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้

1. ป้องกันความเสี่ยงต่อชีวิต: ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ช่วยในการป้องกันความเสี่ยงต่อชีวิตของคนในพื้นที่นั้น โดยระบบนี้จะตรวจจับควันหรือความร้อนและทำการเตือนให้คนที่อยู่ในอาคารหรือพื้นที่นั้นทราบถึงเหตุการณ์ไฟไหม้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการออกจากพื้นที่อย่างปลอดภัย

2. ลดความเสี่ยงทรัพย์สิน: การระบุเหตุการณ์ไฟไหม้ให้เร็วที่สุดช่วยลดความเสี่ยงต่อทรัพย์สิน โดยการแจ้งเตือนไปทันทีจะช่วยให้มีเวลาในการดับเพลิงหรือระบายควัน เพื่อลดความเสียหายของทรัพย์สินที่อาจจะเกิดขึ้นในกรณีไฟไหม้

3. ช่วยในการจัดการเหตุการณ์: ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ช่วยให้ผู้ดูแลอาคารหรือพื้นที่นั้นสามารถจัดการเหตุการณ์ไฟไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่พวกเขาสามารถเรียกบริการดับเพลิงหรือช่วยเหลืออื่น ๆ มาช่วยในการสวัสดิภาพเหตุการณ์

4. เพิ่มความปลอดภัย: การมีระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้เป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มความปลอดภัยในอาคารหรือพื้นที่ต่าง ๆ เช่น โรงงาน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ซึ่งมีไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยงและให้ความรู้สึกปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการหรือผู้อยู่ในพื้นที่นั้น

จะเห็นได้ว่าระบบแจ้งเตือนไฟไหม้มีความสำคัญต่อการรับประกันความปลอดภัยของเราและคนในพื้นที่ ทำให้ในพื้นที่ที่มีคนเข้ามาใช้บริการสถานที่เป็นจำนวนมากควรมีการติดตั้งระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้  โดยระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้เองก็มีหลายประเภทในการเลือกใช้และมีความซับซ้อนต่างๆ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งานของอาคารหรือพื้นที่นั้น รวมถึงการติดตั้งและการตรวจสอบระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ของแต่ละประเภท 

ประเภทของระบบแจ้งเตือนไฟไหม้

1. Conventional Fire Alarm System (ระบบแจ้งเหตุไฟไหม้แบบปกติ): ระบบนี้ใช้การตรวจจับอุณหภูมิหรือควันในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อตรวจจับเหตุการณ์ไฟไหม้ และแจ้งเตือนผ่านสัญญาณแบบช่องเดี่ยว โดยบ่งบอกลำดับหรือพื้นที่ที่เกิดเหตุไฟไหม้ได้ ระบบนี้มักใช้ในอาคารขนาดเล็กถึงกลาง

2. Addressable Fire Alarm System (ระบบแจ้งเหตุไฟไหม้แบบระบุที่อยู่): ระบบนี้แตกต่างจากระบบแบบปกติโดยสามารถระบุที่อยู่ของอุปกรณ์ตรวจจับเหตุการณ์ไฟไหม้ได้ ซึ่งช่วยในการระบุที่เกิดเหตุได้อย่างแม่นยำ และสามารถระบุประเภทของอุณหภูมิหรือควันที่เกิดขึ้น ระบบนี้มักใช้ในอาคารขนาดใหญ่และซับซ้อน

3. Analog Fire Alarm System (ระบบแจ้งเหตุไฟไหม้แบบแอนะล็อก): ระบบนี้สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิหรือควันในระดับแอนะล็อก และสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงแบบค่าต่ำถึงค่าสูง มักใช้ในอาคารที่มีความเชี่ยวชาญและความปลอดภัยสูง

4. Wireless Fire Alarm System (ระบบแจ้งเหตุไฟไหม้แบบไร้สาย): ระบบนี้ใช้เทคโนโลยีไร้สายในการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ตรวจจับและป้ายแจ้งเหตุ เป็นการลดความซับซ้อนในการติดตั้งและมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน มักใช้ในอาคารที่มีโครงสร้างซับซ้อนหรือในการติดตั้งชั่วคราว

5. Intelligent Fire Alarm System (ระบบแจ้งเหตุไฟไหม้แบบอัจฉริยะ): ระบบนี้มีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลและตรวจจับเหตุการณ์ไฟไหม้อย่างแม่นยำ รวมถึงสามารถส่งข้อมูลเชิงรายละเอียดไปยังระบบจัดการเหตุการณ์อื่น ๆ เพื่อการประสานงานและการตอบสนองที่รวดเร็ว

สรุป : ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้เป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรขาดเมื่อเราพูดถึงความปลอดภัยในสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในอาคารพาณิชย์หรือที่พักอาศัย เราต้องมีระบบนี้เพื่อป้องกันและรับมือกับเหตุการณ์ไฟไหม้อย่างมีประสิทธิภาพ และควรมีการตรวจเช็คระบบแจ้งเตือนไฟไหม้อย่างสม่ำเสมอ