ผู้สูญเสียต้องกลายเป็นเหยื่อถูกคุกคามด้วยภาพอุบัติเหตุและสภาพศพของลูกสาว
นิคกี้ แคทซูรัส วัย 18 ปี อาศัยอยู่ในแคลิฟอร์เนียกับพ่อแม่และน้องสาวอีกสองคน แต่ในระยะหลังมักจะมีปากเสียงกับพ่อแม่เรื่องไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติด ในวันที่ 31 ตุลาคม ปี 2006 หลังจากที่รับประทานอาหารเที่ยงกับครอบครัวพ่อแม่ก็จับได้ว่าเธอแอบสูบบุหรี่ภายในบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้ขอกันไว้จนทำให้มีปากเสียงกัน พ่อก็เลยยึดรถของนิคกี้แล้วขับรถคันนี้ไปทำงานเพื่อเป็นการลงโทษ
หลังจากเวลาผ่านไปราว 10 นาทีแม่ของเธอก็ได้ยินเสียงปึงปังก่อนที่จะเห็นว่ารถปอร์เช่ 911 Carrera ถูกขับออกไปโดยนิคกี้ ซึ่งรถคันนี้สามารถทำความเร็วจาก 0 ถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ในเวลาไม่ถึง 5 วินาที เป็นรถที่นิคกี้ถูกห้ามไม่ให้ขับและเธอก็ไม่เคยขับมันเลยซักครั้ง ก็เลยรีบโทรบอกสามีให้รีบขับรถตามลูกสาวเพราะกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งมันก็เกิดขึ้นจริง ๆ
ตามรายงานของเจ้าหน้าที่นิคกี้ขับรถด้วยความเร็ว 100 ไมล์ต่อชั่วโมงบนถนนทางหลวงหมายเลข 241 ใกล้ทะเลสาปฟอเรสต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ต่อมาเธอพยายามแซงรถฮอนด้าที่อยู่ข้างหน้าแต่เกิดสูญเสียการควบคุมรถทำให้ขับพุ่งข้ามเลนไปชนเข้ากับตู้เก็บค่าผ่านทางคอนกรีตใกล้กับทางแยกต่างระดับอัลตันพาร์กเวย์ส่งผลให้รถปอร์เช่พังยับทั้งคัน
นิคกี้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุด้วยอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ จากผลการชันสูตรในเวลาต่อมาพบโคเคนในร่างกายของเธอแต่ไม่มีแอลกอฮอล์ ส่วนคนขับรถฮอนด้าได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ครอบครัวของนิคกี้ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปดูในที่เกิดเหตุเนื่องจากสภาพของศพมันเกินที่จะรับได้ ในขณะที่ทางครอบครัวกำลังเสียใจกับการจากไปของลูกสาวแต่แล้วภาพอุบัติเหตุรวมทั้งสภาพศพของนิคกี้ก็กลับปรากฎในอินเทอร์เน็ตในทันที ..."หัวของเธอแยกออกเป็นสองส่วนเหมือนกับว่าถูกเฉาะผ่าครึ่ง มันเป็นภาพที่ไม่ควรมีใครได้เห็น"
หลังจากนั้นทางครอบครัวก็ได้รับอีเมลและข้อความที่ไม่ระบุชื่อผู้ส่งซึ่งเป็นรูปถ่ายของอุบัติเหตุรวมถึงภาพศพของนิคกี้ที่ติดอยู่ในซากรถปอร์เช่ แม่ของนิคกี้ถึงกับช็อคหลังจากที่ได้เห็นภาพโดยเธอได้กล่าวด้วยความขมขื่นว่า ..."เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้ฉันเข้าใกล้เธอเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้คนทั้งโลกก็เห็นศพของลูกสาวฉันแล้ว"... ..."คนประเภทไหนกันนะ ถึงจะทำเรื่องแบบนี้ได้"... เหลือเชื่อที่มันมีคนประเภทนี้เยอะมาก อีเมลที่ส่งภาพถ่ายในสถานที่เกิดเหตุรวมไปถึงภาพศพของนิคกี้มีเยอะมากซะจนเลซิลแม่ของเธอต้องหยุดเปิดอีเมล
นอกจากนี้น้องสาวของนิคกี้ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างเด็ดขาด ส่วนน้องสาวอีกคนวัย 16 ปีก็ต้องลาออกจากโรงเรียนแล้วมาเรียนที่บ้านแทนเพราะทางครอบครัวเกรงว่าเพื่อน ๆ จะนำภาพดังกล่าวมาให้เธอดู ในตอนนี้ครอบครัวของผู้สูญเสียกลับถูกคุกคามด้วยภาพถ่ายการเสียชีวิตของคนที่พวกเขารัก
จากการสืบสวนทำให้ทราบว่าภาพดังกล่าวถ่ายโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงแคลิฟอร์เนียสองนาย ซึ่งเจ้าหน้าที่รายหนึ่งได้ให้การว่าเขาส่งภาพไปยังอีเมลของตัวเองเพื่อที่จะดูภายหลัง ส่วนอีกรายให้การว่าเขาได้ส่งภาพชุดนี้ไปให้บุคคลภายนอก 4 คน
รูปภาพชุดดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นอย่างมากเว็บไซต์ต่าง ๆ พากันลงภาพการเสียชีวิตของนิคกี้ แต่ที่น่าเศร้าที่สุดก็คือหนึ่งในอีเมลที่ส่งภาพชุดนี้ไปให้กับครอบครัวของเธอมีคำบรรยายประกอบภาพว่า ..."วู้ฮู้ววว เฮ้ พ่อขา หนูยังไม่ตายค่าา"... ซึ่งมันเหมือนเป็นการตอกย้ำพวกเขาให้รู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม
ในเดือนมกราคม ปี 2012 หลังจากที่ได้มีการยื่นฟ้องตำรวจทางหลวงแคลิฟอร์เนียศาลก็ได้ตัดสินให้ทางครอบครัวแคทซูรัสชนะคดีและได้รับเงินจำนวน 2.3 ล้านดอลล่าร์จากตำรวจทางหลวงแคลิฟอร์เนียเนื่องจากเป็นต้นเหตุให้ภาพเหล่านี้ถูกเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต
ภาพของนิคกี้โหดมาก คนที่ส่งไปให้ครอบครัวเค้าดูนี่คือใจร้ายสุด ๆ หนึ่งในตำรวจที่ส่งต่อภาพไปให้คนในครอบครัวอ้างว่าเพื่อเตือนสติให้เป็นอุทธาหรณ์ แต่คนที่ได้รับก็ส่งภาพนี้ไปให้กับคนอื่น ๆ ก่อนมันจะแพร่หลายบนอินเทอร์เน็ต พ่อของนิคกี้พยายามขอร้องเจ้าของเว็บที่โพสต์รูปให้ลบ รวมถึงลองเขียนโค้ดเพื่อให้ค้นหารูปภาพของนิคกี้ในกูเกิ้ลได้ยากขึ้นแต่ก็ไม่เป็นผล